16 พ.ค. เวลา 14:30 • ไลฟ์สไตล์

2,500 ล้านดอลลาร์ แห่งความโดดเดี่ยว

บทเรียนชีวิตของชายผู้สร้าง Minecraft ผู้ร่ำรวยแต่ชีวิตกลับไร้ซึ่งเป้าหมาย
Markus Persson หรือที่แฟนเกมรู้จักกันในชื่อ “Notch” เขาคือโปรแกรมเมอร์ชาวสวีเดนผู้ให้กำเนิดเกม Minecraft เกมที่เปลี่ยนชีวิตเขาและเด็กๆ ในยุคไปตลอดกาล
เขาสร้าง Minecraft ตั้งแต่ปี 2009 และต่อมามันกลายเป็นเกมต่อบล็อกสี่เหลี่ยม ที่ผู้เล่นจะสร้างอะไรก็ได้จากบล็อกเหล่านั้น โดยในเกมก็จะมีหน้าตาเหมือนกับโลกของเรา คือมีพื้นดิน มีต้นไม้ มีสัตว์ มีแร่ใต้ดินให้เราสำรวจ เกมนี้ได้รับความนิยมมากๆ ทำให้เขากลายเป็นตำนาน และตัวเกม Minecraft เองก็ได้รับการยกย่องให้เป็นวิดีโอเกมที่มีอิทธิพลมากที่สุดเกมหนึ่งตลอดกาล
ในช่วงเฟื่องฟู Minecraft เคยขายได้ถึง 15 ล้านชุดบนคอนโซลเกมต่างๆ และเปลี่ยนให้ Mojung บริษัทเล็กๆที่เขาสร้างกลายเป็นบริษัทที่มีพนักงานมากขึ้น แต่วันที่ตัวเลขพุ่งสูงสุด กลับเป็นวันที่เขาหมดความสุขกับมันโดยสิ้นเชิง
จนในปี 2014 เขาขาย Mojang ให้ Microsoft ด้วยมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์ ด้วยเหตุผลที่ว่า
“ผมลาออกจากบริษัท Mojang เพราะว่าผมไม่เห็นภาพของตัวเองที่เป็นนักพัฒนาเกม ความหลงใหลในการสร้างเกมของผมเชื่อมโยงกับความสนุก ผมยังรัก Minecraft อยู่เสมอ ความต้องการของผมคือการสร้างเกม แต่ผมไม่ได้สร้างโดยมีเป้าหมายว่ามันจะโด่งดังขนาดนี้”
(👉 อ่านเรื่องราวของ ‘Notch บิดาแห่ง Minecraft’ จากความรักที่มีต่อการพัฒนาเกม สู่การละทิ้งผลงานชิ้นเอกของตัวเอง เพราะไม่เหลือความสนุกในการสร้างอีกต่อไป https://www.facebook.com/share/p/169Wesm3XX/ )
[ ขายเกมจนรวยแล้วยังไงต่อ? 💰 ]
มาร์คัส ขายลิขสิทธิ์เกม Minecraft ให้กับ Microsoft ในเดือนกันยายน 2014 ด้วยมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหลังจากหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว ดีลนั้นทำให้เขามี ทรัพย์สินสุทธิ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
ต่อมา ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน เขากลายเป็นเจ้าของบ้านที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของลอสแองเจลิส ด้วยการประมูลซื้อบ้านมูลค่ากว่า 70 ล้านดอลลาร์ ชนะ Jay-Z และ Beyoncé
ชีวิตหลังความสำเร็จดูเหมือนจะหรูหราไร้ที่ติ มีบ้านใหญ่ รถหรู เครื่องบินส่วนตัว ไปปาร์ตี้กับคนดังระดับโลก ใช้ชีวิตอย่างสุดขั้ว เหมือนกับคนวัย 35 ปีที่อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดในโลก
มาร์คัส ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ปาร์ตี้หรูหราแบบไม่ยั้ง จนคนรู้จักในครอบครัวรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ MailOnline ว่า
“หวังว่าเขาจะไม่ถูกร้อยรัดด้วยแรงกดดันจากชื่อเสียงและทรัพย์สินมหาศาลที่ได้มา”
และในเดือนสิงหาคม 2015 เขาก็ได้ทวีตความในใจออกมาว่า
“ความมั่งคั่งมหาศาลทำให้การมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์กลายเป็นเรื่องแทบเป็นไปไม่ได้ และ ปัญหาของการได้ทุกอย่าง… คือคุณจะหมดเหตุผลที่จะพยายามต่อ”
เขาหย่าร้างหลังแต่งงานได้เพียงหนึ่งปี และเคยใช้เงินเป็น หลักแสนปอนด์ ในคืนเดียวที่บาร์ คาสิโน และไนต์คลับในลาสเวกัส
Dailymail รายงานโปรแกรมเมอร์คนนี้เคยใช้เงินกว่า 180,000 ดอลลาร์ หรือราว 6,300,000 บาท ในค่ำคืนเดียว เหมาทริปหรู 3 วันพาพนักงานไป โมนาโก โดยใช้เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว พนักงานนั่งรถสปอร์ต ดื่มแชมเปญ และปาร์ตี้บนเรือยอชต์สุดหรู พร้อมแจกโบนัสพนักงานรวมมูลค่ากว่า 2 ล้านปอนด์
และขายบ้านที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ (หลังที่กล่าวไปข้างต้นไป) ขาดทุนไป 20 ล้านดอลลาร์เพราะว่ามันไม่ตอบโจทย์ชีวิตของเขา
และครั้งหนึ่งในปี 2015 เขาทวีตไว้ก่อนจะลบมันออกไปว่า
“การออกไปเที่ยวที่เกาะอีบิซาพร้อมกับเพื่อนๆ และปาร์ตี้กับคนดัง ผมสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการ แต่..ผมไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวมากไปกว่านี้อีกแล้ว”
ชีวิตหลังขาย Minecraft ของเขาไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก มีเกมเล็กๆ ออกมาเล็กน้อยบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้หายไปจากวงการก็คือ การที่เขาเคยมีประเด็นดราม่า จากการแสดงความเห็นเกี่ยวกับ LGBTQ จน Microsoft ตัดขาด ไม่เชิญร่วมงานครบรอบ 10 ปี Minecraft ในปี 2019 ดราม่าเหล่านี้ทำให้แฟน Minecraft จำนวนมาก หันหลังให้มาร์คัสด้วย
[ 🎮 เมื่อ Notch ลองจะสร้าง Minecraft 2… แล้วล้มเลิกภายใน 2 วัน ]
เมื่อช่วงต้นปี 2025 ที่ผ่านมา มาร์คัสได้สร้างความฮือฮาในวงการเกมด้วยการเปิดโหวตบนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) เพื่อให้แฟน ๆ เลือกแนวทางของเกมใหม่ที่เขาจะพัฒนา โดยมีสองตัวเลือกคือ เกมแนว roguelike แบบดันเจียน และเกมที่เป็น “ภาคต่อทางจิตวิญญาณ” ของ Minecraft
ผลโหวตแสดงให้เห็นว่าแฟน ๆ ส่วนใหญ่ (ประมาณ 81.5%) ต้องการให้เขาสร้างเกมที่สืบทอดจิตวิญญาณของ Minecraft Notch จึงประกาศว่าเขา “basically announced Minecraft 2” หรือ “ประกาศ Minecraft 2 อย่างไม่เป็นทางการ”
อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่วันต่อมา เขาได้เปลี่ยนใจและยกเลิกแผนการพัฒนาเกมดังกล่าว โดยระบุว่าเขาจะมุ่งเน้นไปที่โปรเจกต์เกมแนว roguelike ชื่อ “Levers and Chests” แทน โดยเขาให้เหตุผลว่าการสร้างภาคต่อเกมอาจไม่สนุกเท่าที่คาดหวัง
และการ “ถอย” อย่างกะทันหันของ Notch ก็สร้างเสียงแตกในหมู่แฟนเกม บางคนหาว่าเขา “ปั่นเล่น” บางคนบอก “แค่ดีใจที่พี่กลับมาสร้างเกมอีกครั้ง” และบางเสียง… ก็บอกว่า
“มันก็แค่กิจกรรมของคนรวย ที่ไม่รู้จะเอาเวลาไปทำอะไรแล้ว”
แต่เรื่องนี้น่าคิดต่อว่า…
[ สิ่งที่เราคิดว่าพอรวยแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง มันจริงหรือ? 🧐 ]
ดูอย่างมาร์คัสสิ คนที่สร้าง Minecraft แล้วรวยระดับพันล้านเหรียญ แต่ชีวิตหลังประสบความสำเร็จกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ความเหงา และแรงกดดันจากความคาดหวังของคนทั้งโลก
จากโปรแกรมเมอร์ชาวสวีเดนที่สร้างเกมด้วยความรัก สู่เศรษฐีที่ใช้เงินคืนละแสน ปาร์ตี้กับคนดังระดับโลก อยู่ในคฤหาสน์ 70 ล้านเหรียญที่ใหญ่จนไม่มีใครให้อยู่ด้วย
เรื่องนี้สะท้อนเรื่องหนึ่งที่คนเรามักจะพูดกันแต่คนไม่เชื่อ นั่นคือ
“แม้จะมีทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีความสุขได้” แม้จะมีเงินล้นฟ้า แต่ก็ไม่รู้จะ “ใช้ชีวิตไปเพื่ออะไร” ได้อีกเช่นกัน
ล่าสุด เขาบอกว่าอยากสร้างเกมใหม่ เป็น Minecraft 2 แต่แค่ 2 วัน เขาก็ลบโพสต์ และยกเลิกไอเดียนั้นไป
เหตุผลคือ… “จากความสำเร็จที่เคยมี และเงินที่เขามีตอนนี้ มันมีสิ่งที่ตามคือความคาดหวังเกินจริง กับอดีตที่ไม่มีวันย้อนกลับไปได้”
มันไม่ใช่แค่เกมที่เขาทำไม่ไหว แต่มันคือ “ชีวิตใหม่” ที่เขาไม่รู้จะไปทางไหนดีอีกแล้ว
1
[ 🔍 เพราะฉะนั้น เราในฐานะคนธรรมดา ควรถามตัวเองว่า… ]
เราต้องการชีวิตแบบไหน? เพราะการเงินส่วนบุคคล (Personal Finance) ไม่ใช่แค่เรื่อง “หาให้เยอะ” แต่มันคือการ “เข้าใจตัวเองให้ชัด” ว่า
👉 เราทำงานไปเพื่ออะไร
👉 เงินที่อยากได้ จะถูกใช้ทำอะไร
👉 และสุดท้าย…เราต้องการชีวิตที่เรียบง่าย หรือยิ่งใหญ่แบบไหนกันแน่?
แม้ เราจะคิดและโตมากับความเชื่อว่า “พอรวยแล้ว เดี๋ยวทุกอย่างจะดีเอง”
แต่ความจริงคือ… ชีวิตที่จะดีขึ้น เกิดจากการตกตะกอนให้ดีว่าชีวิตมีเป้าหมายยังไง
เพราะบางครั้ง แค่มีเป้าหมายเล็ก ๆ ให้ตื่นมาทำในแต่ละวัน หรือได้ใช้เวลากับสิ่งที่รัก โดยไม่ต้องรอให้มี “ทุกอย่าง” เท่านั้น…ก็เพียงพอแล้วสำหรับคำว่า “ชีวิตดี”
เขียนโดย กนกจันทร์ เรืองวัฒนานนท์, Content Creator
#aomMONEY #การเงินส่วนบุคคล #เป้าหมาย #ความร่ำรวย #mindset
โฆษณา