Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บอกให้รวย
•
ติดตาม
14 พ.ค. เวลา 15:08 • บ้าน & สวน
"อุเบกขา" โคก หนองนา ป่า สวนผสม
ปลูกผักในกล่องโฟม
การปลูกพืชในกล่องโฟมเป็นวิธีที่สะดวก ประหยัด และเหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด เช่น ปลูกบนระเบียงหรือหลังบ้าน นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นในการปลูกพืชในกล่องโฟม:
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1.
กล่องโฟม (เช่น กล่องเก็บปลา/กล่องอาหารทะเล)
2.
มีดหรือไขควง (สำหรับเจาะรูระบายน้ำ)
3.
ดินปลูกหรือวัสดุปลูก (เช่น ดินผสมปุ๋ยคอก ดินใบก้ามปู มะพร้าวสับ ฯลฯ)
4.
ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก (ปรับปรุงคุณภาพดิน)
5.
ต้นกล้าหรือเมล็ดพืช (เช่น ผักบุ้ง กวางตุ้ง โหระพา พริก ฯลฯ)
ขั้นตอนการปลูก
■
เตรียมกล่องโฟม
1.
ล้างให้สะอาด
2.
เจาะรูที่ก้นกล่องหรือข้างล่างประมาณ 4–6 รู เพื่อระบายน้ำ
3.
เตรียมกล่องโฟม
■
ล้างให้สะอาด
■
เจาะรูที่ก้นกล่องหรือข้างล่างประมาณ 4–6 รู เพื่อระบายน้ำ
■
รองก้นกล่อง
1.
วางเศษอิฐ มะพร้าวสับ หรือหินเล็กๆ บางๆ เพื่อช่วยการระบายน้ำ
2.
รองก้นกล่อง
■
วางเศษอิฐ มะพร้าวสับ หรือหินเล็กๆ บางๆ เพื่อช่วยการระบายน้ำ
■
เติมดินปลูก
1.
ผสมดินกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 3:1
2.
ใส่ดินลงไปให้สูงประมาณ 3/4 ของกล่อง
3.
เติมดินปลูก
★
ผสมดินกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 3:1
★
ใส่ดินลงไปให้สูงประมาณ 3/4 ของกล่อง
★
ปลูกพืช
1.
หยอดเมล็ดหรือปักต้นกล้า ห่างกันพอเหมาะ
2.
กลบดินบางๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
3.
ปลูกพืช
●
หยอดเมล็ดหรือปักต้นกล้า ห่างกันพอเหมาะ
●
กลบดินบางๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
●
การดูแลรักษา
1.
รดน้ำวันละ 1–2 ครั้ง แล้วแต่ชนิดพืชและสภาพอากาศ
2.
เติมปุ๋ยทุก 1–2 สัปดาห์
3.
หากมีแมลง ให้ใช้น้ำส้มควันไม้หรือสารชีวภาพฉีดพ่น
4.
การดูแลรักษา
■
รดน้ำวันละ 1–2 ครั้ง แล้วแต่ชนิดพืชและสภาพอากาศ
■
เติมปุ๋ยทุก 1–2 สัปดาห์
■
หากมีแมลง ให้ใช้น้ำส้มควันไม้หรือสารชีวภาพฉีดพ่น
■
พืชที่นิยมปลูกในกล่องโฟม
1.
ผักสวนครัว: กวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้า ผักชี โหระพา
2.
พืชสมุนไพร: ตะไคร้ ใบแมงลัก สะระแหน่
3.
ไม้ประดับหรือพืชกินผลขนาดเล็กก็สามารถปลูกได้หากกล่องมีขนาดใหญ่พอ
■
หากต้องการให้แนะนำชนิดพืชให้เหมาะกับฤดูกาล หรือมีภาพตัวอย่างการทำกล่องโฟมปลูกพืช ก็สามารถบอกเพิ่มเติมได้นะครับ.
การปลูกผักสลัดแบบใช้น้ำและปุ๋ยน้ำในกล่องโฟม (ที่เรียกกันว่า “ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์” หรือ “ปลูกแบบน้ำลึก (Deep Water Culture - DWC)”) มีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับการปลูกในดิน ดังนี้:
ข้อดีของการปลูกผักสลัดแบบใช้น้ำและปุ๋ยน้ำในกล่องโฟม
★
สะอาดและปลอดสารพิษ
1.
ไม่มีดิน ลดความเสี่ยงของเชื้อโรคและแมลงในดิน
2.
ควบคุมปุ๋ยและสารอาหารได้แม่นยำ ทำให้ไม่ต้องใช้สารเคมีมาก
3.
สะอาดและปลอดสารพิษ
●
ไม่มีดิน ลดความเสี่ยงของเชื้อโรคและแมลงในดิน
●
ควบคุมปุ๋ยและสารอาหารได้แม่นยำ ทำให้ไม่ต้องใช้สารเคมีมาก
●
เติบโตเร็วและให้ผลผลิตดี
1.
