เมื่อวาน เวลา 02:00 • ธุรกิจ

“XPENG” บริษัทเทคจีน 6 แสนล้านบาท จากผู้ผลิตรถ EV สู่รถบินได้-หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์

XPENG x ลงทุนแมน
 
XPENG เป็นบริษัทที่มีจุดเริ่มต้นจากผู้ผลิตรถสมาร์ท EV สัญชาติจีน ที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน ซึ่งชื่อของแบรนด์ก็มาจากผู้ก่อตั้งที่ชื่อ “คุณ He Xiaopeng (เหอ เสี่ยวเผิง)”
ความน่าสนใจคือ แบรนด์รถ XPENG เพิ่งก่อตั้งมาแค่ 11 ปี
แต่มูลค่าบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 590,000 ล้านบาท
และตอนนี้ไม่ได้มองตัวเองแค่เป็นบริษัทรถยนต์ EV เท่านั้น
แล้ว XPENG เติบโตเป็นบริษัทมูลค่าระดับหลายแสนล้านบาท ในเวลาอันรวดเร็วได้อย่างไร
และพวกเขาจะกลายเป็นบริษัทผู้นำรถ EV อัจฉริยะอีกหนึ่งแบรนด์ของจีนได้หรือไม่ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนจะไปเจาะลึกเส้นทางการเติบโตของแบรนด์ อยากชวนทุกคนมารู้จักชายผู้ที่เลือกจะทำตามความฝันของตัวเองและสร้างชื่อเสียงให้กับวงการยานยนต์อัจฉริยะของจีน นั่นก็คือคุณ He Xiaopeng ผู้ก่อตั้ง XPENG
ซึ่งเหตุผลที่คุณ He Xiaopeng สนใจยานยนต์ไฟฟ้า ก็เป็นเพราะเขาคือคนจีนกลุ่มแรก ๆ ที่ได้ลองขับรถยนต์ Tesla ซึ่งเขาก็ทึ่งกับเทคโนโลยีจนไม่ได้อยากจะเป็นแค่ ‘ผู้ใช้’ แต่เป็น ‘ผู้สร้าง’ เอง
นั่นเป็นจุดที่ทำให้เขาอยากจะลุกขึ้นมาปั้น XPENG ให้กลายเป็นบริษัทที่เปลี่ยนโฉมหน้าวงการรถยนต์ของจีน ไม่แพ้สิ่งที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ เคยทำมา
ลองมาดูไทม์ไลน์คร่าว ๆ ของเส้นทางแบรนด์ XPENG กัน
ปี 2014 - คุณ He Xiaopeng ก่อตั้งบริษัทร่วมกับเพื่อนอีก 2 คนคือ คุณ Henry Xia และคุณ He Tao
ปี 2018 - เปิดตัวรถ EV รุ่นแรก G3
ปี 2019 - เปิดตัวรถรุ่น P7 ที่สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.5 วินาที และได้เงินจากการระดมทุนมาราว 14,700 ล้านบาท
ปี 2020 - ระดมทุนเพิ่มเติมได้อีก 33,000 ล้านบาท
พร้อมทั้งนำบริษัทเข้า IPO ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) ได้เงินอีก 55,000 ล้านบาท
ปี 2021 - พาบริษัทเข้าตลาดหุ้นฮ่องกง (HKEX) ซึ่งถือเป็นบริษัทรถสมาร์ท EV รายแรกของจีนที่นำหุ้นเข้าตลาดแบบ Dual Listing หรือการจดทะเบียนควบ
ปี 2022 - เปิดตัวรถ EV บินได้ ในชื่อรุ่น X2 ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของวงการ EV โลก
ปี 2023 - เปิดตัวรถรุ่น G6 รถ SUV ที่จะมาเป็นคู่แข่งกับ Tesla Model Y
และในปี 2025 ที่งาน “Global Brand Night” ณ เกาะฮ่องกง He Xiaopeng ก็ได้แถลงทิศทางธุรกิจว่า XPENG จะเดินหน้าสู่บริษัท AI-driven Mobility แบบเต็มตัว หมายความว่า AI จะเข้ามาเป็นศูนย์กลางของ XPENG ในการพัฒนาเทคโนโลยีในทุกด้าน
โดย AI ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญแล้วกับ XPENG ในระบบการขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving) ที่ชื่อว่า XNGP ซึ่งบริษัทลงทุนพัฒนาเองสำหรับสภาพจราจรในเมือง เพื่อให้รถของ XPENG ขับเคลื่อนอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้อย่างปลอดภัย โดยระบบ XNGP เริ่มใช้งานในประเทศจีนแล้ว และกำลังเร่งขยายไปสู่ประเทศต่าง ๆ ในปีนี้
1
ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไม
แบรนด์ XPENG ถึงก้าวจาก 0 จนขึ้นมามีมูลค่ากว่า 590,000 ล้านบาทได้
ในระยะเวลาเพียง 11 ปีนั้น ก็มาจากการสร้างรถยนต์ EV ที่ไฮเทคและใช้งานง่าย ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า
จุดเด่นอันหนึ่งที่ XPENG มักจะได้รับเสียงชมก็คือการอัพเดทซอฟท์แวร์แบบ over-the-air (OTA) อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งรถของ XPENG จะมีการปล่อยฟีเจอร์ใหม่ ๆ ตลอด
โดยในประเทศจีน ในปี 2024 มีการอัพเดทใหญ่ถึง 22 ครั้ง และอัพเดทย่อยอีก 128 ครั้ง หรือโดยเฉลี่ยมีการอัพเดทมากกว่า 1.5 ครั้งต่อเดือน ทำให้รถ XPENG ทุกคันฉลาดขึ้นเรื่อยๆ
และในกรณีของประเทศไทย ทาง XPENG ตั้งเป้าไว้ว่าจะอัพเดทซอฟท์แวร์อย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง
โดยถ้ามาดูตัวเลขผลประกอบการของ XPENG ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ปี 2020 รายได้ 26,683 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 95,905 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 122,727 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 140,181 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 186,740 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า รายได้ของบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่องมา 5 ปี
หนึ่งในจุดเด่นที่พาให้ XPENG ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด EV อัจฉริยะสัญชาติจีน เพราะบริษัทเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี ท้ังซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์เองทั้งหมด หรือที่เรียกว่า Full-stack R&D Vertical Integration
โดยหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญที่ XPENG ทุ่มทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาขึ้นเอง ซึ่งกำลังจะเริ่มการผลิตในไตรมาส 2 ของปีนี้ก็คือ “Turing Chip” หรือชิปที่มีกำลังประมวลผลมากกว่าชิปรุ่นเดิม 3 เท่า ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่อัตโนมัติและการทำงานของ AI ระดับสูง
Turing Chip จะทำให้การขับขี่อัตโนมัติของรถ XPENG ไปสู่เลเวล 3 ที่บริษัทตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2025 และเตรียมต่อยอดไปที่เลเวล 4 ซึ่งเป็นระดับที่รถสามารถขับเคลื่อนอัตโนมัติในเขตพื้นที่ที่กำหนดไว้ได้เองทั้งหมด
และด้วยโปรเซสเซอร์ 40-core ที่มีกำลังประมวล 3 หมื่นล้านพารามิเตอร์ Turing Chip จะทำให้รถของ XPENG สามารถรันฟีเจอร์ AI และการขับขี่อัตโนมัติต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และทำให้ฟีเจอร์อัจฉริยะยังทำงานได้แม้ไม่มีอินเตอร์เน็ต
1
เหตุผลหลักที่ XPENG เลือกพัฒนาชิปเอง ก็เพราะบริษัทมองว่าในอนาคต ความต้องการกำลังการประมวลผลจะเพิ่มตามความฉลาดของระบบซอฟต์แวร์ บริษัทจึงอยากที่จะมีชิปที่สามารถปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุดกับโปรดักส์ของตัวเอง มากกว่าการพึ่งพาชิปทั่วไปจากผู้ผลิตรายอื่น
1
XPENG บอกว่าการเป็นเจ้าของเทคโนโลยีทำให้บริษัทสามารถออกนวัตกรรมใหม่ได้เร็ว ด้วยใช้เวลาเฉลี่ยเพียงแค่ 1 ใน 3 ของคู่แข่งเท่านั้น
ในไตรมาสแรกของปี 2025 XPENG มียอดจำนวนรถที่ขายได้ 94,008 คัน ถือว่าสูงสุดเป็นอันดับแรกในกลุ่มบริษัท Non-legacy EV ของจีน ชนะคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันอย่าง Li Auto และ Zeekr
ขณะเดียวกัน จำนวนรถที่ขายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 3 ปีที่ผ่านมา
1
ปี 2022 ขายรถ 120,757 คัน
ปี 2023 ขายรถ 141,601 คัน
ปี 2024 ขายรถ 190,068 คัน
1
แต่เส้นทางของ XPENG ก็ไม่ได้จะหยุดอยู่แค่รถยนต์ EV เท่านั้น เพราะพวกเขาตั้งเป้าที่จะเป็นบริษัท AI ที่สร้างระบบนิเวศของการเดินทางอัจฉริยะให้ครอบคลุมทุกมิติ ซึ่ง XPENG นิยามตัวเองว่าเป็น AI-Mobility Company
นอกจาก รถยนต์ EV แล้ว XPENG ยังมีการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่มีชื่อเรียกว่า “IRON” ที่มีข้อต่ออิสระ 22 จุด ทำให้หุ่นยนต์หยิบจับวัตถุต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำคล้ายกับมือมนุษย์ และเคลื่อนไหวได้ในรัศมี 200 องศา สามารถรับรู้สภาพแวดล้อมและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ ด้วยพลังจาก Turing Chip ที่มีกำลังประมวลผล 3,000 TOPS ซึ่งถ้าเทียบให้เห็นภาพ ก็มากกว่าชิป A18 ใน iPhone16 ถึง 85 เท่า
1
ปัจจุบันมีการทดลองใช้ IRON ในโรงงาน XPENG แล้ว และจะเริ่มการผลิตในล็อตใหญ่ภายในปี 2026
และยังมีโปรเจ็กรถบินได้ “XPENG AeroHT” ที่มียอดสั่งซื้อล่วงหน้าแล้ว 4,000 คัน ด้วยราคาประมาณ 9.1 ล้านบาทต่อคัน ซึ่งจะเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการที่จีนก่อนในปี 2026 และตามด้วยกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง
โดยหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์และรถบินได้ของ XPENG ก็จะใช้ Turing Chip ที่บริษัทกำลังพัฒนาอยู่ด้วย..
