เมื่อวาน เวลา 03:30 • ธุรกิจ

ถอดกลยุทธ์ SKINTIFIC แบรนด์เครื่องสำอาง ที่กำลังมาแรง ในอาเซียน

ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องสำอางจากฝั่งเอเชีย
หลายคนอาจนึกถึงแบรนด์จากเกาหลี ญี่ปุ่น หรือไทย
แต่มีหนี่งแบรนด์ที่เริ่มต้นจากอินโดนีเซีย
และกลายมาเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในอาเซียน
ทั้งเวียดนาม, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์
รวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน
แบรนด์นั้นก็คือ SKINTIFIC
SKINTIFIC คือใคร และมีกลยุทธ์อะไรที่น่าสนใจ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
SKINTIFIC เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ที่อินโดนีเซีย
และได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสินค้าทั้งคุณภาพดี ราคาเข้าถึงง่าย และเหมาะกับสภาพอากาศที่ร้อนชื้น
ในปี 2024 SKINTIFIC ทำยอดขายสูงสุดบน Shopee อินโดนีเซีย
และในหมวดมอยส์เชอไรเซอร์ ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 28% ขณะที่หมวดเซรั่มและเอสเซนซ์ ก็ทำได้ 3%
ซึ่งบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง SKINTIFIC มีชื่อว่า Guangzhou Fimedia Network Technology
โดยทีมงานหลักของบริษัทนี้ คือ อดีตพนักงานของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba และ Huawei
ซึ่งคุ้นเคยกับการสร้างธุรกิจบนแพลตฟอร์มเทคโนโลยี ทำให้ SKINTIFIC ไม่ได้ใช้วิธีเดิม ๆ ในการสร้างแบรนด์ แบบแบรนด์เครื่องสำอางทั่วไป
SKINTIFIC เห็นโอกาสในการเติบโตของตลาดเครื่องสำอาง และตลาดอีคอมเมิร์ซ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงวางกลยุทธ์มุ่งเจาะตลาดอาเซียนตั้งแต่แรกเริ่ม
โดยสินค้าจาก SKINTIFIC ถ้าใครพลิกดูที่แพ็กเกจจิง แล้วเจอคำว่า Made in PRC คำว่านี้จะย่อมาจาก People's Republic of China หรือ สาธารณรัฐประชาชนจีน นั่นเอง
แล้วกลยุทธ์ของ SKINTIFIC มีอะไรบ้าง ?
- การวิจัยและพัฒนาสินค้า
พอตั้งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน ทำให้ SKINTIFIC สามารถพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ได้อย่างเหมาะสม
ด้วยความที่ภูมิอากาศของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่เป็นแบบร้อนชื้น ทำให้คนมักเจอปัญหาเรื่องผิวมันกัน
สินค้าของ SKINTIFIC ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ ทั้งสกินแคร์และเมกอัป เช่น มาสก์โคลนแบบแท่ง หรือ คุชชันที่คุมมันและติดทน ซึ่งต่างก็ได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า
- การตลาดบนโซเชียลมีเดีย
ความน่าสนใจคือ SKINTIFIC ใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์
โดยการจ้างผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพด้านโซเชียลมีเดียในประเทศนั้น ๆ เป็นคนดูแลแอ็กเคานต์ และจะเน้นแพลตฟอร์ม TikTok เป็นหลัก
บวกกับการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศนั้น ๆ และเน้นทำคอนเทนต์แบบเรียล ๆ ทำให้คนสนใจและอยากลองใช้ตาม
นอกจากนี้ ยังมีการจ้างพรีเซนเตอร์ที่ได้รับความนิยมในแต่ละประเทศ เพื่อให้สินค้าดูน่าเชื่อถือ
อย่างตัดภาพมาที่ไทย หนึ่งในประเทศที่ SKINTIFIC เข้ามาตีตลาด ล่าสุดก็ได้ 4EVE ศิลปิน T-Pop มาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าคุชชัน
- ขยายช่องทางการขาย จากออนไลน์ สู่ออฟไลน์
หลังจากทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียแล้ว SKINTIFIC ก็เน้นการขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ
โดยเฉพาะแพลตฟอร์มที่สามารถขายสินค้าแบบไลฟ์สด ที่นิยมในประเทศนั้น ๆ เช่น Shopee, TikTok, Lazada และ Tokopedia
ตัวอย่างในไทย แบรนด์ก็ได้ทำโปรโมชันพิเศษร่วมกับคุณวิน วิลเลียม พ่อค้าออนไลน์ที่โดดเด่นเรื่องการขายแบบไลฟ์สดบน TikTok ด้วยเช่นกัน
ต่อจากนั้นก็เริ่มขยายมาสู่ช่องทางออฟไลน์ โดยจะมีวางขายในบิวตีสตอร์ชั้นนำของประเทศต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้สินค้าจริง และเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์
ซึ่ง SKINTIFIC ยังมีการจัดตั้งระบบคลังสินค้าและโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
จากกลยุทธ์ทั้งหมดที่กล่าวมา จะเห็นว่าความสำเร็จของ SKINTIFIC ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
ตั้งแต่แรก SKINTIFIC ตั้งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน
สร้างแบรนด์ที่เข้ากับผู้คนและสภาพอากาศ
พร้อมกับสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ผ่านคุณภาพสินค้า และการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้ SKINTIFIC แบรนด์ที่เริ่มต้นจากอินโดนีเซีย กลายมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในตลาดเครื่องสำอางของอาเซียน ได้สำเร็จนั่นเอง..
โฆษณา