17 พ.ค. เวลา 02:01 • ธุรกิจ

GULF ถือหุ้น KBANK 5% จะเกิดอะไรต่อไป ได้บ้าง ?

ข่าวดังสุดในวงการตลาดทุนเมื่อวาน GULF เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น KBANK เป็น 5.2% เป็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนว่า GULF เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน KBANK อย่างมีนัยสำคัญ
1
ถ้าในอดีต GULF ซื้อ INTUCH เพื่อครอบครอง AIS ได้
ใคร ๆ ก็คงจะคิดได้ว่าคราวนี้ GULF มีศักยภาพในการครอบครอง KBANK ได้เช่นกัน
1
AIS เป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่สุดด้านการสื่อสารของไทย
KBANK เป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่สุดด้านการเงินของไทย
ย้อนกลับไป คงไม่มีใครคิดได้ว่า
เรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้
แล้วเรื่องนี้จะเกิดอะไรต่อไป ได้บ้าง ?
หลายคนยังไม่รู้ว่า INTUCH มีสินทรัพย์ซ่อนอยู่คือ บริษัทดาวเทียม THAICOM
และหลายคนยังไม่รู้ว่า KBANK มีขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่อีก 1 บริษัทใหญ่คือ “เมืองไทยประกันชีวิต” (MTL)
ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตยักษ์ใหญ่ของประเทศไทยเช่นกัน
1
GULF AIS THAICOM KBANK MTL
สุดยอดธุรกิจ ไฟฟ้า สื่อสาร ดาวเทียม ธนาคาร ประกันชีวิต ของประเทศไทย
อะไรจะเกิดต่อไปกับการซื้อกิจการไปเรื่อย ๆ ของ GULF ได้บ้าง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
ข่าวล่าสุด GULF รายงานว่าได้เข้าถือหุ้น KBANK เป็นสัดส่วน 5.23%
มูลค่าหุ้นที่ GULF ถือ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท
ในตอนนี้ KBANK มีมูลค่าบริษัททั้งหมดประมาณ 380,000 ล้านบาท
คำถามต่อไปที่หลายคนคงอยากรู้
GULF ต้องถือหุ้นเท่าไร ถึงมีอำนาจควบคุมบริษัท ?
1
ถ้าอยากหาคำตอบก็ต้องดูระบบกลไกของบริษัท ว่าผู้ถือหุ้นส่งผ่านอำนาจในการควบคุมบริษัทได้อย่างไร
4
คำตอบก็คือผ่าน กรรมการบริษัท
โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นจะโหวตอนุมัติกรรมการ
หมายความว่าถ้า GULF ซื้อหุ้นได้มากเกินกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ที่เข้าประชุมผู้ถือหุ้น ก็มีโอกาสสูงที่จะมีอำนาจควบคุมกรรมการบริษัท และให้กรรมการบริษัทนั้นควบคุมฝ่ายบริหารของบริษัทอีกทอดหนึ่ง
1
แล้วผู้เข้าประชุมผู้ถือหุ้น KBANK ครั้งล่าสุดมีเท่าไร ?
1
การประชุมสามัญผู้ถือหุ้น KBANK ที่จัดวันที่ 9 เม.ย. 68
มีเสียงลงคะแนนประมาณ 1,333 ล้านเสียง
3
การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น KBANK ที่จัดวันที่ 7 พ.ค. 68
มีเสียงลงคะแนนประมาณ 1,423 ล้านเสียง
1 เสียง มาจาก 1 หุ้น
ซึ่งหากคิดเป็นครึ่งหนึ่งของ 1,423 ล้านหุ้น ก็ประมาณ 711.5 ล้านหุ้น
KBANK มีจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,369 ล้านหุ้น
หมายความ GULF ต้องการหุ้นประมาณ 711.5 ล้านหุ้น จาก 2,369 ล้านหุ้น หรือประมาณ 30% ของ KBANK ก็อาจมีโอกาสได้ควบคุมเสียงส่วนใหญ่ในการแต่งตั้งกรรมการได้
5
ตอนนี้ GULF มีหุ้นแล้ว 5.23% ก็แปลว่า GULF ยังต้องซื้ออีก 24.77%
และระหว่างนั้น ถ้า GULF ถือข้าม 25% ก็ต้องทำ Tender Offer รับซื้อหุ้นทั้งหมด
คำถามคือ GULF ต้องใช้เงินเท่าไรในการไปถึงจุดนั้น
ถ้าคิดจากราคาหุ้น KBANK ปัจจุบัน ก็ต้องใช้เงินอีก 176,703 ล้านบาท
ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนเงินที่มาก และไม่รวมเงินที่ต้องเตรียมมา Tender Offer รับซื้อหุ้นที่เหลืออีก
แต่นี่เป็นกรณีที่เสียงจำนวนที่เหลือไม่เห็นด้วยกับ GULF เลย
ซึ่ง GULF จะใช้เงินน้อยลง หากทำให้เสียงของผู้ถือหุ้นอื่น ๆ ในที่ประชุมเห็นด้วยกับการเสนอกรรมการของ GULF ได้
แล้วเส้นทางของ GULF ที่เคยทำกับ INTUCH เป็นอย่างไร ?
