Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ProjectCWF
•
ติดตาม
18 พ.ค. เวลา 00:41 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Risk Parity คืออะไร?
Risk Parity คือกลยุทธ์จัดพอร์ตที่ไม่ได้วัดด้วยจำนวนเงินลงทุน แต่ใช้ “ระดับความผันผวน” ของแต่ละสินทรัพย์ในการถ่วงน้ำหนัก
เพื่อให้พอร์ตเติบโตอย่างสมดุลในทุกสภาวะเศรษฐกิจ — ทั้งเศรษฐกิจดี เงินเฟ้อ หรือวิกฤต
เป้าหมาย: ทำให้ สินทรัพย์แต่ละประเภท ในพอร์ต มีสัดส่วนความเสี่ยงเท่า ๆ กัน โดยใช้กลยุทธ์ จัดสรรสัดส่วนการลงทุน และ ใช้ leverage ในการปรับสมดุล
ทำไมต้องใช้ Risk Parity?
เพราะการกระจายเงินแบบทั่วไป (เช่น หุ้น 60% พันธบัตร 40%)
ทำให้หุ้นแบกรับความเสี่ยงมากกว่า 90% ของทั้งพอร์ต
เช่น:
หุ้นมีความผันผวนสูง
พันธบัตรมีความผันผวนต่ำ
→ แม้ใส่พันธบัตรไว้ 40% แต่หุ้นยังครองความเสี่ยงแทบทั้งหมด
Risk Parity แก้ปัญหานี้ โดยให้ “น้ำหนักตามความเสี่ยง” ไม่ใช่แค่ตามมูลค่าเงินลงทุน
หลักการพื้นฐานของ Risk Parity
1. วัด ความเสี่ยง (Volatility) ของแต่ละสินทรัพย์
ใช้ค่า Standard Deviation (SD) หรือ Historical Volatility
2. ปรับสัดส่วนการลงทุน
ให้ “แต่ละสินทรัพย์มีสัดส่วนความเสี่ยงเท่ากัน”
→ ถ้าสินทรัพย์ใดมีความเสี่ยงต่ำ ต้อง “เพิ่มสัดส่วน” หรือ “ใช้ Leverage”
3. จัดสรรน้ำหนักพอร์ตใหม่แบบสมดุลความเสี่ยง
เช่น หุ้น 20% | พันธบัตร 50% | ทองคำ 15% | สินค้าโภคภัณฑ์ 15%
แทนที่จะเป็น 60/40 แบบเดิม
ตัวอย่างพอร์ตแบบ Risk Parity (สไตล์ All Weather Portfolio)
สินทรัพย์ น้ำหนัก เหตุผล
- พันธบัตรระยะยาว (TLT) 40% ให้ความเสถียรในภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- พันธบัตรระยะสั้น (IEF) 15% ลดความผันผวน
- หุ้น (VTI, SPY) 30% เติบโตในภาวะเศรษฐกิจขาขึ้น
- ทองคำ (GLD) 7.5% ป้องกันเงินเฟ้อ-ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
- สินค้าโภคภัณฑ์ (DBC) 7.5% ได้ประโยชน์เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว-เงินเฟ้อ
พอร์ตนี้ออกแบบโดย Bridgewater สำหรับสภาพเศรษฐกิจ 4 แบบ:
"ขาขึ้น / ขาลง"
"เงินเฟ้อ / เงินฝืด"
ข้อดีของ Risk Parity
1. ป้องกันการ “Overweight ความเสี่ยงในหุ้น” โดยไม่รู้ตัว
2. ทำงานได้ดีในหลายสภาพเศรษฐกิจ
3. มีความผันผวนน้อยกว่าพอร์ตแบบเดิม 60/40
4. สามารถเสริม Leverage ได้อย่างมีระบบ
ข้อจำกัดของ Risk Parity
- ต้องคำนวณ Volatility และ Correlation อยู่เสมอ (ไม่เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่ใช้เครื่องมือวิเคราะห์)
- อาจต้องใช้ Leverage ในบางส่วน → เพิ่มความซับซ้อน
- ต้อง Rebalance บ่อยเมื่อความเสี่ยงเปลี่ยน
- หากทุกสินทรัพย์ตกพร้อมกัน (เช่นปี 2022) ก็ยังมีความเสียหาย
ใช้ Risk Parity อย่างไรในชีวิตจริง?
ทางเลือก:
- ลงทุนในกองทุนที่ใช้หลัก Risk Parity
เช่น AQR Risk Parity Fund, RPAR ETF
- สร้างพอร์ตเอง โดยใช้ ETF ที่มีลักษณะตรงกับสินทรัพย์แต่ละประเภท
หุ้น: SPY, VTI
พันธบัตร: TLT, IEF
ทองคำ: GLD
โภคภัณฑ์: DBC
- คำนวณ Volatility ด้วย Excel หรือ TradingView หรือ ใช้ EA ช่วยคำนวณ
บทสรุป: Risk Parity เหมาะกับใคร?
- นักลงทุนสาย "มั่นคงระยะยาว"
- ผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงรุนแรงในตลาด
- ผู้ที่ต้องการพอร์ตทนต่อทุกสภาวะเศรษฐกิจ
- เหมาะอย่างยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง
นี่คือตัวอย่าง กองทุนและ ETF ที่ใช้หลักการ "Risk Parity" ซึ่งออกแบบตามแนวคิดของ Bridgewater โดยเฉพาะ:
1. RPAR Risk Parity ETF (Ticker: RPAR)
ผู้ออก: RPAR Asset Management
จัดตั้ง: ปี 2019
จุดเด่น:
ใช้แนวคิด Risk Parity อย่างเป็นระบบ
กระจายในหุ้น, พันธบัตร, ทองคำ, สินค้าโภคภัณฑ์
ใช้ Futures และ ETF เพื่อควบคุม Leverage
เหมาะกับ: นักลงทุนทั่วไปที่ต้องการพอร์ตทนความผันผวนแบบ “All Weather”
2. AQR Risk Parity Fund (Ticker: AQRIX / QRMIX)
ผู้ออก: AQR Capital Management (บริษัท Quant ระดับโลก)
เปิดตัว: ปี 2010
โครงสร้าง: Mutual Fund (ไม่ใช่ ETF)
จุดเด่น:
ใช้การวิเคราะห์ความเสี่ยงเชิงคณิตศาสตร์
ใช้ Leverage อย่างคำนวณ
จัดพอร์ตหลายสินทรัพย์แบบ Risk-Weighted
ข้อควรระวัง: ค่าธรรมเนียมสูงกว่า ETF ทั่วไป
3. Invesco Balanced-Risk Allocation Fund (Ticker: ABRZX / BABDX)
ผู้ออก: Invesco
กลยุทธ์: ผสมหุ้น + พันธบัตร + สินค้าโภคภัณฑ์
แนวคิด: All Weather + Risk Parity
ผลตอบแทนย้อนหลัง: เน้นความเสถียร ไม่หวือหวา
4. Bridgewater All Weather Fund (สำหรับสถาบัน)
ผู้จัดการ: Bridgewater Associates
ลูกค้า: สถาบันระดับโลก เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญ ธนาคารกลาง
จุดเด่น:
ต้นแบบแนวคิด Risk Parity
ไม่เปิดขายให้รายย่อย
เน้นความเสถียรระยะยาว
5. Cambria Trinity ETF (Ticker: TRTY)
แนวคิด:
ผสม Global Allocation + Risk Parity + Momentum
ใช้ ETF ทั่วโลก
Rebalance อัตโนมัติ
กองทุนไทยส่วนใหญ่อาจยังไม่ใช้ “Risk Parity” แบบเต็มรูปแบบ แต่เริ่มมีการนำแนวคิดเข้ามาปรับใช้
"อย่าถามว่าใส่เงินไปกี่เปอร์เซ็นต์ จงถามว่าแบกรับความเสี่ยงไปกี่เปอร์เซ็นต์"
"Don’t ask how much money you’ve allocated — ask how much risk you’re carrying."
#projectcwf #ความรู้การเงิน #ลงทุน
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย