เมื่อวาน เวลา 05:00 • อสังหาริมทรัพย์

‘ภูเก็ต’โตสวนกระแส บิ๊กทุนแห่ปักหมุด มิกซ์ยูส- คอนโด -วิลล่าหรู แสนล้าน ราคาที่ดินพุ่ง2เท่า

ภูเก็ตโตสวนกระแสเศรษฐกิจดิ่ง บิ๊กทุน แห่ปักหมุด มิกซ์ยูส-วิลล่า-คอนโด-โรงแรมหรู แสนล้าน รับกำลังซื้อต่างชาติ ไรมอนแลนด์-อนันดา- ชาญอิสสระ-บีสตาร์ เฮฟเว่น ด้านไมเนอร์ ทอท.ดัน เขตปกครองพิเศษ-ขยายสนามบิน ดันราคาที่ดินพุ่ง2เท่า
ท่ามกลางตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา ยอดขายติดลบทั้งประเทศในทางกลับกัน มีภูเก็ตเพียงจังหวัดเดียวที่เติบโตโดดเด่น โดยมีตัวแปรมาจากกำลังซื้อต่างชาติ ที่ยังคงนิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และมองหาที่อยู่อาศัยระยะยาว
ด้วยปัจจัยที่เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก มีธรรมชาติเป็นแม่เหล็กสำคัญ การเดินทางเชื่อมโยงถึงกัน สะดวกรวดเร็ว จึงไม่แปลกที่นี่จะเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายคนส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์ทั้งไทยและต่างชาติ เข้ามาปักหมุดโครงการอย่างต่อเนื่อง และมีผลต่อราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้น
แม้ปีนี้ คาดการณ์ว่าการเติบโตของตลาดอสังหาฯในภูเก็ตจะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน จากปัจจัยเศรษฐกิจ ชะลอตัวนักท่องเที่ยวจีนลดลง ซัพพลายในตลาดรอโอนกรรมสิทธิ์ ยังมีอยู่มากแต่มองว่าอัตราการดูดซับเร็วกว่ากรุงเทพมหานครหลายเท่าตัว
น่าจับตา มีโครงการเปิดตัวใหม่ รูปแบบมิกซ์ยูส เพิ่มขึ้น ในภูเก็ต แม้ที่ผ่านมารูปแบบนี้จะเกิดขึ้นมานานแล้วก็ตาม แต่มองว่า ด้วยความต้องการของต่างชาติและคนไทยกระเป๋าหนัก ที่ต้องการทำกิจกรรมทั้งครอบครัว จึงต้องการกิจกรรมที่หลากหลายภายในโครงการ
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน)เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศและตลาดอสังหาฯในภาพรวมจะชะลอตัว แต่สำหรับภูเก็ต ยังเติบโต ต่อเนื่องสะท้อนจากจากดีมานด์ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา ทำให้มีดีเวลลอปเปอร์ ให้ความสนใจพัฒนาโครงการรองรับกำลังซื้อ ขณะการแข่งขันแน่นอนว่าย่อมมีสูง
เช่นเดียวกับ ชาญอิสสระ เปิดตัวโครงการ “ศรีพันวา ลากูน” มิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ในย่านเชิงทะเล บนที่ดินเนื้อที่ 62 ไร่ มูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งภายในโครงการมีทั้งวิลล่า โรงแรม ฯลฯ โดยโครงการนี้มีความแตกต่าง ไม่ติดทะเลแต่มีจุดเด่นเป็นทะเลสาบธรรมชาติ ที่ติดมากับที่ดิน บริษัทจึงนำมาเป็นจุดขาย โดยที่ดิน บริษัทซื้อใหม่ ไม่นาน จากการมองเห็นศักยภาพ แม้ว่าราคาจะสูงขึ้นก็ตาม
สอดคล้องนายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกจากบริษัทให้ความสนใจลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยหรู อาคารสำนักงานระดับพรีเมียม ในกรุงเทพมหานครแล้ว ยังมีแผนลงทุนโครงการ มิกซ์ยูสระดับลักชัวรีแห่งใหม่ในภูเก็ต ไตรมาส2ของปีนี้ ในทำเลย่านกมลา ซึ่งเป็นทำเลยอดนิยมของ คนไทยและชาวต่างชาติ
1
โครงการดังกล่าวเป็น Branded Residence ประกอบด้วยวิลล่าอัลตร้าลักชัวรี และโรงแรม มูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะลูกค้าชาวไทย และชาวต่างชาติที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สอง บ้านหลังเกษียณ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องการที่พักในทำเลที่ดีที่สุดของภูเก็ต
“หากมองไปที่ภูเก็ตในวันนี้ และในอนาคต การลงทุนในอสังหาฯระดับลักชัวรี และอัลตร้าลักชัวรีกลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจอีกต่อไป ท่ามกลางกระแสความต้องการของลูกค้าชาวไทย และต่างชาติที่มองหาบ้านหลังที่สอง หรือบ้านหลังเกษียณในสถานที่ ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบาย และการใช้ชีวิตที่หรูหรา ไรมอน แลนด์เลือกภูเก็ตเป็นศูนย์กลางของโครงการนี้ โดยมุ่งเน้นการพัฒนา Branded Residence ที่รวมวิลล่าหรู และโรงแรมสไตล์ลักชัวรีไว้ในโครงการเดียวและเป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน”
เช่นเดียวกับค่ายอนันดาฯ ประกาศบุกตลาดภูเก็ตครั้งแรก ในไตรมาส2 โครงการ มิรา วัลเลย์ (MIRA VALLEY) เนื้อที่ 550 ไร่ มูลค่า 50,000 ล้านบาท ย่านบางโจ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดภูเก็ต ติดเทือกเขากมลาและอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ ที่น่าจับตายัง ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอุดมสมบูรณ์กว่า 20,000 ไร่
รวมถึงยังเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานหลัก อาทิโรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ฯลฯที่นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อนันดา ประกาศว่า “มิรา วัลเลย์” ไม่ใช่เพียงโครงการที่อยู่อาศัย แต่เป็นการสร้าง Sustainable & Gated Community ที่ยั่งยืนระดับเวิลด์คลาส
โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพของภูเก็ตในฐานะศูนย์กลางการลงทุนด้านอสังหาฯระดับโลก จึงพัฒนาโครงการที่เป็นมากกว่าการอยู่อาศัย โดยรวมเอาความสะดวกสบาย โครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภคที่ยั่งยืนมาไว้ในที่เดียว โดยเริ่มพัฒนาเฟสแรก 140 ไร่
ล่าสุดอสังหาฯที่เตรียมประกาศเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสใหญ่ที่สุดในภูเก็ต “Sea Heaven Phuket Naithon Residential Hotel Management by Wyndham Garden” บนหาดในทอน พร้อมก้าวเข้าสู่ผู้เล่นหลักในตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต
ภายใต้ บริษัท บีสตาร์ เฮฟเว่น จำกัด นำโดย นายวีระวิทย์ มโนธรรมรักษา รองประธานบริษัทฯ และนายรังสรรค์ หวังไพฑูรย์ กรรมการบริหาร ที่ประเมินว่าตลาดมิกซ์ยูสในภูเก็ต เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเซ็นทรัล และเดอะมอลล์ มีแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ในอนาคต ซึ่งมั่นใจว่าจะสร้างสีสันให้ภูเก็ตคึกคักมากขึ้น
นายเมธาพงศ์ อุปัติศฤงค์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ ภูเก็ต ประเมินว่าตลาดอสังหาฯภูเก็ต แม้จะเติบโตลดลงจากปีที่ผ่านมา แต่มองว่าเติบโตมากกว่าจังหวัดอื่น การโอนกรรมสิทธิ์ยังดีต่อเนื่อง ปีนี้ แต่กังวลนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตลดลง โดยเฉพาะจีน
ซึ่งอาจมีผลต่อภาคอสังหาฯ แต่ทั้งนี้ ซัพพลายตลาดสะสมยังมีอยู่มาก แต่ในภาพรวม ใช้เวลาดูดซับได้เร็ว 8-12เดือน เมื่อเทียบกับกรุงเทพมหานคร ที่ต้องใช้เวลามากถึง 36 เดือน จึงประเมินได้ว่า ตลาดอสังหาฯในภูเก็ตยังมีอนาคตที่น่าจับตา
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการแผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่าตลาดอสังหาฯทั่วทุกภูมิภาครวมถึงกรุงเทพมหานคร กำลังซื้อชะลอตัวมีตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ที่ติดลบ
แต่สำหรับภูเก็ตกลับเติบโตโดยไตรมาสแรกของปี2568 มียอดโอนเป็นบวก มองว่ายังขยายตัวได้อีกมาก จากกำลังซื้อต่างชาติ ทั้งคอนโดมิเนียมและวิลล่า
ภาพรวมของบ้านพักตากอากาศในเมืองไทยที่ผ่านมาค่อนข้างได้รับความสนใจจากกลุ่มเศรษฐีชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะทำเลที่ดีในจังหวัดภูเก็ต แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2568
มีโครงการบ้านพักตากอากาศเปิดขายในในพื้นที่เกาะภูเก็ตมากถึง 660 ยูนิต จากโครงการบ้านพักตากอากาศทั้งหมดถึง 35 โครงการ ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงถึง 23,320 ล้านบาท และพบว่าอุปทานเปิดขายใหม่ของตลาดบ้านพักตากอาศในปีนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านเชิงทะเล เป็นส่วนใหญ่มากกว่า 55.90 %ทำเลดังกล่าวได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะกำลังซื้อชาวรัสเซียเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับพื้นที่จังหวัดภูเก็ตปัจจุบันทำเลหลักของการลงทุนบ้านพักตากอากาศส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณตามแนวชายหาดและในพื้นที่ใกล้แนวชายหาด ซึ่งโครงการบ้านพักตากอากาศส่วนใหญ่มีทำเลที่เปิดขายและได้รับความสนใจส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอถลางมากที่สุด ตามแนวชายฝั่งตะวันตกของเกาะ