- มิถุนายน 2563 GULF เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใน INTUCH สัดส่วน 4.59%
- สิงหาคม 2563 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 7.99%
- ตุลาคม 2563 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 10.00%
- มกราคม 2564 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 15.00%
- เมษายน 2564 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 18.93%
และในที่สุด GULF ได้อนุมัติ ให้ทำ Tender Offer หรือการประกาศรับซื้อหุ้นที่เหลือของบริษัท INTUCH จากผู้ถือหุ้นคนอื่นทั้งหมด หลังจากการ Tender Offer ปัจจุบัน GULF ได้ขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ INTUCH โดยถืออยู่ในสัดส่วน 42.25%
จะเห็นได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่ถึง 1 ปี ในการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH ซึ่ง INTUCH ก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ AIS อีกทอดหนึ่ง
ก็น่าติดตามกันต่อไปว่า ในการเข้าซื้อหุ้น KBANK ของ GULF ในครั้งนี้ จะเดินตามรอยกรณีของ INTUCH หรือไม่
มาถึงตรงนี้ทุกคนคงสงสัย GULF มีเงินมากพอที่จะซื้อหรือไม่ ?
เรามาดูงบการเงินของ GULF ในตอนนี้กัน
ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 (ก่อนควบรวมกิจการกับ INTUCH)
สินทรัพย์ 522,478 ล้านบาท
เงินสด 53,406 ล้านบาท
หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 338,644 ล้านบาท
GULF มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 1.96 เท่า
1
จะเห็นได้ว่า GULF ถึงแม้มีหนี้ในระดับแสนล้านบาท แต่ยังมีเงินสดพอที่จะซื้อ KBANK ให้ถึงระดับเหนือกว่า 10%
แต่หาก GULF อยากซื้อมากกว่านั้น ก็มีทางเลือกคือ
1.การกู้เงินเพิ่ม หรือ
2.รอนำกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ GULF และปันผลจาก AIS THAICOM หรือแม้แต่ KBANK เอง เพื่อวนกลับมาซื้อหุ้น KBANK ต่อ
3
ซึ่งกระแสเงินสดที่ GULF จะได้ในแต่ละปี คาดว่าจะเป็นหลายหมื่นล้านบาท หมายความว่า อาจจะใช้เวลาไม่กี่ปีในการเข้าซื้อ KBANK ได้ถึงระดับที่ตั้งใจไว้
ทั้งนี้ต้องหมายเหตุว่า GULF อาจจะไม่ได้ซื้อหุ้น KBANK เพิ่มไปเรื่อย ๆ ก็เป็นได้ หรืออาจจะขายหุ้น KBANK ลดสัดส่วนหลังจากนี้ก็เป็นได้ ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
2
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ในกรณีที่ GULF ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ KBANK จริง
GULF จะมีอำนาจทางอ้อมไปเป็นเจ้าของบริษัท ที่หลายคนนึกไม่ถึง ซึ่งก็คือ “เมืองไทยประกันชีวิต” สีชมพู ที่หลายคนคุ้นตา
1
โดย KBANK ถือหุ้น บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด 51% ซึ่งบริษัทนี้ถือหุ้น 75% ในบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) อีกทอดหนึ่ง..
ในปี 2567 บริษัทประกันชีวิตนี้ มีสินทรัพย์มากถึง 643,071 ล้านบาท
มีรายได้ 91,848 ล้านบาท และกำไร 5,606 ล้านบาท
ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ถึงแม้ KBANK จะถูกก่อตั้งโดยตระกูลล่ำซำ แต่ปัจจุบันตระกูลล่ำซำ ลดบทบาทในธนาคารลงมามากแล้ว
แต่สำหรับเมืองไทยประกันชีวิตนั้น ถูกก่อตั้งโดยตระกูลล่ำซำเช่นกัน และยังมีผู้บริหารเป็นตระกูลล่ำซำอยู่หลายท่าน
ซึ่งการเข้ามาถือหุ้น KBANK ของ GULF
1
คนในตระกูลล่ำซำในเวลานี้ ก็คงคิดและพูดคุยเรื่องนี้กันว่า จะเกิดอะไรต่อไป ได้บ้าง ?..
หมายเหตุ : บทความนี้มีเจตนาให้ความรู้ด้านการลงทุน และไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นทั้งหมดที่กล่าวถึง การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
โฆษณา