Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กระทรวงการต่างประเทศ
•
ติดตาม
19 พ.ค. เวลา 04:34 • ข่าวรอบโลก
สานสัมพันธ์ ไทย-จีน ผ่านโครงการแลกเปลี่ยนด้านสื่อระหว่างกรมสารนิเทศกับสำนักข่าวซินหัว
หากกล่าวถึงประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไทย ‘จีน’ คงเป็นชื่อแรกที่หลายคนนึกถึง เพราะอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีนที่ซึมซับอยู่ในวิถีชีวิตไทยมาเนิ่นนาน โดยเฉพาะอาหารที่เราคุ้นเคยอย่างเช่น ติ่มซำ ก๋วยเตี๋ยว หรือข้าวมันไก่ สิ่งเหล่านี้เป็นผลจากการค้าขายและการอพยพของชาวจีนที่เดินทางมาตั้งรกรากในสยาม นำพาทั้งวัฒนธรรมและภูมิปัญญามาหลอมรวมจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย
จนถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์ ไทย-จีน มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่ประเทศจีนก็มีนักศึกษาไทยเดินทางไปเรียนต่อ มีคนไทยไปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายของจีนมากขึ้น และมีนักธุรกิจไทยเดินทางไปขยายตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงภาษาจีนกลางก็ได้รับความสนใจในกลุ่มคนไทยมากขึ้นด้วย
เห็นได้ว่า หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดในสายสัมพันธ์ ไทย-จีน คือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างต่อเนื่องของผู้คนเพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน หนึ่งในโครงการของกระทรวงการต่างประเทศที่สะท้อนสายสัมพันธ์นี้คือ โครงการแลกเปลี่ยนระหว่างกรมสารนิเทศกับสำนักข่าวซินหัวของจีน ที่มีมาอย่างต่อเนื่องกว่า 37 ปี โดยในครั้งล่าสุด กระทรวงฯ ได้เชิญคณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัว นำโดย นายหลี่ หยิน (Mr. Li Yin) ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักข่าวซินหัว สำนักงานมณฑลยูนนาน เดินทางเยือนประเทศไทย เมื่อช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวเป็นสำนักข่าวชั้นนำของจีน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1949 และมีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลก เป็นหนึ่งในช่องทางหลักในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่สะท้อนถึงนโยบายและทิศทางการพัฒนาของจีน และสื่อสารเกี่ยวกับจีนไปยังผู้ชมต่างประเทศ ตั้งแต่ด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย
สำหรับการเยือนครั้งนี้ คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวได้มีโอกาสพบปะหน่วยงานต่างๆ ของไทยที่มีบทบาทด้านสื่อและการส่งเสริมความสัมพันธ์ ไทย-จีน ตลอดจนเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ เพื่อทำความรู้จักกับประเทศไทยในหลากหลายมิติ โดยหลังจากภารกิจการหารือทางการกับกระทรวงการต่างประเทศและผู้แทนองค์กรสื่อมวลชนของไทยแล้ว ยังมีกิจกรรมที่สำคัญและน่าสนใจหลายอย่าง เริ่มจากการไปเยี่ยมชมสถานีโทรทัศน์ TNN หนึ่งในสถานีโทรทัศน์ชั้นนำของไทย เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานด้านสื่อ โดยเฉพาะการทำข่าวในยุคดิจิทัลที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัว เยี่ยมชมสถานีโทรทัศน์ TNN (ภาพโดย กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวยังได้เดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ “พระเขี้ยวแก้ว” ซึ่งอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ท้องสนามหลวง ในวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ก่อนที่คณะจะเดินทางต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดที่มีความสำคัญลำดับต้น ๆ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีน โดยเฉพาะด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน
คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวและคณะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ณ ท้องสนามหลวง (ภาพโดย กระทรวงการต่างประเทศ)
เมื่อมาถึงจังหวัดเชียงใหม่แล้ว คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้บริหาร และผู้แทนสื่อมวลชนและภาควิชาการที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงกงสุลใหญ่จีน ประจำจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังได้ร่วมรับประทานอาหารเมืองในบรรยากาศสบายๆ พร้อมชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามริมแม่น้ำปิง ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้กระชับความสัมพันธ์ และพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างกัน โดยเฉพาะเกี่ยวกับแนวทางในการส่งเสริมความเข้าใจและการเผยแพร่ข้อมูลที่มีประโยชน์ในมิติต่างๆ
คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวและคณะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะผู้แทนภาคสื่อสารมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ (ภาพโดย กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวและคณะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะผู้แทนภาคสื่อสารมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ (ภาพโดย กระทรวงการต่างประเทศ)
ในวันถัดมา กระทรวงฯ ได้นำคณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวเข้าเยี่ยมคารวะ นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยในการพูดคุยหารือได้มีการเน้นย้ำถึงความสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ต่อความสัมพันธ์ ไทย-จีน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ตลอดจนด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และความร่วมมือในกรอบเมืองพี่เมืองน้อง รวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศด้วย
คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวและคณะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ถ่ายรูปร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และคณะ (ภาพโดย กระทรวงการต่างประเทศ)
หลังจากนั้น คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดอยสะเก็ด เพื่อเรียนรู้แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนใน ‘พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต’ ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงแล้ว ก็สามารถสัมผัสได้ถึงธรรมชาติเขียวขจี ผืนน้ำใสสะท้อนท้องฟ้าสีคราม และสายลมเย็น ๆ นับเป็นภาพที่น่าประทับใจสำหรับคณะที่มาเยือนอย่างมาก
อ่างเก็บน้ำห้วยฮ่องไคร้ (ภาพโดย กระทรวงการต่างประเทศ)
ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ คณะยังได้เรียนรู้ถึงความเป็นมาและความสำคัญของศูนย์ฯ ที่มีต่อสภาพแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ รวมถึงรู้จักหลักการ ‘ป่าไม้สามอย่าง ประโยชน์สี่อย่าง’ ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการอนุรักษ์ป่าเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของทุกคน ประโยชน์อย่างแรกคือการใช้ไม้สำหรับใช้สอยทั่วไป ประโยชน์ที่สองคือการเก็บเกี่ยวผลจากไม้ผล ประโยชน์ที่สามคือการใช้ไม้เป็นเชื้อเพลิง และประโยชน์ที่สี่คือความชุ่มชื้นของสภาพแวดล้อมที่ได้จากป่านั่นเอง
นอกจากนั้น คณะยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าที่เคยถูกทำลาย การปลูกพืชชนิดที่เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ และวิธีการสร้างความสมดุลระหว่างการเกษตรและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่ชุมชนโดยรอบสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองได้
คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวและคณะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยวิทยากรและเจ้าหน้าที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ (ภาพโดย กระทรวงการต่างประเทศ)
ความสำเร็จของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงทำให้ชุมชนสามารถพัฒนาผลผลิตและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน สำหรับคณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวเองก็ได้สินค้าท้องถิ่นติดไม้ติดมือกลับบ้านไปมากมายเช่นกัน รวมทั้งได้ความรู้และประสบการณ์ที่ไม่เพียงเป็นการท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนอีกด้วย
คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวเลือกซื้อของฝากจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ (ภาพโดย กระทรวงการต่างประเทศ)
ก่อนเดินทางกลับ นอกเหนือจากประสบการณ์และองค์ความรู้ต่างๆ ที่คณะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับฝ่ายไทยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คณะผู้แทนสำนักข่าวซินหัวได้แสดงความประทับใจคือ การต้อนรับอันอบอุ่นและธรรมชาติที่สวยงามของไทยตลอดการเดินทาง และทำให้คณะมีความกระตือรือร้นที่จะจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนครั้งถัดไป ซึ่งผู้แทนฝ่ายไทยจะได้ไปเยือนจีน
เห็นได้ว่า โครงการนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยกับจีนผ่านองค์กรสื่อมวลชนที่สำคัญ แต่ยังช่วยส่งเสริมความเข้าใจที่ลึกซึ้งในด้านต่าง ๆ เช่น วัฒนธรรม การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเช่นนี้เองที่ถือเป็นสิ่งสำคัญในการต่อยอดความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ยาวนานและมั่นคงต่อไปในอนาคต ดังคำกล่าวที่ผู้เขียนชื่นชอบและขอหยิบยกมาปิดท้ายในบทความนี้ค่ะ
ว่ากันว่าการทำความรู้จักนั้นยาก แต่การรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวนั้นยากกว่า
Friendship is like money, easier made than kept.
Samuel Butler
ต่างประเทศ
จีน
ข่าวรอบโลก
1 บันทึก
2
2
1
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย