17 พ.ค. เวลา 11:41 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จากที่อ่าน MD&A ล่าสุด ผมเริ่มมองมันในโทนลบมากขึ้น แต่ผมก็ไม่รู้ว่า ราคายังจะลงต่อไปอีกไหมนะ
ความแข็งแกร่งที่ผมเคยคิดว่าบริษัทมี ตอนนี้ผมเริ่มสงสัยว่า มันยังมีอยู่หรือไม่
เมื่อก่อน ผมเคยคิดว่า ความเสี่ยงของบริษัทนี้ มาจากฝั่ง Supply Side แค่ด้านเดียว คือพวกวัตถุดิบ ที่บริษัทไม่มีอำนาจในการต่อรอง กำหนดอะไรไม่ได้เลย แล้ววัตถุดิบแบบนี้ก็หาอะไรมาทดแทนไม่ได้
ถ้านาน ๆ จะเกิดขึ้นที่ แต่ภาพการเติบโตในระยะยาว ยังคงชัดเจน ผมว่าก็คงไม่มีปัญหาอะไรมาก
แต่ตอนนี้ จากโทนที่ออกมา ผมเริ่มกังวลในด้าน Demand Side ทั้งในเรื่องความต้องการใช้สินค้าของบริษัทจากทางผู้บริโภค และความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเอง เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งเจ้าอื่น ๆ
ยอดส่งออกตก ทั้งในจีนและประเทศอื่น ๆ
ผมไม่ได้หวังจากทางฝั่งจีนสักเท่าไร เพราะไปหวังกับประเทศทางฝั่งตะวันตกมากกว่า
แต่กลายเป็นว่า ยอดมันตกหมด โดยบริษัทอธิบายว่า สาเหตุก็มาจาก ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
ผมไม่รู้ มองไม่ออก ว่าจะเป็นปัญหาในระยะสั้นหรือในระยะยาว
แต่ถ้าเราลองคิดในอีกด้านหนึ่ง ถ้าทั้งฝั่ง Supply และ Demand Sides ไม่ใช่ปัญหาชั่วครั้งชั่วคราวอีกต่อไป รวมถึง BOI ที่หมดไปแล้ว
ราคาหุ้นของ TKN ตอนช่วง 7-9 บาท อาจจะเป็นราคาที่แพงเกินไปก็ได้หรือป่าว ?
แล้วราคาที่เหมาะสม และไม่แพงเกินไปสำหรับบริษัท อาจจะอยู่ที่ไม่เกิน 6 บาทหรือไม่ ?
ผมไม่รู้
เมื่อก่อน ผมกังวลแค่ด้าน Supply Side แต่ตอนนี้ มันมีด้าน Demand Side ให้มากังวลเพิ่มอีก
ผมเริ่มสงสัยว่า การที่บริษัทหันไปทำถั่ว เอาเงินไปซื้อหุ้น CHAO เพราะบางที บริษัทอาจจะรู้อยู่แล้วหรือป่าวว่า ขนมสาหร่าย เริ่มถึงทางตัน และภาพในอนาคต อาจจะไม่ได้รุ่งโรจน์แบบที่ใครหลายคนมอง
การกระจายความเสี่ยง จึงเกิดขึ้น ลดการพึ่งพาสาหร่าย ที่อนาคตอาจจะไม่ได้แน่นอนอีก และเป็นการแสวงหาโอกาสในการเติบโตใหม่ ๆ ไปในตัวด้วย
งบ Q1/2568 ที่ผ่านมา โดยรวมของหลายบริษัทในตลาดหุ้นไทย ผมรู้สึกว่ามันน่าผิดหวังมาก
จากสภาพเศรษฐกิจไทยที่เป็นอยู่ ปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ คนเกิดน้อยลง หนี้ก็เยอะ บรรยากาศการท่องเที่ยวที่มันดูเงียบ ๆ เดินห้างผมรู้สึกมันไม่ได้คึกคักแบบก่อนหน้านี้ การเมืองที่มันลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่มีอะไรให้รู้สึกมีความหวัง ความเหลื่อมล้ำที่แก้ไม่ได้ ประเทศเราไม่มีนวัตกรรมอะไรใหม่ ๆ
พอมองรวม ๆ แล้ว ผมก็ยังมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรมาเป็นแรงส่งให้ทั้งเศรษฐกิจและผลประกอบการของหลายบริษัท กลับมาเติบโตได้ดี ในระยะยาวเลย
แล้วยิ่งตอนนี้ ผมเห็นด้วยกับ KKP Research เป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าเราไม่แก้ปัญหา (ซึ่ง Policymaker ก็พยายามทำอยู่ แต่ผมไม่เห็นอะไรที่จะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้เลย) เราจะกลายเป็นประเทศที่ GDP โตต่ำกว่า 2%
แน่นอนว่า สำหรับนักลงทุนที่แสวงหาโอกาส มันก็มีอยู่บางบริษัท ที่อาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ยังเติบโตต่อไปได้ในระยะยาว คุณภาพดี แต่เราก็ต้องหามันให้เจอครับ
แต่หลังจากผมพลิกหินหลาย ๆ ก้อน พลิกแล้วพลิกอีก ผมก็พบว่า ของคุณภาพดี เติบโตได้ยาว ๆ ผู้บริหารโอเค ที่ตรงสเป็กผม มันมีอยู่น้อยมาก แล้วบางทีมันก็ไม่ได้มองง่ายด้วยนะ
แล้วยิ่งไปเทียบกับในตลาดหุ้นโลก ที่มีของดี ๆ ราคาไม่แพงอยู่เยอะ ไม่ต้องเล่นท่ายากด้วย บางตัว Valuation ไม่ยาก P/E ไม่แพงด้วย
บางที มันก็ทำให้ผมคิดนะ แล้วเราจะจมปลักอยู่กับตลาดหุ้นไทยไปทำไมกัน
ผมเพิ่งเห็นว่ามีพี่พอร์ต 1,000 ล้านบาท คนหนึ่ง เคยพูดไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า หุ้นนอกลงทุนง่ายกว่าหุ้นไทยเยอะ
ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลย
ผมใช้ Playbook คล้าย ๆ เดิมมาตลอด ไม่ว่าจะลงทุนตลาดไหนก็ตาม
หาของดี สร้างผลตอบแทนต่อเงินลงทุนดี เป็นเครื่องจักรผลิตเงินสด เติบโตได้ยาว มีคนที่ผมชอบดูแลอยู่
ในตลาดหุ้นนอก ที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้ ผลตอบแทนของผมมัน Perform ได้ดีมาก
1
เมื่อก่อนหน้านี้ ผลตอบแทนในการลงทุนตลาดหุ้นไทยของผม ก็เคย Perform ดี จากหลักการนี้
แต่ตอนนี้ มันมีจุดที่ติดขัดเกิดขึ้น นั่นคือ บริษัทที่ผมคิดว่าคุณภาพดี มันไม่โตน่ะสิครับ แถมการเติบโตต่อจากนี้ ก็เริ่มมีความน่ากังขาด้วย
เหตุผลที่ผมพบก็คือ ธุรกิจมันก็ยังดี สร้างกระแสเงินสด สร้างผลตอบแทนจากเงินลงทุนได้ดี เจ้าของโอเค แต่ “มันไม่โต” นี่สิครับ
การตัดสินใจละล้าละลัง โดยยังแบ่งเวลาให้กับตลาดหุ้นไทยมากแบบนี้ ผมว่ามันเป็นต้นทุนค่าเสียโอกาสที่สูงมากเลย
แทนที่เราจะได้แบ่งพลังงาน แบ่งเวลา ไปกับหุ้นเติบโต ในตลาดที่ยังเติบโตอยู่
เมื่อก่อนผมยังมีความหวังในตลาดหุ้นไทยมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ ความหวังมันเหลือน้อยลงไปทุกที
แน่นอนครับ มันยังมีบางบริษัทที่เติบโตได้ ผลประกอบการดีแบบก้าวกระโดด
แต่นั่นไม่ใช่สเป็ดที่ผมชอบ ผมไม่ได้คิดว่ามันมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ในระยะยาวมาก ๆ ผมมองไม่ออก
และถ้าผมจะต้องเปลี่ยน Playbook ไปทำแบบนั้น ผมก็จะต้องตั้งคำถามกับตัวเองและตลาดหุ้นไทยแล้วว่า
“หรือตลาดหุ้นไทย มันต้องเล่นแต่หุ้นเก็งกำไรหรือวะ เราถึงจะทำผลตอบแทนได้ดี มันจะไม่มีสุดยอดบริษัทที่จะเติบโตไปได้อีกหลายเท่าตัว ที่เราสามารถถือไปยาว ๆ ได้ เหลือให้เราลงทุนในยุคนี้ อีกแล้วหรือ ?“
โฆษณา