20 พ.ค. เวลา 08:53 • ข่าวรอบโลก

วิกฤตแคชเมียร์ลุกลาม จุดชนวน "สงครามน้ำ" อินเดีย-ปากีสถาน

เมื่อ 22 เม.ย.68 คร่านักท่องเที่ยว 26 ชีวิต จุดชนวนให้อินเดียระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุอันเก่าแก่ สร้างความตึงเครียดครั้งใหม่กับปากีสถาน ข้อตกลงที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพกำลังกลายเป็นเชื้อเพลิงของ "สงครามน้ำ"
อินเดียภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ประกาศระงับ สนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ ซึ่งเป็นข้อตกลงแบ่งปันน้ำกับปากีสถานที่มีอายุกว่า 60 ปี การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์กราดยิงในแคชเมียร์ที่คร่าชีวิตนักท่องเที่ยว 26 คน ซึ่งอินเดียกล่าวหาว่าปากีสถานอยู่เบื้องหลัง การยกเลิกสนธิสัญญาครั้งนี้ไม่เพียงข่มขู่เส้นชีวิตด้านการเกษตรและพลังงานของปากีสถาน แต่ยังจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งที่อาจลุกลามเป็นวิกฤตระดับภูมิภาค
เมืองโมเฮนโจดาโร เเละฮารัปปา
ก่อนจะเข้าใจความร้ายแรงของสถานการณ์นี้ ไทยพีบีเอสออนไลน์ชวนย้อนกลับไปดูจุดกำเนิดของความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถานที่หยั่งรากลึกตั้งแต่ยุคแบ่งแยกดินแดน
ต้นตอความขัดแย้ง "แยกประเทศ-แย่งแคชเมียร์"
ความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถานเริ่มต้นในปี 2490 เมื่อ "อังกฤษ" ถอนตัวจากการเป็นเจ้าอาณานิคมและแบ่งดินแดนเป็น 2 ชาติตามศาสนา อินเดียส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู ส่วนปากีสถานเป็นมุสลิม แต่ภายในพื้นที่ชมพูทวีปนั้น ยังมี "รัฐมหาราชา" อีกจำนวนมาก ซึ่งทุกรัฐมีสิทธิ์เลือกที่จะรวมตัวกับใครก็ได้ แล้วแต่จำนวนประชากรส่วนใหญ่ในรัฐที่นับถือศาสนาฮินดู หรือ อิสลาม
"แคว้นแคชเมียร์" ซึ่งอยู่ทางเหนือของพื้นที่อินเดียและปากีสถาน แคชเมียร์ มีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม แต่ปกครองโดยมหาราชา "ฮารี ซิงห์" ที่นับถือฮินดู หลังการประกาศอิสรภาพของปากีสถานและอินเดียที่ห่างกันเพียง 1 วัน แคชเมียร์เป็นเพียงรัฐมหาราชารัฐเดียวที่อยากเป็นเอกราช ปกครองตนเอง
จุดนี้จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นข้อพิพาท ประชากรส่วนใหญ่ของแคชเมียร์เป็นมุสลิม จึงต้องการรวมตัวเข้ากับปากีสถาน และกองทัพปากีสถานก็ส่งกองกำลังติดอาวุธเข้าร่วมก่อการประท้วง ในขณะนั้น ฮารี ซิงห์ ผู้นับถือฮินดู จึงตัดสินใจเข้าขอความร่วมมือจากอินเดียในปี 2490 เพราะถูกรุกรานจากกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากปากีสถาน นำไปสู่สงครามอินเดีย-ปากีสถานครั้งแรก (2490-2491)
ดินเเดนเเคชเมียร์ต้นเเม่น้ำรากอารยธรรมลุ่มเเม่น้ำสินธุ
ลคือ สหประชาชาติ ต้องเข้ามาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย และส่งผลให้ดินแดนแคชเมียร์ถูกแบ่งโดย Line of Control (LoC) อินเดียควบคุม 2 ใน 3 ของแคชเมียร์และปากีสถานควบคุมส่วนที่เหลือ ทั้ง 2 ชาติยังคงอ้างสิทธิ์เหนือแคชเมียร์ทั้งหมด นำไปสู่สงครามใหญ่ 3 ครั้ง (2508, 2514, 2542) และการปะทะย่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
