15 พ.ค. เวลา 07:31 • ปรัชญา

“เมื่อใจไม่ติด…ทุกการขายคือการสลัดความทุกข์”

“เมื่อใจไม่ติด…ทุกการขายคือการสลัดความทุกข์”
หลายคนถามว่า
“เลี้ยงปลากัด มันคุ้มไหม?”
“ขายได้ตัวละไม่กี่บาท จะรวยไหม?”
บางวันมียอด
บางวันมีแต่ความเงียบ
บางวันโดนลูกค้ายกเลิก
ถ้ามองแบบคนทั่วไป…ใช่ครับ มันเหนื่อย
แต่นักสื่อธรรม…มองต่างออกไป
เรากำลังฝึกใจ…ให้ไม่หวังผลเกินจริง
ในคาถาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
“โยนิโส มนสิการา สัมปทา – ความเจริญเกิดจากการพินิจด้วยปัญญา”
เราต้องถามตนเองทุกวันว่า…
• เราเลี้ยงปลากัดเพื่ออะไร?
• เราขายเพราะอะไร?
• เราภูมิใจในสิ่งที่ทำ หรือยึดติดกับคำชม?
คำถามเหล่านี้
จะพาใจเราลงจากเวทีแห่งความหวัง
แล้วมานั่งนิ่งอยู่ตรงกลาง…ของ “ความเป็นจริง”
ขายปลา…ไม่ใช่แค่ให้ได้ยอด แต่เพื่อฝึก “ปล่อยวาง”
บางตัวที่เลี้ยงมานาน
ตั้งใจสุดชีวิต
สุดท้ายตายกะทันหัน
หากใจยังยึดติดว่า “ต้องได้เท่านั้น ต้องรอดเท่านี้”
เราจะทุกข์ทุกครั้งที่โลกไม่เป็นไปตามใจ
แต่หากใจฝึกไว้แล้วว่า…
“สิ่งใดเกิดขึ้น ย่อมดับไป”
แม้เสียใจ…แต่เราจะไม่เสียศูนย์
แม้ร้องไห้…แต่จะกลับมายิ้มได้ไวขึ้น
ทุกปลาที่ขายออกไป คือการส่งต่อชีวิต พร้อมแรงปรารถนาดี
บางครั้งลูกค้ามองเห็นแค่ปลา
แต่สิ่งที่แนบไปด้วยคือ…
• ความตั้งใจของเรา
• ความอดทนตอนเปลี่ยนน้ำ
• ความเอาใจใส่แม้ปลาจะยังไม่โต
• ความเมตตาที่เราไม่อยากให้เขาถูกกัด
ทั้งหมดนี้ คนไม่รู้ แต่ “กรรมรู้”
และโลกจะค่อย ๆ ตอบแทนเราด้วยสิ่งที่เราสมควรได้รับ
การขาย…จึงกลายเป็น “ทางเดินภาวนา”
ทุกครั้งที่จับปลาใส่ถุง
ให้ถามตัวเองว่า…
“ใจเราหนักแน่นพอหรือยัง?”
ทุกครั้งที่นั่งรอคนโอน
ให้ถามว่า…
“เราผูกหวังไว้แค่ไหน?”
และทุกครั้งที่ได้เงิน
ให้ถามว่า…
“เราอยากเก็บไว้ใช้ หรืออยากแบ่งปันให้ใครบางคนได้มีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นบ้าง?”
หากเราขายปลากัดธรรมดา ๆ
ด้วยจิตแบบนี้ทุกวัน
สุดท้าย เราอาจไม่ได้เป็นแค่พ่อค้าขายปลา
แต่เป็น “ผู้เปลี่ยนแปลงชีวิตคนอื่น” โดยไม่รู้ตัว
— นักสื่อธรรม
โฆษณา