14 พ.ค. เวลา 11:15 • ไลฟ์สไตล์

🤝 หัวหน้าแบบไหน…ที่ Gen Z ฝากใจให้?

(คำตอบไม่ใช่แค่ “เก่ง” แต่ต้อง “อยู่ข้างกัน” ในวันที่ยังไม่เก่ง)
ในวันที่คนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z เข้ามามีบทบาทในที่ทำงานมากขึ้น หัวหน้าหลายคนเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง เช่น
“เราควรเป็นแบบไหนให้เขายอมรับ?”
“เขาคาดหวังอะไรจากเรา?”
“แค่เก่งพอไหม หรือยังต้องมีอย่างอื่นอีก?” เป็นต้น
จากประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับน้องๆ Gen Z ผมเริ่มเห็น pattern ที่น่าสนใจ — คนรุ่นใหม่นี้ไม่ได้ต้องการหัวหน้าที่เก่งที่สุดในห้อง แต่ต้องการ
“คนที่พร้อมเดินไปด้วยกัน ในวันที่เขายังไม่แน่ใจทาง”
คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ “หัวหน้าเก่งแค่ไหน?” แต่คือ…
“หัวหน้าอยู่กับเขาแค่ไหน…ในวันที่ทุกอย่างยังไม่ชัด?”
🧠 Gen Z เก่ง แต่ไม่ใช่เหล็กกล้า
และพวกเขาก็ไม่ควรถูกคาดหวังให้ต้อง “รู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง” ตั้งแต่เริ่ม
คนรุ่นนี้เติบโตมาในโลกที่ข้อมูลมหาศาลแต่ทุกอย่างก็ซับซ้อนได้ง่าย
• เรียนรู้ไว แต่ไม่ได้หมายความว่าพร้อมเสมอ
• กล้าทดลอง แต่ไม่ได้แปลว่าไม่กลัวผิดพลาด
• ใช้เทคโนโลยีคล่อง แต่ก็เปราะบางทางอารมณ์ไม่น้อย
ความโดดเดี่ยวในที่ทำงาน จึงกลายเป็น “เงียบแต่บั่นทอน” โดยเฉพาะเมื่อหัวหน้าบางคนตีความ “ให้อิสระ” ว่า = “ต้องทำเองให้ได้ทั้งหมด”
ความคาดหวังว่า “คนเก่งต้องทำได้เอง”…อาจกลายเป็น “แรงกดดันที่ทำให้คนเก่งหมดไฟ” โดยไม่รู้ตัว
💬 หัวหน้าที่ Gen Z ฝากใจให้ = ไม่ใช่คนที่ “เก่งกว่า” แต่คือคนที่ “อยู่ข้างๆ”
นี่ไม่ใช่แค่เรื่อง soft หรือ emotional แต่คือ Leadership Model ที่เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะในโลกที่ผันผวน และการเรียนรู้ต้องเร็วกว่าแผนที่วางไว้
หัวหน้าแบบไหนที่พวกเขาอยากเดินด้วย?
• ไม่ทิ้งกันเวลาเจอปัญหา → ไม่ใช่แค่ “มีปัญหาค่อยบอกนะ” แต่ “เข้ามาถามก่อน”
• เป็น Coach มากกว่า Command → ช่วยคิด ช่วยตั้งคำถาม ไม่ใช่แจกคำตอบเสมอ
• กล้ายอมรับว่า “เราก็ไม่รู้เหมือนกัน” แล้ว “ไปหาคำตอบด้วยกัน”
• เข้าใจว่าอายุ 23–24 ยังไม่ต้องเก่งทุกเรื่องก็ได้
หนึ่งในประโยคที่ Gen Z บอกผมว่า “มีค่าที่สุด” คือ…
“โอเค เดี๋ยวมานั่งดูกัน ว่าจะแก้ยังไงดี” = แค่คำนี้ แรงกดดันหลายเท่าก็ลดลงทันที
🌍 กรณีศึกษา - Adobe และหัวหน้าที่คนอยากกลับไปทำงานด้วย
Adobe ใช้นโยบาย “Check-in, not check-up” คือการพูดคุยที่เน้นความเข้าใจ ไม่ใช่เช็กงานอย่างเดียว
หัวหน้าทุกคนได้รับการเทรนเรื่อง Empathetic Leadership เพราะบริษัทเชื่อว่า
“หัวหน้าที่ทำให้คนรู้สึกปลอดภัย = หัวหน้าที่สร้างผลงานได้ดีที่สุด”
ผลลัพธ์?
• Engagement พนักงานสูงขึ้น
• Retention ของกลุ่ม Gen Z ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
• นักศึกษาฝึกงานกว่า 70% กลับมาสมัครงานจริง
สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากเงินเดือนหรือชื่อแบรนด์ แต่จาก “ความรู้สึกว่าเมื่อทำงานที่นี่ เราไม่ต้องเก่งคนเดียว”
📌 โมเดลผู้นำใหม่: The “Shoulder-to-Shoulder” Leadership (ผู้นำที่ไม่ได้เดินนำ…แต่เดินข้าง)
ผมอยากเสนอ Framework สำหรับหัวหน้าทุกคนที่อยากสร้างทีมแบบ Gen Z อยากร่วมเดินด้วย
“S-H-O-U-L-D” (6 หลักการของผู้นำที่อยู่ข้างทีมจริงๆ)
• S — Supportive by Default
อย่ารอให้ลูกทีมมาขอ แต่เดินไปดูด้วยตัวเอง
• H — Humility over Perfection
หัวหน้าที่ยอมรับว่าไม่รู้ทุกเรื่อง → ได้ความไว้ใจมากกว่าคนที่แกล้งรู้
• O — Open for Real Conversations
คุยนอกเหนือจากงาน = เข้าใจคนมากกว่าตัวเลข
• U — Understand Before You Judge
ฟังให้พอก่อนจะสรุปว่าใครเก่ง–ไม่เก่ง หรือเหมาะ–ไม่เหมาะ
• L — Learn Together
บางเรื่อง หัวหน้าก็เรียนรู้พร้อมกับลูกทีมได้…และควรจะเป็นแบบนั้นบ้าง
• D — Don’t Leave Them Alone in Chaos
อย่าปล่อยให้ใครต้องเผชิญความวุ่นวายคนเดียวโดยไม่มีใครถามว่า “โอเคไหม?”
✨ หัวหน้าที่ดี ไม่ใช่คนที่ “รู้มากกว่า” เสมอ แต่คือคนที่ “อยู่ใกล้กว่า” ในวันที่ทีมยังไม่มั่นใจ
ในโลกที่คนเก่งหาง่ายขึ้น
แต่คนที่อยากอยู่กับองค์กร “นานๆ” หายากขึ้น
“หัวหน้าที่ไม่ปล่อยให้ใครแก้ปัญหาคนเดียว”
อาจเป็น soft skill ที่ทรงพลังที่สุดของยุคนี้…
บางครั้ง Gen Z ไม่ได้อยากได้หัวหน้าที่สมบูรณ์แบบ
แต่แค่อยากได้ “หัวหน้าที่พร้อมฟัง” และ “ไม่ปล่อยให้เขาเผชิญปัญหาเดียวดาย”
เพราะหัวหน้าที่เก่ง…สร้างผลงานได้…แต่หัวหน้าที่ “อยู่ข้างใจ”…สร้างทีมที่อยากเดินไปด้วยกัน
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#GenZLeadership
#ไม่ต้องเก่งทุกอย่างแต่ขอไม่โดดเดี่ยว
#EmpathyInLeadership
โฆษณา