รากพืชดูดสารอาหารจากน้ำได้โดยตรง ไม่ต้องแย่งกับวัชพืชหรือดินแข็ง
2.
ผักสลัดจะโตไว ใบกรอบ น้ำหนักดี
3.
เติบโตเร็วและให้ผลผลิตดี
★
รากพืชดูดสารอาหารจากน้ำได้โดยตรง ไม่ต้องแย่งกับวัชพืชหรือดินแข็ง
●
ผักสลัดจะโตไว ใบกรอบ น้ำหนักดี
●
ประหยัดน้ำกว่า
1.
ระบบไฮโดรโปนิกส์ใช้น้ำน้อยกว่าดิน เพราะน้ำหมุนเวียนหรือแช่ตลอดเวลา
2.
ประหยัดน้ำกว่า
●
ระบบไฮโดรโปนิกส์ใช้น้ำน้อยกว่าดิน เพราะน้ำหมุนเวียนหรือแช่ตลอดเวลา
●
ควบคุมสิ่งแวดล้อมได้ง่าย
1.
เช่น ความเข้มข้นของปุ๋ย ความสะอาดของน้ำ และอุณหภูมิของราก
2.
ควบคุมสิ่งแวดล้อมได้ง่าย
●
เช่น ความเข้มข้นของปุ๋ย ความสะอาดของน้ำ และอุณหภูมิของราก
●
ปลูกได้ในพื้นที่จำกัด
1.
เช่น บนระเบียง บนดาดฟ้า หรือในบ้าน ใช้กล่องโฟมใบเล็ก ๆ ก็ได้
2.
ปลูกได้ในพื้นที่จำกัด
■
เช่น บนระเบียง บนดาดฟ้า หรือในบ้าน ใช้กล่องโฟมใบเล็ก ๆ ก็ได้
■
ข้อจำกัดที่ควรรู้
1.
ต้องคอยตรวจสอบค่า pH และ EC (ความเข้มข้นของปุ๋ยในน้ำ) ให้เหมาะสม
2.
ต้องมีแหล่งน้ำสะอาดและเปลี่ยนน้ำทุก 7–10 วัน
3.
หากไม่มีระบบออกซิเจน (เช่น หินอากาศ) ควรระวังน้ำเน่า
4.
ลงทุนเริ่มต้นมากกว่าดินเล็กน้อย (ซื้อปุ๋ยน้ำ, ถ้วยปลูก, ฟองน้ำปลูก)
★
สรุปเปรียบเทียบ
●
หากคุณต้องการวิธีทำกล่องไฮโดรโปนิกส์ง่ายๆ ด้วยโฟมและขวดน้ำ หรือสูตรปุ๋ยน้ำแนะนำ ก็แจ้งได้เลยครับ ผมสามารถจัดให้ละเอียดได้.
ต้นทุนในการปลูกผักสลัดแบบน้ำในกล่องโฟม (ระบบไฮโดรโปนิกส์แบบ DWC - Deep Water Culture) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักคือ ต้นทุนเริ่มต้น (ลงทุนครั้งเดียว) และ ต้นทุนต่อรอบการปลูก ดังนี้ครับ:
1. ต้นทุนเริ่มต้น (ลงทุนครั้งแรก)
รวมต้นทุนเริ่มต้น:
ประมาณ 100–500 บาท/ชุด (ขึ้นอยู่กับว่าคุณ DIY เองหรือซื้อสำเร็จรูป)
2. ต้นทุนต่อรอบการปลูก (ต่อรุ่น)
รวมต้นทุนต่อรอบ (ปลูก 10–20 ต้น):
ประมาณ 20–50 บาท (ไม่รวมอุปกรณ์ที่ใช้ซ้ำได้)
3. รายได้/ผลตอบแทน (โดยประมาณ)
1.
ผักสลัด 1 ต้น น้ำหนักประมาณ 100–150 กรัม
2.
ขายปลีกได้ 10–20 บาท/ต้น
3.
หากปลูก 20 ต้น จะได้ 200–400 บาท/รอบ (ใช้เวลา 25–30 วัน)
เคล็ดลับการลดต้นทุน
1.
ทำถ้วยปลูกจากแก้วพลาสติกเจาะรูเอง
2.
ใช้ฟองน้ำล้างจานตัดเป็นชิ้น
3.
ใช้น้ำฝนหรือน้ำบาดาลกรองแล้วจะช่วยประหยัด
4.
ใช้กล่องโฟมมือสอง (เช่นจากตลาดปลา) ล้างให้สะอาดก่อนใช้
หากคุณต้องการให้ผมคำนวณต้นทุนแบบละเอียดจากจำนวนต้นที่คุณต้องการปลูก หรือวางแผนเป็นรอบๆ เพื่อขายจริง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Chat GPT มากๆ ครับ
ความรู้รอบตัว
แนวคิด
สวนผักขนาดเล็ก
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย