19 พ.ค. เวลา 00:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ

มาดูงบ Q1/68 หุ้น MASTER เป็นยังไง และมีอะไรควรติดตามบ้าง

MASTER ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านความงามที่ให้บริการศัลยกรรมครบวงจร เข้าจดะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อ 25 ม.ค. 2566 ด้วยราคา IPO 46 บ./หุ้น และระดมทุนได้ ประมาณ 2,990 ลบ.
หลังจากระดมทุนก็นำไปลงทุนขยาย รพ.และห้องผ่าตัดของ MASTER และลงทุนหุ้นใน Partner ซึ่งจากข้อมูลจาก Opp Day ลงทุนใน partner 2 พันกว่าล้านบาท เช่น ถือหุ้นใน WIND 40% ถือหุ้นใน V-square 40%
งบ Q1/68 รายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 474.33 ลบ. จาก Q1/67 ที่ 468.07ลบ. โตขึ้น 1.31% รายได้หลักของ MASTER มาจากรายได้จากการศัลยกรรมเป็นสัดส่วนรายได้ 80%
ต้นทุนการประกอบกิจการโรงพยาบาล 215.76 ลบ. เพิ่มขึ้น 21.59 ลบ. หรือ 11.12% จาก Q1/67 มีจากต้นทุนยา เวชภัณฑ์และค่าตอบแทนแพทย์ เมื่อรายได้เพิ่มเพียง 1.31% แต่ต้นทุนเพิ่ม 11.21% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 58.52% ในปี 67 เป็น 54.51% ในปี 68
ค่าใช้จ่ายในการขาย 110.91 ลบ. เพิ่มขึ้น 27.69 ลบ. หรือ เพิ่มขึ้น 33.27% จาก Q1/67 จากการที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหาร 83.88 ลบ. เพิ่มขึ้น 6.78 ลบ. หรือเพิ่มขึ้น 8.79% จากปี 67 จากค่าใช้จ่ายพนักงาน เพิ่มจำนวนพนักงานฝ่ายบริหาร และค่าเสื่อมเพิ่มขึ้น
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 7.54 ลบ. ใน Q1/68 ถือว่าน้อย เพราะไปซื้อลงทุนมาร่วม 2 พันกว่าล้านบาท
สำหรับ Q1/68 กำไรสุทธิ 55.77 ลบ. ลดลง 50.47 ลบ. หรือลดลง 47.51% จาก Q1/67 เมื่อรายได้เพิ่มแค่ 1.31% แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นมากกว่า ทำให้อัตรากำไรสุทธิลดลง เมื่อเทียบกับปี 67จาก 22.27% เป็น 11.67%
MASTER เข้ามาในตลาดที่นักลงทุนหวังการเติบโตจากการเติบโตของตลาดเสริมความงามที่เป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างมาก เมื่อ MASTER ระดมทุนได้ก็ขยายห้องผ่าตัดของตนเอง และลงทุนในบริษัทร่วมต่างๆ แต่เงินที่ลงทุนไปไม่ค่อยออกดอกผลกลับมา และไตรมาสนี้ค่าใช้จ่ายค่าแพทย์ ค่ากการตลาด ค่าบริหารก็เพิ่มขึ้น อัตรากำไรปรับตัวลดลง
ถ้าใครสนใจหุ้นกลุ่มนี้ ลองเข้าไปอ่าน “รายงานการวิเคราะห์อุตสาหกรรมแยกตามรายธุรกิจ” จาก SET ในเว็บไซต์ SETTRADE
ส่วนของธุรกิจ Beauty Clinic มีให้อ่าน 5 หน้า จาก KResearch วันที่ 25 ก.พ. 68
จะมีบทวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทย ที่มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ปี 68 มูลคาตลาดธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทย คาดว่าจะอยู่ที่ 76,500 ลบ. โต 2.8% เมื่อเทียบกับปี 67
ศัลยกรรมและเสริมความงามในไทยส่วนใหญ่เป็นแบบผ่าตัด คิดเป็นสัดส่วน 79% ของ จำนวนการใช้บริการ ส่วนอีก 21% เป็นแบบไม่ผ่าตัด และเทรนด์ศัลยกรรมและเสริมความงามที่ลูกค้าสนใจทำมากที่สุดอยู่ที่บริเวณช่วงใบหน้าและลำคอ 47% รองลงมาเป็นช่วงหน้าอก ลำตัวและแขนขา
โอกาสของธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามในระยะข้างหน้า
การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หนุนความต้องการศัลยกรรมและเสริมความงามที่ช่วยชะลอวัย, ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหนุนการเติบโตของลูกค้าต่างชาติ
ความเสี่ยงของธุรกิจนี้
บุคลากรทางการแพทย์มีจำกัดโดยเฉพาะศัลยแพทย์ตกแต่ง, ธุรกิจแข่งขันรุนแรง ท่ามกลางปัจจัยเฉพาะหน้าด้านภาวะเศรษฐกิจ กดดันต่อการทำรายได้ และขยายฐานลูกค้า, ธุรกิจต้องลงทุนในเทคโนโลยีหรือเครื่องมือในการรักษาใหม่ๆ ตามเทรนด์ความงามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
และก็มีให้ดูว่า ใครบ้างที่อยู่ในธุรกิจนี้ของไทย ไม่ว่าจะเป็น รพ. เอกชนที่มีแผนกนี้ มี รพ. อะไรบ้าง และมีที่เปิดมาธุรกิจเฉพาะทางด้านนี้มีใครบ้าง
ใครสนใจธุรกิจไหน อุตสาหกรรมไหน ก็ลองเข้าไปอ่านกันนะ
#หมอยุ่งอยากมีเวลา #หุ้น #งบการเงิน #MASTER
โฆษณา