ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่ ยกระดับสิทธิเข้าสู่มาตรฐานสากล สู้ภัยโลกออนไลน์
รายการสแกนกฎหมาย** สัปดาห์นี้ พาผู้ชมเข้าสู่ประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของประชาชน กับตอน **“ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้บริโภค ฉบับใหม่”** ซึ่งมุ่งปรับปรุงกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคของรัฐให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะในยุคเทคโนโลยีที่เปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคไปอย่างสิ้นเชิง
นางสาววิภาพร แซ่ผู่** เจ้าหน้าที่วิเคราะห์และติดตามนโยบาย สภาองค์กรของผู้บริโภค หนึ่งในผู้ร่วมเสนอร่างกฎหมายต่อสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการ ซึ่งดำเนินรายการโดย **ว่าที่ ร.ต.คณรัตน์ ยินดีมิตร** ถึงที่มาและสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้
“กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคฉบับเดิมถูกตราขึ้นตั้งแต่ปี 2522 และแก้ไขล่าสุดเมื่อปี 2561 แต่ปัจจุบันรูปแบบการบริโภคเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง การซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เกิดขึ้นทุกวินาที ผู้บริโภคต้องการกลไกใหม่ที่ทันต่อปัญหา และยืนอยู่บนหลักสิทธิที่เทียบเท่าระดับสากล” นางสาววิภาพรกล่าว
เพิ่ม 5 สิทธิพื้นฐานใหม่ ตอบโจทย์สังคมยุคดิจิทัล
ในร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ มีการระบุ “สิทธิของผู้บริโภค” ไว้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพิ่มจากเดิม 5 ประการ เป็น 10 ประการ โดยเฉพาะสิทธิใหม่ที่สำคัญ อาทิ
* สิทธิได้รับความรู้เท่าทันสินค้าและบริการ
* สิทธิบริโภคอย่างยั่งยืนและมีสภาพแวดล้อมปลอดภัย
* สิทธิรวมตัวจัดตั้งองค์กรผู้บริโภค
* สิทธิในความเป็นส่วนตัว และ
* สิทธิการเข้าถึงสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
เพิ่มเสียงผู้บริโภคในกรรมการรัฐ
อีกประเด็นสำคัญคือข้อเสนอให้เพิ่มสัดส่วนตัวแทนผู้บริโภคใน “คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค” ซึ่งปัจจุบันยังมีตัวแทนจากภาครัฐและภาคธุรกิจเป็นหลัก เพื่อให้เสียงของประชาชนผู้ใช้สินค้าและบริการมีบทบาทในการกำหนดนโยบายและแก้ไขปัญหาที่แท้จริง
จับตาปรับโครงสร้าง-บทลงโทษใหม่
ร่างกฎหมายยังเสนอแยกบทบาทของคณะกรรมการฯ ให้ทำหน้าที่เชิงนโยบายโดยตรง ไม่ปะปนกับภารกิจปฏิบัติ เช่น การรับเรื่องร้องเรียนหรือฟ้องคดี ซึ่งจะถูกถ่ายโอนไปยังสำนักงานโดยตรงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ส่วนบทลงโทษ มีการปรับลดโทษจำคุก เพิ่มโทษปรับ และแยกโทษเป็น 3 ประเภท คือ โทษทางปกครอง โทษทางอาญา และโทษทางแพ่ง เพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปอย่างชัดเจนและเหมาะสมกับสถานการณ์จริง
ยกระดับความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ
นางสาววิภาพรยังฝากความคาดหวังว่า การมีร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ จะไม่เพียงคุ้มครองผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ เพราะผู้ประกอบการที่โปร่งใสจะได้รับความเชื่อถือจากประชาชนมากขึ้น
“นี่ไม่ใช่กฎหมายเพื่อปกป้องผู้บริโภคจากผู้ประกอบการ แต่เป็นกฎหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานทั้งระบบให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน” เธอกล่าว
เปิดช่องร้องเรียน 1502 ลดขั้นตอนยุ่งยาก
ผู้บริโภคที่ประสบปัญหา โดยเฉพาะสินค้าไม่ตรงปกจากโซเชียลมีเดีย หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ สามารถร้องเรียนได้โดยตรงผ่านหมายเลข 1502 ของสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยประสานต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที
ภาคประชาชนจับตา – รัฐต้องกล้าหนุน
ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยต้องได้รับการรับรองจากนายกรัฐมนตรีในฐานะ “ร่างกฎหมายว่าด้วยการเงิน” และการสนับสนุนจากทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน รวมถึงวุฒิสภา
หากผ่านความเห็นชอบและประกาศใช้ได้จริง จะนับเป็นก้าวสำคัญในการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภคของไทย ให้เทียบเท่าระดับสากล และเป็น “ปราการด่านแรก” ที่ช่วยให้ประชาชนมั่นใจในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างแท้จริง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