ดังนั้น ทั้ง 3 นวัตกรรมอย่างรถยนต์ EV อัจฉริยะ, รถบินได้, และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ จะเป็นกลยุทธ์หลักต่อจากนี้ของบริษัทที่เรียกว่า “AI Tech Tree” โดยเป็นการพาธุรกิจเกาะไปกับเทรนด์พลังงานไฟฟ้าและปัญญาประดิษฐ์ที่ฝังอยู่ในโปรดักส์ต่าง ๆ ของ XPENG
ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ที่ว่า XPENG ก็ได้เปิดตัว XPENG World Foundation Model ในงาน Auto Shanghai 2025 ที่สามารถประมวลสภาพแวดล้อม เข้าใจภาษา และตัดสินใจได้เร็วกว่าโมเดลประเภทเดียวกัน 35 เท่า
และนี่ก็คือเรื่องราวของ XPENG บริษัทที่ในช่วงแรกอาจจะเป็นที่รู้จักของคนกลุ่มเล็กๆ เพราะการแข่งขันในตลาดยานยนต์ EV จีนที่ดุเดือดหลายแบรนด์
ปัจจุบัน XPENG ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ EV ที่น่าจับตาอีกราย แต่กำลังเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางในหลากหลายมิติ
สำหรับประเทศไทย XPENG เริ่มเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา และเริ่มจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกคือ SUV รุ่น G6 ในเดือนสิงหาคม ต่อด้วยการเริ่มจำหน่าย MPV ไฟฟ้าแฟล็กชิปรุ่น X9 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
แม้จะเพิ่งเริ่มจำหน่ายได้เพียงไม่กี่เดือน แต่ XPENG สามารถทำยอดขายรวมได้ทะลุ 1,500 คัน ไปแล้ว
เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือ MGC-ASIA หนึ่งในผู้นำธุรกิจยานยนต์ครบวงจรของไทย ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 25 ปีในการดูแลแบรนด์รถหรูระดับโลก เช่น Rolls-Royce, Aston Martin, Maserati, BMW และ Honda
รวมถึงการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านยานยนต์ (Lifestyle Mobility Ecosystem) ที่ตอบโจทย์ลูกค้าระดับพรีเมียมได้อย่างครอบคลุม
การนำ XPENG เข้ามาจำหน่ายในไทย ถือเป็นการเติมเต็มพอร์ตผลิตภัณฑ์ของ MGC-ASIA ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่รถสมาร์ท EV สัญชาติจีนกำลังได้รับความสนใจทั่วโลก จากเหตุผลความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยีและความคุ้มค่า
ในเวลาเพียง 1 ปี XPENG ประเทศไทย ขยายเครือข่ายโชว์รูมและผู้จำหน่ายแล้วกว่า 13 แห่งทั่วประเทศ พร้อมยกระดับบริการหลังการขายด้วยศูนย์บริการครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การซ่อมบำรุงทั่วไป งานตัวถังและสี ไปจนถึงระบบแบตเตอรี่ โดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้า
XPENG ยังได้จัดตั้ง คลังอะไหล่ทันสมัย เพื่อรองรับบริการที่รวดเร็วและสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับลูกค้า
และจากนี้ XPENG เตรียมเดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มเติมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำที่จะมีบทบาทสำคัญในการนำ AI มาเปลี่ยนวงการ EV ในบ้านเรา...
โฆษณา