13 พ.ค. เวลา 09:27 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปภาวะตลาดประจำสัปดาห์ที่ 6 พ.ค. – 9 พ.ค. 2568

ภาพรวม
  • Fed คงดอกเบี้ยที่ 4.25-4.5% โดยมีท่าทีลักษณะเข้มงวด (Hawkish) เนื่องจากรอข้อมูลเงินเฟ้อ
  • สหรัฐฯ-จีน ลดภาษีนำเข้า โดยสหรัฐฯ ลดเหลือ 30% และจีนลดภาษีเหลือ 10%
  • ตลาดหุ้นตอบรับเชิงบวก Dow Jones +2.8%, S&P 500 +3%, NASDAQ +4% และ Hang Seng +3%
  • การส่งออกของจีนเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 8.1% ธนาคารกลางจีนลดดอกเบี้ย 0.1% และลด RRR 0.5%
  • ตลาดหุ้นอินเดีย-ปากีสถาน เพิ่มขึ้น 3% และ 9.2% ตามลำดับ หลังตกลงหยุดยิง
สถานการณ์ตลาด
  • สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ค่อนข้างทรงตัว หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) คงอัตราดอกเบี้ย โดยมีท่าทีลักษณะเข้มงวด (Hawkish) เนื่องจาก Fed ต้องการรอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ ก่อนตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต
  • ความคืบหน้าการเจรจาการค้า
๐ สหรัฐฯ และจีนได้เจรจาการค้าเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด คือให้มีการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่ 90 วัน โดยสหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้าจากจีนลงเหลือ 30% จากเดิม 145% ขณะที่จีนจะลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เหลือ 10% จากเดิม 125%
๐ Bloomberg วิเคราะห์ว่า อัตราภาษีใหม่นี้จะช่วยลดผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อชะงักงัน (Stagflation) ในสหรัฐฯ ลงครึ่งหนึ่ง โดยอัตราภาษีนำเข้าใหม่ต่อจีน จะทำให้ Effective Tariff Rate ของสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 10.4% จากเดิม 20.3%
๐ จีนยังตกลงยกเลิกอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barrier) ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ด้วย อย่างไรก็ดี ทรัมป์ยังคงระมัดระวัง โดยระบุว่าหากการเจรจาในช่วง 90 วันข้างหน้าไม่ประสบผลสำเร็จ อัตราภาษีอาจกลับไปสูงกว่า 30% แต่ไม่ถึง 145% ตามเดิม
๐ ตลาดหุ้นตอบรับเชิงบวก เมื่อวันที่ 12 พ.ค. Dow Jones +1,100 จุด (+2.8%), S&P 500 +3%, Nasdaq +4%, ตลาดหุ้นจีน Heng Seng +3% และดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่ามากที่สุดตั้งแต่เลือกตั้งเดือน พ.ย. 67 ขณะที่ทองคำ -3% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.47%
๐ สหรัฐฯ ยังคงภาษีนำเข้าจากสหราชอาณาจักร (UK) ที่ 10% แต่ลดภาษีสำหรับเหล็กและอลูมิเนียมบางประเภท สำหรับรถยนต์จะอยู่ที่ 10% ใน 100,000 คันแรก จากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ทางด้าน UK ลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เหลือ 1.8% จากเดิม 5.1%
  • ผลการประชุม Fed
๐ สัปดาห์ที่ผ่านมา Fed คงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.25% - 4.5% ตามคาด โดยประธาน Fed ระบุว่า ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับดอกเบี้ย เนื่องจากภาษีนำเข้าก่อให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และอัตราการว่างงานที่ยังคงสูง
๐ นักลงทุนรอฟังสุนทรพจน์ของประธาน Fed ในสัปดาห์นี้ เพื่อรับฟังมุมมองล่าสุด หลังจากที่สหรัฐฯ และจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าในรอบแรก
  • เศรษฐกิจจีน
๐ การส่งออกเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 8.1% (YoY) สูงกว่าคาดที่ 2% ขณะที่การนำเข้าหดตัว 0.2% น้อยกว่าคาดที่หดตัว 5.9% ทำให้จีนเกินดุลการค้า 96,000 ล้านดอลลาร์
๐ การส่งออกไปยังอาเซียนเพิ่มขึ้น 21% และยุโรปเพิ่มขึ้น 8% แต่สหรัฐฯ ลดลง 21% จากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
๐ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ลดดอกเบี้ย 0.1% สู่ระดับ 1.4% และลดอัตราส่วนเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง คาดว่าจะช่วยเติมเงินเข้าสู่ระบบประมาณ 1 ล้านล้านหยวน (139,000 ล้านดอลลาร์)
  • ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์
๐ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ตลาดหุ้นอินเดียและปากีสถานปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากทั้งสองประเทศตกลงหยุดยิง ตลาดหุ้นอินเดียเพิ่มขึ้นสูงสุด 3% ส่วนปากีสถานพุ่งถึง 9.2%
๐ ล่าสุดประธานาธิบดีเซเลนสกี แห่งยูเครน ประกาศจะเดินทางไปอิสตันบูล ในวันที่ 15 พ.ค. นี้ เพื่อเจรจากับประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซีย ตามคำเชิญจากฝ่ายรัสเซีย ซึ่งยังต้องติดตามกันต่อไป
นโยบายการลงทุนและคำเตือน
  • เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • ผู้ลงทุนสามารถขอข้อมูลหนังสือชี้ชวนได้ที่สำนักงานของบริษัทจัดการ หรือจาก www.krungsriasset.com หรือตัวแทนสนับสนุนการขาย หรือเจ้าหน้าที่ขายหน่วยลงทุน
ติดตามกองทุนกรุงศรี อัปเดตข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ได้ที่
#KrungsriAsset #กองทุนกรุงศรี #Weeklymarketview #สรุปภาวะตลาดรายสัปดาห์
โฆษณา