"แคว้นแคชเมียร์" ไม่เพียงเป็นประเด็นด้านดินแดน แต่ยังมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และทรัพยากร แม่น้ำสายหลักของลุ่มน้ำสินธุ เช่น แม่น้ำสินธุ เจลัม และเชนับ ซึ่งไหลผ่านแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย เป็นแหล่งน้ำสำคัญของปากีสถาน การควบคุมแคชเมียร์จึงหมายถึงการควบคุมน้ำ ซึ่งเป็นเส้นชีวิตของทั้ง 2 ชาติ โดยเฉพาะปากีสถานที่พึ่งพาน้ำเหล่านี้ในการเกษตรและพลังงาน
เหตุการณ์กราดยิงในแคชเมียร์ เม.ย.2568
เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2568 กลุ่มติดอาวุธโจมตีนักท่องเที่ยวในเมืองปาฮาลกัม หุบเขาไบซารัน รัฐจัมมูและแคชเมียร์ ฝั่งอินเดีย สังหารนักท่องเที่ยว 26 คน นับเป็นการโจมตีพลเรือนที่รุนแรงที่สุดในอินเดียนับตั้งแต่เหตุการณ์มุมไบในปี 2551
กลุ่ม The Resistance Front (TRF) ซึ่งอินเดียเชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากปากีสถาน อ้างความรับผิดชอบ โดยระบุว่าไม่พอใจการตั้งถิ่นฐานของ "คนนอก" ในแคชเมียร์ อินเดียระบุว่ามือปืน 3 คน เป็นสมาชิกของ Lashkar-e-Taiba ซึ่งมีฐานในปากีสถาน และกล่าวหาปากีสถานว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตี ปากีสถานปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าให้การสนับสนุนเพียงด้านการทูตและศีลธรรมแก่ชาวแคชเมียร์
การเเบ่งประเทศอินเดียเเละปากสถานโดยทหารอังกฤษ
สนธิสัญญาแม่น้ำสินธุคืออะไร ?
"แคชเมียร์" มีความสำคัญต่อชาติทั้ง 2 คือ อินเดีย และ ปากีสถาน ไม่เพียงเพราะดินแดน แต่ยังเพราะเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำในลุ่มน้ำสินธุ แม่น้ำสินธุ เจลัม และเชนับ ซึ่งไหลจากเทือกเขาหิมาลัยในแคชเมียร์ฝั่งอินเดียลงสู่ปากีสถาน รองรับความต้องการน้ำของปากีสถานถึงร้อยละ 80 โดยเฉพาะในแคว้นปัญจาบ ซึ่งเป็น "ตะกร้าข้าว" ของชาติ
การเกษตรของปากีสถาน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 24 ของ GDP ขึ้นอยู่กับน้ำจากแม่น้ำเหล่านี้ ในขณะที่อินเดียใช้แม่น้ำเหล่านี้ในการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำและชลประทานในแคชเมียร์ การควบคุมแคชเมียร์จึงเป็นการควบคุมทรัพยากรน้ำที่มีค่ามหาศาล
สนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ ลงนามเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2503 ผ่านการไกล่เกลี่ยของธนาคารโลก เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเรื่องน้ำหลังการแบ่งแยกในปี 2490 ข้อตกลงนี้แบ่งการใช้แม่น้ำในลุ่มน้ำสินธุ 6 สาย ได้แก่ สินธุ เจลัม เชนับ ราวี เบียส และสุตเลช ดังนี้
อินเดีย ได้รับสิทธิ์ควบคุมแม่น้ำตะวันออก 3 สาย (ราวี เบียส สุตเลช) ซึ่งให้ปริมาณน้ำประมาณ 33 ล้านเอเคอร์-ฟุตต่อปี (MAF) คิดเป็นร้อยละ 20 ของปริมาณน้ำทั้งหมดในลุ่มน้ำ อินเดียสามารถใช้แม่น้ำตะวันตก เพื่อการเกษตรที่ไม่ใช้การชลประทาน เช่น การเพาะปลูกที่พึ่งพาน้ำฝน และการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำแบบ "run-of-river" (ไม่กักเก็บน้ำ) โดยต้องไม่รบกวนการไหลของน้ำไปยังปากีสถาน
ปากีสถาน ได้รับสิทธิ์ควบคุมแม่น้ำตะวันตก 3 สาย (สินธุ เจลัม เชนับ) ซึ่งให้ปริมาณน้ำประมาณ 135 MAF คิดเป็นร้อยละ 80 ของปริมาณน้ำทั้งหมด ปากีสถานสามารถใช้แม่น้ำตะวันออกได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านจนกว่าการพัฒนาระบบชลประทานในแม่น้ำตะวันตกจะเสร็จสมบูรณ์
อารยธรรมลุ่มเเม่น้ำสินธุ
ผลกระทบหากอินเดียก่อ "สงครามน้ำ"
การระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุโดยอินเดียอาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรงต่อปากีสถานและความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ "วิกฤตการเกษตรในปากีสถาน" เพราะพึ่งพาน้ำจากแม่น้ำสินธุ เจลัม และเชนับในการชลประทาน
พื้นที่เกษตรกว่า 16 ล้านเฮกตาร์ หากอินเดียกักเก็บหรือเปลี่ยนทิศทางน้ำ ผลผลิตพืชผล เช่น ข้าวสาลี ข้าว และฝ้าย อาจลดลงอย่างมาก ส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร
ภัยแล้งและความยากจน แคว้นปัญจาบและสินธ์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเกษตร อาจเผชิญภัยแล้งรุนแรง เพิ่มความยากจนและการอพยพของประชากร
การขาดแคลนพลังงาน เขื่อนและโรงไฟฟ้าพลังน้ำของปากีสถาน
เช่น เขื่อนทาร์เบลา ขึ้นอยู่กับน้ำจากแม่น้ำสินธุ การลดลงของน้ำอาจทำให้เกิดวิกฤตพลังงาน
ความตึงเครียดทางทหาร ปากีสถานระบุว่าการตัดน้ำเป็น "การก่อสงคราม" ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะตามแนว LoC หรือการโจมตีตอบโต้
ที่น่ากังวลมากที่สุดคือ ทั้ง 2 ชาติ เป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ โดยอินเดียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 130-140 หัว และปากีสถานมี 140-150 หัว ความขัดแย้งที่ลุกลามอาจมีผลกระทบร้ายแรงในระดับโลก
แต่แม้การประกาศระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ เพื่อตอบโต้ปากีสถาน แต่อินเดียก็หนีไม่พ้นที่ต้องร่วมรับชะตากรรมเช่นกัน การกักเก็บน้ำอาจช่วยเพิ่มการชลประทานและพลังงานในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ แต่จะเพิ่มความตึงเครียดในแคชเมียร์ ซึ่งมีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอยู่แล้ว
อินเดียอาจเผชิญแรงกดดันจากนานาชาติ โดยเฉพาะจีน ซึ่งสนับสนุนปากีสถาน และสหรัฐฯ ซึ่งมีผลประโยชน์ในภูมิภาค
ธนาคารโลก ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันสนธิสัญญา อาจพยายามไกล่เกลี่ย แต่การที่อินเดียระงับสนธิสัญญาโดยฝ่ายเดียวทำให้การเจรจายากขึ้น
จีน ซึ่งควบคุมบางส่วนของแคชเมียร์ (อักไซชิน) และเป็นพันธมิตรของปากีสถาน อาจเพิ่มการสนับสนุนปากีสถาน สร้างความซับซ้อนในสถานการณ์
อารยธรรมอียิปฐ์ ลุ่มเเม่น้ำสินธุ เมโสโปเตเมีย เเละจีน
การระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุโดยอินเดีย หลังเหตุการณ์กราดยิงในแคชเมียร์ ได้เปลี่ยนข้อตกลงสันติภาพให้กลายเป็นจุดชนวนของ "สงครามน้ำ" ระหว่างอินเดียและปากีสถาน แคชเมียร์ ซึ่งเป็นทั้งต้นกำเนิดของความขัดแย้งและแหล่งน้ำสำคัญ ยังคงเป็นหัวใจของปัญหา อนาคตของทั้ง 2 ชาติขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะหาทางออกทางการทูตได้หรือไม่ ท่ามกลางความเสี่ยงของวิกฤตด้านมนุษยธรรมและความขัดแย้งที่อาจลุกลามไปทั่วโลก
เรียบเรียงโดย อาจารย์ต้นสัก สนิทนาม
#อินเดีย #ปากีสถาน #เเคชเมียร์ #สงคราม #ความรุนเเรง #ข่าว #รอลโลก
โฆษณา