14 พ.ค. เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 33.23 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.23 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.23 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.20 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.19-33.38 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าเงินดอลลาร์จะทยอยอ่อนค่าลงบ้าง
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย
หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนเมษายนล่าสุด ออกมา +2.3% ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย (อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI +2.8% ตามคาด) โดยผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่จะทยอยสูงขึ้นได้ จากผลกระทบของมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งจะทยอยสะท้อนออกมาในรายงานอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า
การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ก็เป็นไปอย่างจำกัด
ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่หนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 4.50% อีกครั้ง ทั้งนี้ เงินบาทยังเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม ทิศทางราคาทองคำ ซึ่งมีทั้งจังหวะย่อตัวลง ก่อนที่จะได้แรงหนุนจากโฟลว์ซื้อ Buy on Dip จากผู้เล่นในตลาดบางส่วน (ซึ่งอาจรวมถึงฝั่งผู้เล่นที่ต้องการ take profits สถานะ Short ทองคำ)
ทำให้ราคาทองคำรีบาวด์สูงขึ้นมากบ้าง และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา (แต่โดยรวม เราคงมองว่า ราคาทองคำจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เงินบาทเผชิญความผันผวน Two-Way Volatility ขึ้นกับทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยมี Beta ราว 0.3-0.5)
แนวโน้มของค่าเงินบาท
เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเราประเมินว่า ในช่วงนี้ เงินบาทอาจยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านสำคัญ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ง่ายนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาด อย่างฝั่งผู้ส่งออก ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ในโซนดังกล่าว อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า)
ก็อาจจะต้องการทยอยขายทำกำไรในโซนดังกล่าวบ้าง แต่หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้จริง เรามองว่า เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าต่อไปยังโซน 33.75-33.85 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยากนัก หากผู้เล่นในตลาดที่มีสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่า) ทยอยปิดสถานะ Cut Losses
ทั้งนี้ แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติ รวมถึงแรงขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะฝั่งบอนด์ ส่วนแรงขายหุ้นไทยช่วงนี้ ถือว่า เหนือความคาดหมายของเรา ที่ประเมินว่า ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดอาจช่วยหนุนให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยซื้อหุ้นไทยได้
อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-Way Volatility จากทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ที่แม้จะอยู่ในช่วงการพักฐาน Correction แต่ก็สามารถมีทั้งจังหวะย่อตัวลง สลับกับการรีบาวด์สูงขึ้น ทำให้โฟลว์ธุรกรรมซื้อ-ขายทองคำ ส่งผลกระทบต่อเงินบาทได้เช่นกัน
โดยรวมเรามองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัดแถวโซนแนวต้าน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ แต่หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้ชัดเจน อาจทำให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 33.75-33.85 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก ขณะที่โซนแนวรับสำคัญอาจขยับขึ้นมาแถว 33.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับถัดไปในช่วง 32.75-32.85 บาทต่อดอลลาร์ ตามเดิม
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.15-33.40 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.23 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”
ด้าน ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.24 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.22 บาท/ดอลลาร์
ซึ่งดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบแคบ อ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังคงปรับตัวขึ้น ถึงแม้จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ (CPI) ต่ำกว่าคาด นักลงทุนเลื่อนคาดการณ์ต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้เป็นเดือนก.ย. จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ค. หลังสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า ทำให้ลดแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้เฟดไม่จำเป็นต้องรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ
จับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพฤหัสบดีที่ 15 พ.ค.เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐของเฟด
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเมื่อวาน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,466 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 7,700 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 33.10- 33.50
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.10 /ขาย 33.50
EUR/THB 37.00- 37.40
* แนะนำ ซื้อ 37.00/ขาย 37.40
JPY/THB 0.2240- 0.2290
* แนะนำ ซื้อ 0.2240/ ขาย 0.2290
GBP/THB 44.00- 44.40
AUD/THB 21.30- 21.70
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.55 บาท/ดอลลาร์
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.55 บาท/ดอลลาร์
  • ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าตามเงินหยวนที่ได้อานิสงส์จากข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนีเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ออกมาที่ 0.2%MOM ต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อย
  • US Treasury yields ปรับสูงขึ้นเร็วเนื่องจากตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจลดดอกเบี้ยน้อยลงและช้าลงในปีนี้ โดยอาจลดแค่ 1 ครั้งในเดือนธันวาคม
  • นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าซาอุดีอาระเบียเตรียมลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่ารวม 1 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ sentiment ต่อ risk assets ดีขึ้น
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา