Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Witly. - เปิดโลกวิทย์แบบเบา ๆ
•
ติดตาม
22 พ.ค. เวลา 05:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
🧠 แรงหมดแบบไม่รู้ตัว เมื่อ "บุคลิกภาพ" กำลังดูดพลังชีวิตของเราอยู่เงียบ ๆ
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางวันถึงรู้สึกเหนื่อยล้าแบบไม่รู้สาเหตุ? แม้นอนเต็มอิ่ม กินอาหารดี หรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้วก็ตาม แต่ร่างกายและใจก็ยังคงรู้สึกหมดแรงอย่างน่าประหลาด — อาจเป็นเพราะ "ต้นตอ" ของความเหนื่อยนี้ ไม่ได้อยู่ที่ร่างกายเพียงอย่างเดียว... แต่อยู่ที่ "ตัวตนภายใน" ของเราด้วย
นักวิจัยเริ่มพบว่า “บุคลิกภาพ” ของเรามีผลต่อระดับพลังงานของเราเช่นกัน ไม่ใช่แค่คุณภาพการนอน อาหาร หรือการเคลื่อนไหวเท่านั้นที่ส่งผลต่อพลังชีวิต แต่ “นิสัย ความชอบ และวิธีที่เราปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัว” ก็สามารถเป็นตัวกำหนดความเหนื่อยล้าได้อย่างชัดเจน
🎭 บุคลิกแบบไหนกันแน่ ที่ดูดพลังเราไป?
คุณเคยอิจฉาเพื่อนที่ดูเป็นคนมี "พลังเหลือเฟือ" หรือไม่? — ไม่ว่าจะเป็นจุดศูนย์กลางของงานปาร์ตี้ หรือยังสดใสแม้ในช่วงที่เต็มไปด้วยความเครียด ในขณะที่คุณกลับรู้สึกหมดแรงเร็วกว่าคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ทำกิจกรรมเหมือนกัน — ความแตกต่างนี้อาจซ่อนอยู่ใน "บุคลิกภาพ" ของแต่ละคน
งานวิจัยหนึ่งที่ศึกษาลักษณะบุคลิกภาพ 5 ประเภทหลัก (The Big Five) พบว่า คนที่มองว่าตัวเองมีบุคลิก “เก็บตัว” (Introvert) มีแนวโน้มจะเหนื่อยง่ายกว่าคนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น แบบทดสอบบุคลิกภาพ Myers-Briggs ยังชี้ให้เห็นอีกว่า คนที่เป็น Introvert มีความเสี่ยง “หมดไฟ” หรือรู้สึกอ่อนล้ามากกว่า Extrovert อย่างชัดเจน
“การรู้ว่าคุณเป็น Introvert หรือ Extrovert คือจุดเปลี่ยนของชีวิต เพราะมันทำให้คุณสามารถจัดการพลังชีวิตของตัวเองได้ดีขึ้น ตั้งขอบเขตเพื่อรักษาสุขภาพจิตของตัวเองได้มากขึ้น” — Haulwen Nicholas, Energy Mindset Mentor
🧍♀️🧍♂️ สังคมปัจจุบัน...อ่อนโยนกับ Introvert หรือไม่?
แม้ทุกคนจะต้องการพักผ่อนจากความเครียด แต่บางคน “ต้องการมากกว่า” และ “เร็วกว่าคนอื่น” Haulwen ชี้ว่า ในโลกตะวันตก (รวมถึงวัฒนธรรมเมืองใหญ่ทั่วโลก) มักเชิดชูลักษณะของคน Extrovert — การเข้าสังคม การพูดคุยอย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่การถูกกระตุ้นให้ “พูดออกมา” ถูกมองว่าเป็น “จุดแข็ง” ขณะที่การอยู่เงียบ ๆ พักผ่อนคนเดียว หรือไม่อยากเข้าสังคม กลับถูกตีตราว่า “ไม่ปกติ”
นี่คือกับดักของสังคม ที่ทำให้คน Introvert ต้องแบกรับสิ่งที่เกินกำลังตนเอง แม้พวกเขาไม่ได้เกลียดสังคมหรือผู้คน — พวกเขาแค่ “หมดพลังเร็ว” กว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
🔬 เข้าใจบุคลิก = เข้าใจพลังชีวิต
แม้คำว่า Introvert และ Extrovert จะดูเหมือนแบ่งขั้วกันชัดเจน แต่ความจริงคือ — "บุคลิกของเราเป็นสิ่งที่ซับซ้อนและมีหลายมิติ" Haulwen อธิบายว่า “บุคลิกไม่ใช่ข้อจำกัด แต่เป็น ‘ความถนัดตามธรรมชาติ’ ที่บอกเราว่าควรอยู่ตรงไหนจึงจะรู้สึกดี” Introvert บางคนอาจพูดต่อหน้าผู้คนได้เป็นร้อยอย่างมั่นใจ หรือมีเพื่อนที่สนิทมาก ๆ ได้ แต่สิ่งที่ต่างคือ “หลังจากนั้นรู้สึกยังไง” — พวกเขามักรู้สึกหมดแรง ต้องการอยู่เงียบ ๆ เพื่อชาร์จพลัง ขณะที่ Extrovert กลับรู้สึกมีพลังมากขึ้นหลังจบกิจกรรมแบบเดียวกัน
ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นทั้งสองแบบ — ไม่ต้องงง เพราะคุณอาจเป็น Ambivert (คนที่มีคุณสมบัติของทั้ง Introvert และ Extrovert) หรือ Omnivert (คนที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์หรืออารมณ์ ณ ขณะนั้น)
การเข้าใจว่าเราอยู่ตรงไหนในสเปกตรัมนี้ สำคัญมากต่อการเลือกกิจกรรมที่ “เติมพลัง” หรือ “ลดพลัง” เพราะการฝืนทำสิ่งที่ขัดกับธรรมชาติของตัวเองบ่อย ๆ นำไปสู่ "ภาวะหมดไฟ" (Burnout) ได้ง่ายขึ้นกว่าที่คิด
🌱 เปลี่ยนความเข้าใจ = เปลี่ยนวิธีดูแลตัวเอง
ข่าวดีคือ เราสามารถฝึกตัวเองให้ทำกิจกรรมที่ไม่ถนัดได้ แต่ Haulwen เตือนว่า การฝืนออกนอกพื้นที่สบาย (Comfort Zone) ต้องทำอย่างมีสติ เพราะหากทำเกินขีดจำกัด — พลังงานที่มีอยู่น้อยนิด อาจหมดลงแบบไม่ทันตั้งตัว การยอมรับบุคลิกของตัวเอง ไม่ใช่การจำกัดศักยภาพ แต่คือการมองเห็นศักยภาพที่ “เหมาะ” กับเรา อย่าลืมว่า... "คุณไม่จำเป็นต้องเปล่งแสงเหมือนคนอื่น แค่รักษาแสงของตัวเอง…ไม่ให้ดับ ก็เพียงพอแล้ว"
🔥 5 วิธีฟื้นพลังไว ใช้ได้กับทุกบุคลิก โดย Haulwen Nicholas
🔹 1. ทบทวน “มุมมองต่อโลก” ของตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหน — จะ Introvert หรือ Extrovert ก็สามารถมองโลกในแง่ดีหรือร้ายได้ตามบริบท
แต่ "การคิดบวก" คือทักษะที่ช่วยให้เรา “ต้านทานพลังลบ” ได้ดีขึ้นเสมอ "การมองความท้าทายเป็นโอกาส คือพลังงานทางใจที่ป้องกันเราจากความเหนื่อยล้าได้อย่างดี" Haulwen แนะนำว่า ควรเปลี่ยนจากการ “กังวลกับปัญหา” ไปเป็น “หาทางแก้ไข” เพราะการวนเวียนอยู่กับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ คือการสูญเสียพลังอย่างเปล่าประโยชน์
🔹 2. สร้าง “ขอบเขตชีวิต” ที่ชัดเจน
คุณเป็นคนที่พูดว่า “ไม่” ยากไหม? คุณเคยรู้สึกผิดเวลาไม่ตอบแชทดึก ๆ หรือปฏิเสธคำชวนจากคนรอบข้างหรือเปล่า?
ถ้าใช่ — มันอาจเป็น “รูรั่ว” พลังงานที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตคุณ “การบอกปัดบางอย่าง ไม่ได้ทำให้คุณเป็นคนแย่ แต่มันคือการบอกว่า ‘ฉันเคารพพลังของตัวเอง’” Haulwen ย้ำว่า การมีช่วงเวลาหยุดพักตามที่ร่างกายต้องการ คือสิ่งที่สมควรได้รับโดยไม่ต้องรู้สึกผิด รวมถึงการตั้งกฎง่าย ๆ เช่น ไม่ตอบงานหลังเลิกงาน หรือไม่พกโน้ตบุ๊กกลับบ้าน ก็ด้วย
อีกหนึ่งเทคนิคสำคัญคือ “การตรวจสอบพลังงาน” (Energy Audit) ให้คุณลองจดสิ่งที่ทำในแต่ละวัน แล้วแบ่งเป็น 2 กลุ่ม:
1.
กิจกรรมที่เติมพลัง
2.
กิจกรรมที่ดูดพลัง
หากเจอกิจกรรมที่ดูดพลัง ลองพิจารณาว่า สามารถ “มอบหมายให้คนอื่น” ได้ไหม? “ทำให้เป็นอัตโนมัติ” ได้ไหม? หรือ “ตัดออกจากชีวิต” ไปเลยได้ไหม?
🔹 3. มองเข้าไปข้างในตัวเอง
การรู้ว่าอะไรดูดพลังงานของเราได้ ต้องเริ่มจากการ “เข้าใจตัวเอง”
Haulwen ชี้ว่า “ความตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) คือเครื่องมือสำคัญที่สุด เพราะมันช่วยให้เรารู้ทัน เมื่อใดที่พลังเริ่มลดลง เราควรทำอย่างไรต่อไป” ยิ่งคุณรู้ว่าความเหนื่อยของคุณเริ่มจากตรงไหน — คุณจะสามารถวางขอบเขต ปรับสภาพแวดล้อม และรักษาใจให้มั่นคงได้ง่ายขึ้น
🔹 4. สร้างทักษะ “ฟื้นตัวเร็ว” (Resilience)
ทักษะนี้ ไม่ได้มีไว้สำหรับเด็กเท่านั้น แต่คือสิ่งที่ “ผู้ใหญ่ที่เปราะบางทางใจ” ต้องการเช่นกัน
Resilience ไม่ได้แปลว่า “แข็งแกร่งตลอดเวลา” แต่มันหมายถึงความสามารถในการ “ฟื้นคืน” จากความล้มเหลว ความเครียด หรือสถานการณ์ที่ดูดพลัง — “Resilience ช่วยให้เราไม่จมอยู่นานกับสิ่งที่ผิดหวัง และสามารถฟื้นกลับมาใช้ชีวิตได้ไวขึ้น” Haulwen ย้ำว่า การดูแลใจตัวเองเมื่อพลังลดลงคือทักษะสำคัญของชีวิตในศตวรรษนี้
🔹 5. หาผู้เชี่ยวชาญ เมื่อรู้สึกว่าทำเองไม่ไหว
หากคุณรู้สึกหมดแรงเรื้อรัง — อาจมีบางอย่างในร่างกายที่คุณไม่รู้ เช่น ปัญหาต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ ขาดวิตามิน หรือภาวะซึมเศร้า/วัยก่อนหมดประจำเดือน (perimenopause)
ในกรณีที่สาเหตุไม่ใช่ร่างกาย — แต่คือ “ความเหนื่อยล้าทางใจ” ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา โค้ช หรือนักบำบัด สามารถช่วยให้คุณเห็นภาพตัวเองชัดเจนขึ้น และสอนวิธีจัดการพลังชีวิตในแบบที่เหมาะกับคุณ
🧛 ระวัง “พลังงานแวมไพร์” ที่ดูดพลังคุณทุกวัน
เคยได้ยินไหมว่า “คนบางคนเป็น ‘หม้อน้ำร้อน’ แต่บางคนเป็น ‘ท่อระบายน้ำ’” บางคนทำให้เรารู้สึกดี พลังพุ่ง แต่บางคน...แค่เดินเข้าใกล้ ก็เหมือนแรงหดหายหมด
Emma Sims นักบำบัดแบบองค์รวม อธิบายว่า “Energy Vampire” คือคนที่ใช้คำพูด การกระทำ หรือบรรยากาศรอบตัว ดูดพลังจากคนอื่นโดยไม่รู้ตัว พวกเขาอาจมีลักษณะเช่น:
●
บ่นตลอดเวลา
●
มองโลกในแง่ร้าย
●
ไม่รับผิดชอบความรู้สึกของตัวเอง
●
ควบคุม/วิจารณ์/ทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยค่า
แม้พวกเขาจะไม่ได้ตั้งใจ เพราะอาจมีบาดแผลในใจ หรือภาวะสุขภาพจิตบางอย่าง แต่คุณ “ต้องปกป้องตัวเอง” จากพฤติกรรมเหล่านี้ — วิธีง่าย ๆ ที่ Emma แนะนำ คือ:
●
วางขอบเขตให้ชัด
●
อย่ารับบท “ผู้กอบกู้วิญญาณ” ให้ใครจนตัวเองหมดแรง
●
ฝึกปฏิเสธอย่างสุภาพแต่หนักแน่น
🔚 ถึงเวลารู้จักตัวเอง เพื่อปกป้องพลังชีวิตของตัวเอง
บางครั้ง “พลังงาน” ไม่ได้หายไปไหน แค่มันถูกใช้ผิดที่ แค่คุณรู้จัก "ใคร" หรือ "อะไร" ที่ทำให้คุณหมดแรง และมีทักษะในการรับมือ คุณจะสามารถกลับมาเป็นตัวคุณเองในเวอร์ชันที่ “ไม่เหนื่อย” ได้อีกครั้ง
เพราะการดูแลพลังงาน คือการดูแล “ชีวิต” ของเรา และในโลกที่วุ่นวายแบบนี้... การรักษาแรงให้เหลือไว้สำหรับสิ่งสำคัญ คือศิลปะของการมีชีวิตอยู่
📌 สรุปสั้น ๆ
✅ บุคลิกภาพส่งผลโดยตรงต่อระดับพลังในชีวิต
✅ Introvert มักเหนื่อยง่ายกว่า Extrovert เพราะต้องใช้พลังมากในการเข้าสังคม
✅ สังคมมักยกย่องคนเปิดเผย ทำให้คนเก็บตัวรู้สึกฝืน
✅ การเข้าใจว่าตัวเองเป็นแบบไหน (Introvert, Extrovert, Ambivert, Omnivert) ช่วยให้จัดการพลังชีวิตได้ดีขึ้น
✅ การฝืนตัวเองมากเกินไปทำให้เกิด Burnout
✅ การรู้จักขอบเขต การคิดบวก และการดูแลใจคือทางรอด
✅ เทคนิคเสริมพลัง 5 ข้อ: ปรับมุมมองชีวิต, ตั้งขอบเขต, รู้จักตัวเอง, ฝึกฟื้นตัวไว, และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
✅ ระวัง “Energy Vampire” – คนหรือสถานการณ์ที่ดูดพลังคุณโดยไม่รู้ตัว
🔎 แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
1.
https://www.researchgate.net/publication/315784654_The_Relationships_between_Big_Five_Personality_Traits_and_Subjective_Vitality
วิทยาศาสตร์
แนวคิด
ความรู้รอบตัว
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย