Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
•
ติดตาม
19 พ.ค. เวลา 12:10 • การ์ตูน
EP : 1,322 ริวแห่งโลกอนาคต
ก็คงราวๆ 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ที่ผมมองงานของ อ. Ishinomori Shotaro แตกต่างเพิ่มเติมไปจากภาพจำเดิมๆที่ผมนึกถึงมาตลอด จากภาพแรกที่จะนึกถึง อ. ว่าเป็นผู้นำเสนอเรื่องราวแฟนตาซีสายฮีโร่ซึ่งเป็นตัวแทนความดี ปะทะเหล่าร้ายต่างๆ ที่จะมายึดครองโลกใบนี้ ก็ไม่แปลกเพราะผลงานอย่างไอ้มดแดงซึ่งเป็นผลงานสร้างชื่อของ อ. นั้นถือว่าได้เปลี่ยนแปลงและสร้างความจดจำให้กับผลงานของ อ. ได้เป็นอย่างดี
แต่เพราะการได้กลับมาอ่านผลงานเก่าๆของ อ. ทั้งงานเก่าที่เคยอ่านและงานเก่าที่ยังไม่เคยอ่าน แต่มี สนพ ไพเรทในยุคนี้หยิบมาทำให้อ่านกันในยุคนี้ ทำให้ผมได้เห็นเรื่องราว และมุมมองบางอย่างที่มักจะฝังอยู่ในทุกงานของ อ. ไม่เว้นแต่เรื่องดังอย่างไอ้มดแดงด้วยเช่นกัน นั่นคือการนำเสนอความดราม่าเป็นแก่นและแกน ดังกระดูกสันหลังของเรื่องราวในแต่ละเรื่อง
และใช้พล็อตเรื่องที่แตกต่างกันไปในแต่ละครั้งห่อหุ้มดังเช่นผิวหนัง ทำให้แม้มันจะมีความต่างกันในแต่ละเรื่องตามสายตาที่เราเห็น แต่เนื้อแท้แล้ว ด้านในมันก็คือการนำเสนอความดราม่าของมนุษย์ด้วยเนื้อเรื่องต่างๆอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะเหตุนี้ ทำให้เมื่อ สนพ ไพเรทเจ้าประจำของผมอีกเจ้า ประกาศว่าจะทำงานในซีรีย์นี้ออกมาให้ครบ เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะปล่อยผ่านหนึ่งในซีรีย์ของ อ. ที่หาอ่านได้ยากยิ่งในเวลาที่ผ่านมา ไม่รวมถึงความสมบูรณ์ในเวอร์ชั่นก่อนๆว่า แท้จริงแล้วมันสมบูรณ์พอจะให้ผู้เสพอย่างเราพอใจหรือเปล่า
รวมถึงเมื่อได้อ่านหนึ่งในเรื่องของซีรีย์นี้ไปแล้วอย่างเรื่อง “ริวแห่งโลกดึกดำบรรพ์” ที่ก่อนหน้านี้ผมได้เคยรีวิวไปเรียบร้อยแล้วนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่อ่านเรื่องต่อไปในซีรีย์นี้ และนี่คือรีวิวเรื่องนั้นใน “ริวแห่งโลกอนาคต” ครับ
... แอบขึ้นยานอวกาศที่กำลังจะออกไปสำรวจดาวเคราะห์ดวงที่ 5 ซิริอุส ได้สำเร็จ ถึงแม้ “ริว” จะโดนจับได้หลังยานออกสู่อวกาศเรียบร้อย แต่แผนการที่ต้องเดินทางต่อไปไม่อาจย้อนกลับดาวโลกตอนนี้ได้ ทำให้เขาถูกจับเข้าตู้จำศีลแช่เข็ง ที่ได้ทำให้เขาหลับไหล และจะถูกปลุกขึ้นมาเมื่อยานทำภารกิจสำเร็จและกลับมายังโลกอีกครั้งในอนาคตหลายสิบปีตามแผนการณ์
เพราะแบบนั้นเมื่อเขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา เขาจึงตกใจอย่างมาก เมื่อได้เห็นสภาพในยานลำที่เขาแอบขึ้นมานี้ ในสภาพที่ไม่หลงเหลือผู้รอดชีวิต มันถือเป็นโชคดีในโชคร้ายที่เขาเป็นคนเดียวที่ยังหลงเหลือและการที่เขาถูกปลุกให้ตื่นก็เพราะ ณ เวลานี้ ยานอวกาศได้กลับมาลงจอดยังพื้นโลกตามกำหนดการเดินทางที่ได้ตั้งเอาไว้เรียบร้อยนั่นเอง
แต่... มันกลับไม่ใช่โลกที่เขาคุ้นเคยอย่างที่คิด เพราะเมื่อเขาลงจากยานอวกาศ สิ่งที่ได้เห็นกลับกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่คุ้ยเคยอย่างที่ควรเป็น ยานมันควรลงจอดในเมืองที่เขาคุ้นเคย เมืองที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงไม่ใช่เหรอ ทำไม มันกลายเป็นป่าดงดิบรกชื้นแบบนี้ไปได้ หรือยานจะลงจอดผิดที่ และนี่คือเรื่องราวของเขา เด็กหนุ่มนามว่า “ริว” ผู้ที่จะต้องค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กับดาวโลกที่เขาได้กลับมาอีกครั้งหลังการเดินทางอันยาวนาน ใน “ริวแห่งโลกอนาคต”
ตั้งแต่เริ่มต้น ... ผมว่า อ. เขาวางพล็อตเรื่องเอาไว้ได้น่าสนใจ ผิดจากที่ผมคาดเดาเอาไว้จากชื่อและการได้อ่าน “ริวแห่งโลกดึกดำบรรพ์” เรื่องนี้ในซีรีย์นี้ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ความหมายของผมคือ เมื่อพูดถึงโลกแห่งอนาคต ผมคิดว่าเรื่องจะเล่าโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี การผจญภัยหรือหาคำตอบในยุคที่เต็มไปด้วยความไฮเทคต่างๆ ในแบบนั้น หรือ บางทีผมก็คิดไปถึงการข้ามเวลาของตัวละครไปอยู่ในยุคอนาคตโดยบังเอิญ จนได้พบความจริงบางอย่างของโลกอะไรแบบนั้น
แต่กลับไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ ในเรื่องนี้กลับเลือกนำเสนอการหาคำตอบว่าโลกแห่งอนาคตแห่งนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในระหว่างที่เขาเดินทางอยู่ในอวกาศ ซึ่งการเริ่มต้นเรื่องด้วยลักษณะแบบนี้ มันสร้างชุดคำถามให้ผู้อ่าน(ผม)ต้องคาดเดาไปต่างๆนาๆ สับสนไม่แพ้ตัวริวที่ยืนอยู่ ณ เวลานั้น เพราะโจทย์ของเรื่องที่ให้ไว้ มันเป็นคำถามคำโต เกี่ยวกับสถานที่ที่ลงจอด ณ เวลานี้
