16 พ.ค. เวลา 04:37 • ความคิดเห็น
1. ตรงไปตรงมาคือ คุณต้องทำความเข้าใจพื้นฐานคนที่สอนคุณมาแบบนั้นก่อนว่า พวกเขาเคยเผชิญอะไรมา หรือต้องเผชิญกับอะไรมา หรือกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ คงไม่มีพ่อแม่คนใดที่อยากให้ลูกตัวเอง ต้องตกระกำลำบาก และนี่ไม่ใช่การแนะนำให้คุณมองโลกสวย หรือมองบวก แต่เป็นการแนะนำให้ "ใช้สมอง" เพื่อการคิดวิเคราะห์และทำความเข้าใจคนอื่น เรียกว่า Empathy มันคือ Soft Skill ที่องค์กรทั่วโลกถามหา
2. การสอนว่าให้คบคนที่รวยๆ หรือให้เลือกคู่ครองที่รวยๆ ไม่ได้มีการสอนเฉพาะในครอบครัวฐานะไม่ดี แม้แต่ในครอบครัวฐานะปานกลาง หรือในหมู่เศรษฐีก็มีการสอนแบบนี้ "เป็นปรกติ" ครอบครัวเราก็สอน สังเกตดูก็ได้ว่า "คนรวยจะคบหากับคนรวยด้วยกัน เพื่อการแสวงหาโอกาส ในการร่วมกันต่อยอดทางธุรกิจ" ทั้งหมดนี้ คือเรื่องจริงในแวดวงนักธุรกิจ ที่ถูกนำไปพูดในเชิงกระแนะกระแหน
3. คุณควรคิดแค่ว่า "เพราะพ่อแม่ลำบาก ก็เลยไม่อยากให้เราลำบาก" คุณคิดแค่นี้แล้ววางมันลง คำถามคือแล้วตุณจะทำอย่างไรต่อไป ก็ในเมื่อหน้าที่คุณคือเรียนหนังสือ ตอนนี้คุณก็แค่เรียนหนังสือ กับสิ่งที่จะช่วยพ่อแม่ได้ ก็คือการตั้งใจเรียน และมองหารายได้เสริมเล็กๆน้อยๆ ที่พอจะมีช่องทาง
ที่ดียิ่งกว่านั้น คือการเรียนหนังสือให้เก่งจนโดดเด่น และพาตัวเองไปอยู่กับสังคมเพื่อนที่เรียนหนังสือเก่งๆ คนเก่งๆ จะนำโชคลาภและช่องทางต่างๆ มาให้คุณเอง และจะนำคุณไปสู่สังคมที่ดีขึ้น
หากคุณจน ซ้ำยังเรียนหนังสือไม่เก่ง แถมหน้าตาธรรมดา
เรื่องจริงที่คุณต้องยอมรับคือ ไม่มีคนรวยที่ไหนจะมองคุณ
กลับกัน หากคุณจน แต่เรียนหนังสือเก่ง
คุณจะเนื้อหอมในหมู่คนเก่ง และหน่วยงานที่ต้องการตัว
และหากคุณจน เรียนหนังสือไม่เก่ง
แต่รูปร่างหน้าตาสะสวย
ก็ให้ระวังคนรวยจะสอย แล้วทิ้งขว้าง
เพราะมูลค่าความสวยจะลดลงตามปริมาณการเสพ
ด้วยความจริงใจอย่างที่สุด!
โฆษณา