ย่านหาดบางเทา หาดสุรินทร์ หาดลายัน เชิงทะเล รองลงมาคือ หาดในทอน บริเวณอ่าวฉลอง หาดราไวย์ หาดกมลา ป่าตอง สำหรับแนวโน้มในอนาคต คาดการณ์ว่าผู้พัฒนาส่วนใหญ่ยังคงนิยมพัฒนาบ้านพักตากอากาศในช่วงระดับราคา 30,000,000 - 50,000,000 บาท
เนื่องจากเป็นกลุ่มราคาที่ค่อนข้างได้รับความสนใจจากกำลังซื้อทั้งชาวไทยและต่างชาติ และส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างจากชายหาดมากขึ้น เพราะต้นทุนราคาที่ดินไม่สูง และมีบรรยากาศเงียบสงบเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย เนื่องจากในปัจจุบันที่ดินริมทะเลเริ่มหายากและมีราคาที่สูงมาก บวกกับการปรับตัวของราคาที่ดินในพื้นที่เกาะภูเก็ตในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
คาดการณ์ว่าตลาดบ้านพักตากอากาศในพื้นที่เกาะภูเก็ตจะยังคงได้รับความสนใจจากกำลังซื้อและผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะยังคงมีผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพมหานคร เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่เกาะภูเก็ต
ทั้งในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านพักตากอากาศอีกเป็นจำนวนมาก และอาจมีผู้พัฒนารายใหม่ให้ความสนใจเข้าลงทุนในจังหวัดภูเก็ตอีกเป็นจำนวนมาก
ขณะราคาที่ดินในภูเก็ตมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาความต้องการที่อยู่อาศัยในภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านพูลวิลล่าและคอนโดมิเนียม ส่งผลให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บวกกับการลงทุนจากนักพัฒนารายใหญ่
บริษัทพัฒนาที่ดินจากกรุงเทพฯ และห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ขยายการลงทุนออกสู่ภูมิภาคมากขึ้น ส่งผลให้ราคาที่ดินในจังหวัดภูเก็ตปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 30-50% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และสำหรับราคาที่ดินย่านในทอน พบว่า ที่ดินพื้นที่เชิงเขา ที่ดินมีราคาเสนอขายอยู่ที่ประมาณ 15-30 ล้านบาทต่อไร่ สำหรับที่ดินใกล้ชายหาดจะมีราคาเสนอขายอยู่ที่ประมาณ 25-50 ล้านบาทต่อไร่
ด้านนายวิลเลียม ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หนึ่งในข้อเสนอ ที่มองว่ารัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ควรผลักดัน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว คือ การเร่งดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาในภูเก็ต เสนอให้พิจารณาปรับปรุงระบบน้ำและการจัดการขยะเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูเก็ต การแก้ปัญหาการจราจรติดขัดด้วยการวางผังเมืองที่ยั่งยืนและพัฒนาสาธารณูปโภค
รวมถึงการกำหนดให้ภูเก็ตเป็นเขตปกครองพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงบประมาณและกำหนดนโยบายที่ยืดหยุ่นต่อการท่องเที่ยวและการพัฒนาเมือง และเพิ่มสัดส่วนการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้แก่ภูเก็ต เนื่องจากเป็นจังหวัดที่สร้างรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ แต่กลับได้รับงบประมาณเพียง 5% เนื่องจากจำนวนประชากรที่น้อย
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท. กล่าวว่าทอท.ยังจะเดินหน้าลงทุนแผนขยายท่าอากาศยานภูเก็ต วงเงิน 6.2 พันล้านบาท คาดประมูลก่อสร้างในกลางปี 2569 แล้วเสร็จในปี 2572 รองรับผู้โดยสารจาก 12.5 ล้านคน เป็น 18 ล้านคนต่อปี
โดยจะก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มพื้นที่อีกกว่า 1.77 แสนตร.ม.ส่วนโครงการสร้างสนามบินใหม่ ท่าอากาศยานอันดามัน หรือ สนามบินภูเก็ตแห่งที่ 2 บนพื้นที่ 7,300 ไร่ ลงทุนประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน
โฆษณา