การนำเสนอด้วยบริบทแบบนี้ ชวนให้ผมคิดถึงเรื่อง “อุราชิมะ ทาโร่” เป็นอย่างมาก “ริว” ในเรื่องนี้ ก็คือ “อุราชิมะ ทาโร่” ในเรื่องเล่าของนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น เด็กหนุ่มผู้ได้ช่วยเหลือเต่าทะเล จนได้ลงไปยังเมืองบาดาลและกลับขึ้นมาบนบกเพื่อพบว่า เวลาในทะเลที่ผ่านมาไม่กี่วันนั้น กลับกลายเป็นหลายร้อยปีบนโลกมนุษย์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะได้อ่านต่อจากนี้ก็คือ การค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่เขาไม่อยู่ และการค้นหา “บ้าน” ที่เขาคุ้นเคยกลับมาให้ได้
แม้จะน่าแปลกใจอยู่บ้างกับการที่ อ. เลือกที่จะนำเสนอโลกในอนาคตของริวในสภาพที่ดูเหมือนย้อนเวลากลับไปขนาดนี้ โลกที่อารยธรรมต่างๆ ยังไม่ถูกสร้าง (หรือจริงๆมันถูกทำลายจนย่อยยับไปแล้ว) สิ่งมีชีวิตต่างๆ กำลังอยู่ในขั้นปรับตัว สิ่งต่างๆ มีเค้าของการรับรู้ที่ริวเคยเจอ แต่มันไม่ใช่และไม่ใช่แบบที่เขาคุ้นเคยอย่างแน่นอนนั้น เมื่อผมมาคิดให้ดีๆ ก็พบว่าแนวความคิดแบบนี้ก็ถูกหยิบมาใช้ในยุคหลังๆ เหมือนกันนะครับ
ความหมายของผมก็คือ โลกในเรื่องราวของริว อาจจะมีความคาบเกี่ยวในบางส่วนเหมือนโลกของ “คาเนดะ” ในเรื่อง AKIRA อยู่บ้างเหมือนกันในความคิดของผม ผมหมายถึงทั้งสองเรื่องกำลังพูดถึงเรื่องอนาคต แต่มันกลับกลายเป็นอนาคตที่เต็มไปด้วยการล่มสลายของสังคมและจิตใจของผู้คน แน่นอนมันไม่ได้เหมือนอะไรขนาดนั้น
ผมแค่รู้สึกว่าโลกในอนาคตที่ อ. แต่ละท่านเลือกนำเสนอ มักจะเป็นโลกที่ไม่ใช่โลกแห่งความหวังอย่างที่ควรจะเป็น แม้จะดูเหมือนมืดหม่น แต่การเลือกนำเสนอออกไปแบบนี้ มักได้รับความนิยมจากผู้อ่านจำนวนมาก มันก็เหมือนเป็นตลกร้ายกลายๆที่ พวกเรามักจินตนาการถึงโลกแห่งอนาคตของเราว่า มันแตกสลาย ล่มสลายมากกว่าจะคิดถึงโลกแห่งความเจริญรุ่งเรืองกว่าปัจจุบัน ...
แม้ธีมของเรื่องจะเป็นการเล่าเรื่องแนววิทยาศาสตร์แฟนตาซี ก็จริง แต่หากมองดูรายละเอียดในแต่ละส่วน จะพบว่า อ. สร้างสรรหลายๆอย่างให้คู่ขนานกับความเป็นจริงเป็นอย่างมาก ทั้งบรรยากาศและแนวคิดในการนำเสนอ ซึ่งอาจจะดูปกติในงานแนวนี้อยู่เหมือนกัน เพราะหลายๆเรื่องแนวนี้ก็เลือกจะนำเสนอให้มันดูสมจริงด้วยรายละเอียดที่เกาะเส้นความจริงแบบนี้
รวมถึงตัวละครเอกอย่างริวเช่นกัน ที่ผมรู้สึกว่า อ. จะเน้นเป็นอย่างมาก เมื่อใช้ริวในการเดินเรื่องแต่ละตอน อย่างที่เห็นชัดเจนคือการสื่อสารให้เราเห็นว่าตัวริว ถวิลหาอารยธรรมที่ตัวเองคุ้นเคยเป็นอย่างมาก แม้สภาพแวดล้องและสถานการณ์มันจะเห็นอย่างชัดเจนว่ามันไม่ใช่ก็ตาม
อาจจะเป็นเพราะมนุษย์เราเมื่อได้สัมผัสกับอารยธรรมและเทคโนโลยีที่ทำให้ทุกอย่างมันง่าย เมื่อเสียมันไปย่อมถวิลหาความรู้สึกนั้นก็เป็นได้ แต่ผมก็คิดว่า อ. พยายามสื่อสารมากกว่านั้น เพราะสิ่งที่ริวโหยหาและเป็นกำลังให้ต้องเดินต่อไปอยู่เสมอนั้นคือการกลับคืนสู่สิ่งที่คุ้นเคยของมนุษย์เราทุกคนนั่นก็คือ “บ้าน” ครับ
“บ้าน” ที่แม้ในเรื่องราว ริว สามารถที่จะหยุดและสร้างขึ้นมาใหม่ได้เสมอนั้น ก็ไม่อาจจะทดแทน “บ้าน” ที่เขาคุ้นเคยและจากมา แม้จะเป็นพื้นที่บนโลกใบเดียวกันก็ตาม อาจจะดูเป็นคนไม่ยอมรับความจริงกลายๆ อารมณ์ที่คิดถึง “บ้าน” นั้น มันทั้งรุนแรงและเจ็บปวดยามหากต้องยอมรับความจริงว่า บ้านที่เราคุ้นเคยและคิดถึงนั้นไม่มีอยู่ที่เดิมอีกต่อไป สิ่งนี้สร้างแรงขับเคลื่อนให้กับเรื่องราวทั้งหมดครับ
ผมคิดว่านั่นคือแรงจุดของการเดินเรื่องของริวในเรื่องนี้ การเดินทางตามหาความเป็นไปได้ว่ายังคงมี “บ้าน”(ที่เขาคุ้นเคย) อยู่ที่ไหนซักแห่งบนพื้นที่ของโลกในตอนนี้ คือภารกิจสำคัญอันดับหนึ่ง พร้อมกันนั้น ผมเห็นแนวความคิดในเรื่องการพัฒนาทางสังคม หรือ จิตใจของมนุษย์ ถูกนำเสนอ ผ่านความคิดของริวที่ต้องเจอสถานการณ์ต่างๆในเรื่อง ไปพร้อมๆกันด้วย
ตรงคาเรทเตอร์ของ “ริว” นี้มันก็มีมุมที่ผมเห็นว่า อ. ไม่พยายามให้ริวเป็นฮีโร่อะไรเด่นชัดมากนัก แต่เน้นให้ริวมีความเป็นมนุษย์ทั่วไปอย่างชัดเจน มีอารมณ์ของความเป็นวัยที่กำลังเติบโตอย่างที่ควรเป็นในแบบที่ ถ้าหาก คนในวัยนี้ที่มีพื้นฐานนิสัยแบบนี้ เจอเหตุการณ์สุดช็อกแบบนี้เขาจะรู้สึกและทำอย่างไร
ในขณะเดียวกัน เรื่องก็ประกบริวด้วยคนที่มีประสบการณ์ ตรงนี้เป็นจุดที่สะท้อนสภาพทางสังคมในทุกยุคทุกสมัยอย่างมาก ถึงการร่วมมือกันระหว่างคนละเจอเนเรอชั่น ว่าจะขาดความต่างตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด ประสบการณ์สำคัญมาก พอๆกับความกล้าที่จะลุยโดยไม่ยอมให้พื้นที่ที่ปลอดภัยที่ตัวเองอยู่เป็นตัวรั้งไม่ให้ก้าวต่อไป ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นที่ต้องยอมรับให้ได้ก่อนกระทำสิ่งใด ในเรื่องพยายามใช้คนสองอายุที่ต่างกันบาลานซ์และนำเสนอตรงจุดนี้ ซึ่งทำออกมาได้น่าสนใจมากครับ
ในแง่นี้สำหรับผมแล้วคาเรทเตอร์ของตัวละครแต่ละตัว เป็นตัวส่งและเสริมกันได้อย่างน่าสนใจ ไม่ใช่ทั้งเรื่องที่จะมีตัวละครที่ทำให้ชื่นชอบได้อยู่เสมอ เรื่องนี้ก็เช่นกัน แต่ในความเป็นโลกของมังงะที่เลือกจะนำเสนอบุคลิกและลักษณะแบบที่ต้องการรวมเข้ามาในโลกใบนี้ ผมมองว่ามันมีหลายจุดที่ชวนให้คิดถึงความเป็นมนุษย์ในสังคม เพราะอย่าลืมว่าแม้จะเป็นโลกของมังงะ แต่มันก็คือการย่อสังคมมนุษย์ที่เราอยู่ลงมาเท่านั้นเองครับ
