15 พ.ค. เวลา 01:40 • ธุรกิจ

🚢💨 ท่าเรือและผู้ประกอบการจะมีบทบาทในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างไร? 💨🚢

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการเดินเรือทั่วโลกได้รับการจับตามองอย่างเข้มข้นในเรื่องของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แม้ว่ากฎระเบียบส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ภาคการขนส่งทางเรือ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ก็ยังมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ที่มีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยเช่นกัน (แม้จะไม่มากเท่าภาคการขนส่งทางเรือก็ตาม) 🤔
หนึ่งในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญคือ ท่าเรือและผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ ซึ่งทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างการขนส่งทางทะเลและทางบก อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าเข้าและออกจากประเทศ โดยเป็นประตูให้เรือเข้ามาเทียบท่าและขนถ่ายสินค้า ⚓️📦
🏗️ การก่อสร้างและการดำเนินงานของท่าเรือ: จุดเริ่มต้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 🏗️
ท่าเรือและท่าเทียบเรือเป็นสินทรัพย์ที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อที่ดิน การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก และการจัดซื้ออุปกรณ์ขนถ่ายสินค้า ซึ่งทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการก่อสร้างขนาดใหญ่ 🚧💰
เมื่อสร้างเสร็จและเปิดดำเนินการแล้ว กิจกรรมการขนถ่ายสินค้าและกิจกรรมสนับสนุนต่างๆ ในท่าเรือก็ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง 🏭💨 กิจกรรมเหล่านี้รวมถึงการใช้เครนและยานพาหนะในการเคลื่อนย้ายสินค้า/ตู้คอนเทนเนอร์ภายในพื้นที่ท่าเรือ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของเครนประเภทต่างๆ รถยก Reach Stacker รถบรรทุก และยานพาหนะอื่นๆ รวมถึงกิจกรรมด้านบริหารจัดการ ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสำคัญต่อการดำเนินงานที่ราบรื่นของท่าเรือ 🚚💨🏢
ดังนั้น การก่อสร้างและการดำเนินงานของท่าเรือและท่าเทียบเรือจึงก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่เริ่มต้น อันเนื่องมาจากกิจกรรมต่างๆ ที่อยู่ในขอบเขตของท่าเรือ 📊
นอกจากนี้ ท่าเรือยังถือว่ามีความรับผิดชอบทางอ้อมต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของหน่วยงานอื่นๆ ที่ดำเนินงานภายในหรือใช้พื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกของตนเอง 🤝
🌍🌱 การบูรณาการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ในการพัฒนาท่าเรือ 🌱🌍
ดังนั้น ในการออกแบบและก่อสร้างท่าเรือและท่าเทียบเรือ จึงควรคำนึงถึง เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นชุดเป้าหมายที่ได้รับการตกลงในระดับสากลและให้สัตยาบันในปี 2558 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ของสหประชาชาติ 🎯
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างท่าเรือใหม่ การประเมินโครงการขยายท่าเรือ หรือการกำหนดกระบวนการปฏิบัติงานประจำวัน การพิจารณาผลกระทบต่อ SDGs เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง 🤔
เพื่อยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เมื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างท่าเรือใหม่ การประเมินผลกระทบต่อระบบนิเวศและสังคมในท้องถิ่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง 🌳🏘️ ในทำนองเดียวกัน หากท่าเรือไม่มีร่องน้ำลึกตามธรรมชาติ ก็จำเป็นต้องมีการขุดลอกเป็นระยะ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน 🌊🐳
เมื่อเปิดดำเนินการแล้ว ท่าเรือสามารถสร้างขยะจำนวนมาก ซึ่งจะต้องมีการจัดการอย่างมีความรับผิดชอบ โดยจะต้องมีการเตรียมการที่เหมาะสมในการออกแบบและก่อสร้างท่าเรือ 🗑️♻️
💨📊 ประเภทของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากท่าเรือ 📊💨
เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากท่าเรือสามารถแบ่งออกได้เป็น:
* ขอบเขตที่ 1 (Scope 1): การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงจากกิจกรรมการดำเนินงานของท่าเรือเอง 🔥
* ขอบเขตที่ 2 (Scope 2): การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมของท่าเรือจากการผลิตไฟฟ้า ⚡
* ขอบเขตที่ 3 (Scope 3): การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ 🌍
ด้วยตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ในการเชื่อมต่อระหว่างการขนส่งทางทะเลและทางบก ท่าเรือไม่เพียงแต่สามารถควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเองได้เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ เช่น บริษัทขนส่งสินค้าทางเรือและผู้ให้บริการขนส่งทางรถบรรทุกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกด้วย 🤝
✅💡 มาตรการที่ท่าเรือและผู้ประกอบการท่าเทียบเรือสามารถนำมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม: 💡✅
* ลดหรือปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Minimising or optimising energy consumption): เนื่องจากกิจกรรมของท่าเรือเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานจำนวนมาก การลดหรือปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสามารถทำได้โดยการออกแบบกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ ลดการเคลื่อนย้ายที่ไม่จำเป็น และช่วยลดการใช้พลังงาน ตัวอย่างเช่น การวางแผนการจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ในพื้นที่ท่าเรือเพื่อให้สามารถเข้าถึงแต่ละตู้ได้ง่ายโดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์อื่นๆ 🔄📦
* การใช้แหล่งพลังงานสีเขียว/หมุนเวียน (Green/ renewable energy sources): ด้วยความต้องการพลังงานจำนวนมากของท่าเรือและท่าเทียบเรือ ทำให้ผู้มีอำนาจท่าเรือและผู้ประกอบการท่าเทียบเรือจำนวนมากขึ้นหันมาพิจารณาการเปลี่ยนแหล่งพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบเดิมไปเป็นพลังงานสีเขียวหรือพลังงานหมุนเวียน
โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้พลังงานจากแหล่งที่สะอาด ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดมลพิษ ตัวอย่างหนึ่งคือ พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ แต่หลังจากนั้นจะให้ประโยชน์ในรูปของการลดการใช้พลังงานแบบเดิม ลดค่าไฟฟ้า และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ☀️
🔌 ในสหราชอาณาจักร ท่าเรือนานาชาติพอร์ตสมัท (Portsmouth International Port) เป็นแห่งแรกในประเทศที่ใช้หลังคาโซลาร์เซลล์เพื่อจ่ายไฟให้กับการดำเนินงาน ส่วนในสหรัฐอเมริกา ท่าเรือคอร์ปัสคริสตี (Corpus Christi) ในรัฐเท็กซัส เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของท่าเรือที่กำลังสำรวจการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 🇺🇸🇬🇧
* ระบบไฟส่องสว่างอัจฉริยะ/แบบเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว (Sensor-activated / Smart lighting systems): ด้วยลักษณะงานในท่าเรือที่มีความเสี่ยงและอันตรายแฝงอยู่ ท่าเรือจึงจำเป็นต้องมีแสงสว่างที่เพียงพอเพื่อให้มองเห็นได้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการมองเห็นไม่ชัดเจน ซึ่งหมายถึงการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก 💡⚠️
ดังนั้น ท่าเรือจำนวนมากขึ้นจึงเปลี่ยนระบบไฟส่องสว่างมาตรฐานเป็นระบบไฟอัจฉริยะที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว โดยไฟจะเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบการเคลื่อนไหว และปิดเมื่อไม่มีการเคลื่อนไหว ซึ่งช่วยให้ท่าเรือลดการใช้พลังงานและรักษาสมดุลระหว่างความปลอดภัยและการใช้ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม 🚦💡
* การจ่ายไฟฟ้าจากฝั่ง (Cold ironing at Ports): หรือที่เรียกว่า Alternative Maritime Power หรือ Shoreside Supply คือการที่เรือใช้พลังงานไฟฟ้าจากฝั่งขณะเทียบท่า โดยท่าเรือจะจัดเตรียมให้เรือสามารถใช้พลังงานจากแหล่งที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษหรือก่อให้เกิดมลพิษน้อยกว่า (ในสถานการณ์ที่ดีที่สุดคือพลังงานแสงอาทิตย์) ทำให้เรือสามารถหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ในที่สุด ⚓️
🔌 การจ่ายไฟฟ้าจากฝั่งเป็นที่นิยมในท่าเรือแถบอเมริกาเหนือและยุโรป และขณะนี้จีนก็กำลังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้โดยได้รวมไว้ในแผน 5 ปีของประเทศแล้ว 🇨🇳🇺🇸🇪🇺
* การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพของท่าเรือ (Increasing port productivity and efficiency levels): มีความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างระดับผลิตภาพและประสิทธิภาพของท่าเรือกับระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เมื่อท่าเรือและท่าเทียบเรือมุ่งมั่นที่จะเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพโดยรวม ระดับกิจกรรมก็จะลดลง ส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงตามไปด้วย ⏱️📈
การขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์บนเรือที่รวดเร็วขึ้น ทำให้การขนถ่ายสินค้าเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลาที่เรือจอดเทียบท่า ซึ่งส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง นอกจากนี้ หากประหยัดเวลาที่ท่าเรือได้ เรือก็สามารถแล่นด้วยความเร็วที่ต่ำลงและยังคงรักษาความน่าเชื่อถือของตารางการเดินเรือได้
การแล่นด้วยความเร็วที่ต่ำลงจะลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในที่สุด การแบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเป็นปัจจุบันยังช่วยให้ผู้รับจัดการขนส่งสินค้า ผู้ให้บริการขนส่งต่อเนื่อง และผู้รับสินค้าสามารถวางแผนการเคลื่อนย้ายสินค้าล่วงหน้าได้ตามกำหนดเวลา
ซึ่งช่วยให้การขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์เป็นไปอย่างรวดเร็วและทันเวลา และยังช่วยลดเวลาการรอคอยและการจอดรถบรรทุกโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 🚚⏳
* การใช้เทคโนโลยี (Use of technology): หัวใจสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพและอำนวยความสะดวกในการวางแผนเชิงรุกคือการใช้โซลูชันเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการบริหารจัดการการดำเนินงาน ตลาดเต็มไปด้วยโซลูชัน Logtech ที่มีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายและมุ่งเป้าไปที่ห่วงโซ่อุปทานโดยรวมหรือด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือสามารถเลือกซอฟต์แวร์ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและความสำคัญของแต่ละกิจกรรม
การใช้เทคโนโลยีสามารถช่วยปรับปรุงการเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์และยานพาหนะ รวมถึงการจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งจะช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ 💻📱
ในทำนองเดียวกัน การใช้ระบบติดตาม RFID สามารถช่วยให้มองเห็นสถานะและตำแหน่งของตู้คอนเทนเนอร์ได้ง่ายขึ้น ทำให้สามารถค้นหาและเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยวิธีเหล่านี้และวิธีอื่นๆ เทคโนโลยีสามารถช่วยในการวางแผนและการจัดการเรือและตู้คอนเทนเนอร์ที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการเคลื่อนย้ายที่ไม่จำเป็น เร่งการเคลื่อนย้ายสินค้า และโดยทั่วไปจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้อง 🌐
* ระเบียงสีเขียว (Green corridors): ระเบียงสีเขียวเป็นแนวคิดใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่การทำให้การขนส่งระหว่าง 2 ท่าเรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปล่อยมลพิษน้อยลง ระเบียงการขนส่งสีเขียวเชื่อมต่อ 2 ท่าเรือในลักษณะที่อำนวยความสะดวกในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ต่ำลง (หรือเป็นศูนย์) โดยการสร้างระบบนิเวศทั้งหมดที่มุ่งเน้นการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการกำกับดูแล การรับรองความพร้อมของเชื้อเพลิงสีเขียวตามเส้นทาง และแรงจูงใจทางการเงิน 🚢➡️🚢 ด้วยความใหม่และความซับซ้อนของแนวคิดนี้ จึงยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีเพียงท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้นที่กำลังประเมินความเป็นไปได้ในการเชื่อมต่อกับจุดหมายปลายทางที่ใหญ่ที่สุดของตน (เช่น เส้นทางการค้าระหว่างเอเชียและยุโรป) 🌍
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้ท่าเรือและผู้ประกอบการท่าเทียบเรือทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมการเดินเรือและโลกของเรา😊🌱🌊
#ท่าเรือรักษ์โลก #ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก #ความยั่งยืน #สิ่งแวดล้อม #GreenPorts #SustainableShipping #EmissionsControl #SDGs #อนาคตที่ยั่งยืน
โฆษณา