การโยงเรื่องสภาพแวดล้อมในสมัยนั้นจนถึงอนาคตที่เป็นไปได้ในช่วงเวลาต่อมา(เรื่องนี้เขียนในช่วงปี 1970) จากสายตาของ อ. (คนในยุคนั้น) เป็นสิ่งที่จะเรียกว่าแม่นยำได้หรือเปล่านะ เพราะในความเป็นจริง ผมเชื่อว่าหากเราได้ติดตามเรื่องราวความเป็นไปในโลกนี้คงไม่ยากที่จะคาดเดาอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร
การต่อยอดและนำเสนอปลายทางในความคิดของ อ.ในมุมนึงก็อย่างที่บอกว่าเป็นมุมมองยอดนิยมของนักวาดมังงะเมื่อพูดถึงอนาคตข้างหน้าอยู่บ่อยๆแต่เพราะเป็นอย่างนั้น แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องของอนาคตและดูแสนแฟนตาซี เราก็ยังคิดระหว่างอ่านอยู่ตลอดเวลาถึงความเป็นไปได้ที่อนาคตจะเป็นแบบนี้ เรียกว่ามันสร้างน้ำหนักของปลายทางแบบนี้ได้เป็นอย่างดีครับ
ผมชอบรายละเอียดที่ อ. ใส่มานะ มักหลากหลาย และดูจริงจังเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน จังหวะในการเล่าก็ค่อนข้างมีเร็วมีช้าผสมกัน ด้วยเรื่องราวที่ไม่ต้องการให้ออกมาโทนสว่างนัก การจับความหนักของปัญหาทั้งเกิดจากสภาพแวดล้อมและความเป็นมนุษย์ หรือการชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ของมนุษย์รุ่นต่อมาหลังเกิดเหตุการณ์ สิ่งต่างๆเหล่านี้ผมว่าผสมกันเอาไว้ในเรื่องริวนี้ได้อย่างน่าสนใจ และมันยังดูทันสมัย แม้จะอ่านตอนนี้ก็ตามครับ
ด้วยเนื้อหาค่อนข้างใส่ใจกับแนวความคิดด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก แม้จะดูจริงจังตั้งแต่เริ่มต้น แต่ความแฟนตาซีก็ยังมีใส่เข้ามาตามแบบที่ควรเป็น เพื่อไม่ให้เรื่องมันดูออกหน้าเดียวมากเกินไปครับ เพียงแต่ความแฟนตาซีที่ใส่มาดูพอมีน้ำมีเนื้อที่จะให้เรื่องราวมันออกแนวสนุกและเดินเรื่องได้กว้างมากขึ้น
ส่วนตัวมองว่าเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เรื่องอ่านได้สนุกขึ้น ซึ่งจริงๆ ผมก็คาดหวังอะไรแบบนี้ไว้อยู่แล้ว แม้ในเรื่องจะใส่ไม่เยอะอย่างที่คิด แต่มันก็สมดุลในแง่การนำเสนอ และแม้เหตุผลที่ใส่เข้ามาอ่านแล้วจะรู้สึกเชื่อได้ส่วนหนึ่งก็ตาม จินตนาการที่ใส่เข้ามาในส่วนนี้ผมก็ว่าเข้ากันได้ดีกับเรื่องราวและแบบฉบับในการนำเสนอของ อ. ได้เป็นอย่างดีครับ
เนื้อหามีความหนักแน่นและชัดเจนในการนำเสนอความเป็นมนุษย์ที่ต้องเจอการเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งฉายภาพความน่าจะเป็นของเรื่องราวที่น่าจะเกิดขึ้นอันเป็นสาเหตุของสิ่งที่ได้เจอจากจินตนการของ อ. แน่นอนสิ่งที่ช่วยให้เรื่องมันน่าสนใจ และชวนให้ผมอ่านก่อนจะได้อ่านเนื้อหาก็คือลายเส้น เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่คือหนึ่งในผลงานจากอดีต ที่เต็มไปด้วยลักษณะเฉพาะของ งาน อ. ที่วาดด้วยมือและประสบการณ์ มีชัดทั้งเอกลักษณ์ งานที่ละเอียด มุมมองที่น่าสนใจ มาครบ ให้สมกับเป็นงานของ อ. ได้เป็นอย่างดี
ผมชอบการลงรายละเอียดของงาน อ. มากๆ เป็น นักวาดอีกคนที่ผมมองว่าลายเส้นไม่ได้สวยในแง่ของการวางโครงร่างหรือออกแบบ แต่มันชวนมองในแง่รายละเอียดและตรงกับคอนเซปของการถ่ายทอด ซึ่งผมมองว่ามีความเรียบง่ายสูง แต่ถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการนำเสนอออกมาได้อย่างดี
ไม่ว่าจะไปทางวิทยาศาสตร์จ๋าๆ หรือยุคอดีตหลายล้านปี งานวาดของ อ. ก็ผสมคอนเซปต่างๆ กันไว้ได้อย่างเรียบง่าย แต่ทรงพลัง และชัดเจนในสิ่งที่ อ. ต้องการนำเสนอ ทำให้เป็นงานที่น่าจดจำ และชวนให้หยิบมาดูลายเส้นเหล่านี้ได้อยู่เสมอ และแน่นอนครับ ลายเส้นเรื่องนี้ทำให้การถ่ายทอดเนื้อหาของเรื่องนี้มีพลังขึ้นเยอะเลยครับ
ไม่รู้เนื้อหาที่เขียนลงไปจะเวิ่นเว้อมากไปหรือเปล่า เอาเป็นว่าพูดถึงแค่นี้พอนะครับ ขอเข้ามาพูดเรื่องงานผลิตกันบ้าง อย่างที่บอกเอาไว้ข้างต้นว่าเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานต่อเนื่องของ อ. จาก สนพ ไพเรท ที่มีแฟนๆมังงะในบ้านเราชื่นชอบเป็นอันดับต้นๆอย่างค่าย Cat Comics ซึ่งค่ายนี้ผมเห็นอยู่เสมอว่าเวลาประกาศพรีงานอะไรออกมา ก็มีแฟนๆกลุ่มนึงจัดโดยทันทีโดยไม่ต้องคิดว่าเป็นเรื่องอะไรหรือกังวลในผลงานที่จ่ายไป เพราะมาตรฐานค่ายนี้อยู่ในระดับดีเยี่ยมและคุ้มค่าคนจ่ายเงินอยู่เสมอ เรื่องนี้หลายคนยืนยันได้ดีครับ
อย่างที่เห็นกันว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งในซีรีย์ “ริว” ที่ทำออกมา ต่อจากเรื่อง “ริวแห่งโลกดึกดำบรรพ์” ที่หลายๆคนรวมทั้งผมได้อ่านมาเรียบร้อยแล้ว โดยในครั้งนี้ ทางค่ายนำเสนอพร้อมกัน 2 ภาคในแบบ 5 เล่มเพื่อการอ่านต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ในเซ็ทนี้ยังแถมเล่มพิเศษอย่างเรื่อง “Snow Woman Dies of Love” จาก Shotaro Fantasy World ซึ่งแม้เป็นงานที่จำนวนหน้าไม่กี่หน้า แต่มันเติมเต็มความสมบูรณ์ของงานเซ็ทนี้ได้เป็นอย่างดีครับ
โดยทั้ง 5 เล่มที่ว่าไปนั้น ผลิตออกมาด้วยขนาดเล่ม BB ด้วยปกสองชั้นตามสมัยนิยม ปกด้านนอกพิมพ์สี สีสันสวยสดใส บนกระดาษ อาร์ตหนา 190 แกรม ทั้งสีและความคมชัดไม่มีปัญหาอะไร รวมถึงปกด้านในที่ทางค่ายเลือกพิมพ์เป็นภาพสีด้วยเช่นกัน โดยเลือกรูปจากในเล่ม มาใช้งาน สีสันสะดุดตาโดดเด่นเป็นอย่างมากด้วยกระดาษอาร์ตมัน 260 แกรม ครับ สร้างความรู้สึกพรีเมี่ยมให้ตอนเห็นได้ดีเช่นเดิม ผมละชอบนักปกด้านในพิมพ์สีแบบนี้ดูแตกต่างในแง่มูลค่าของหนังสือครับ
ตัวเล่มเปิดอ่านแบบญี่ปุ่น ด้านในพิมพ์ขาวดำทั้งเล่ม บนกระดาษกรีดรีด 75 แกรม งานพิมพ์คมชัด แปลได้เข้าใจง่าย อ่านแล้วลื่นไหล รายละเอียดครบถ้วน ภาพรวมงานเรื่องนี้ยังคงคุณภาพที่ดีของ สนพ ไพเรท ในยุคนี้และของตัวเองที่เคยทำไว้ได้เป็นอย่างดีเช่นเดิมครับ
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่สมเป็นงานของ อ. เช่นเดิม ผมว่าในมุมมองและการนำเสนอของ อ. อยู่ในกรอบที่สมจริงเป็นหลักเพื่อสะท้อนความเชื่อในเรื่องราวอนาคตของ อ. ในธีมของความแฟนตาซีที่มีฉากหลังโลกแห่งอนาคตที่ไม่เหมือนเดิม พร้อมกับเรื่องราวดราม่าของความเป็นมนุษย์ที่ต้องใช้เดินเรื่องหลักของงานนี้อย่างชัดเจน มีความเข้มข้นแม้จะเป็นมังงะที่มีความแฟนตาซีก็ตาม จะบอกว่าเนื้อหาหนักแน่นและแฟนตาซี แต่อยู่ในพื้นฐานความเรียบง่ายของการนำเสนอ
พร้อมทั้งงานภาพระดับเทพ ที่แค่นั่งมองภาพวาดใหญ่ในแต่ละตอนที่ต้องบอกว่ามันสุดยอดมาก นี่เป็นอีกเรื่องนึงที่แฟนๆของ อ. คงไม่ยอมพลาด ในขณะเดียวกันใครอยากเสพงานดีๆจากอดีตที่หาอ่านกันไม่ได้ง่ายๆ ในแบบสมบูรณ์ที่คงไม่มีเจ้าไหนหยิบมาทำอีกแล้วละก็ ไม่อยากบอกว่าพลาดแล้วจะเจ็บ เพราะแต่ละคนมีจุดที่ชวนเจ็บไม่เหมือนกัน แต่บอกได้แค่ว่า ไม่ได้อ่านเรื่องนี้ ค้างคาแน่นอนครับ เลยไม่แนะนำให้พลาดครับ
ภาพ 9.8/10
เรื่อง 9/10
ความประทับใจ 10/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #5เล่มจบ #CatComics #การ์ตูนแนวหุ่นยนต์ #การ์ตูนแนววิทยาศาสตร์ #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวต่อสู้ #10คะแนน #ริวแห่งโลกอนาคต #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #การ์ตูนแนวภาพสวย #การ์ตูนคลาสิค #การ์ตูนแนวรวมดราม่า #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย