20 พ.ค. เวลา 09:40 • หุ้น & เศรษฐกิจ
📢ข่าวประชาสัมพันธ์ : PRM มาแรง! โชว์กำไร Q1/68 พุ่ง 769.4 ล้านบาท โต 30.7% เรือใหม่เข้างานครบเสริมด้วยกำไรพิเศษจากการขายเรือ
PRM ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิที่ 769.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2567 ถึง 30.7%
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRMผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและเคมีเหลวทางเรือ
รวมถึงให้บริการสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทางทะเล
อย่างครบวงจร เปิดเผยว่าการเติบโตของกำไรสุทธิของบริษัทฯ ถึง
30.7% เป็นผลมาจากการดำเนินงานที่เป็นไปตามแผนในทุกธุรกิจ
กองเรือใหม่ทั้ง 4 ลำ ในธุรกิจ OSV เข้าทำงานครบตามแผนงาน
รวมถึงได้กำไรจากการขายเรือ Floating Storage Unit (FSU)
ที่ครบอายุการใช้งานจำนวน 1 ลำ
ช่วยหนุนการเติบโตของกำไรสุทธิอีกทาง โดยในไตรมาส 1/2568
บริษัทฯ มีภาพรวมผลประกอบการและการดำเนินงานดังนี้
ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (Petroleum and
Chemical Tankers “PCT”) เติบโตขึ้นจากไตรมาส 1/67
และไตรมาส 4/67 ทั้งรายได้และกำไรขั้นต้น
จากอัตราการใช้เรือเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการขนส่งน้ำมันอ
ากาศยานที่สูงขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย
และจำนวนเรือเข้าอู่แห้งและซ่อมบำรุงตามแผนงานลดลง
ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ (Crude Oil Carrier “COC”)
มีรายได้ลดลงตามแผนการปรับแผนธุรกิจที่นำเรือขนส่งน้ำมันดิบ
ขนาด Aframax มาดัดแปลงให้เป็นเรือ Floating Storage and
Offloading Unit (FSO) ภายใต้ธุรกิจ OSV
เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวและใช้สินทรัพย์ของบริษัทฯ
ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากสัญญาให้บริการเรือ FSO
ที่บริษัทได้รับจากลูกค้า มีระยะเวลาของสัญญายาวสูงสุดถึง 10 ปี
ในขณะที่เรือลำดังกล่าวมีอายุคงเหลือในรูปแบบเรือขนส่งน้ำมันดิ
บเพียง 1 ปี
ธุรกิจเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (Floating Storage
Unit “FSU”) แม้ว่ามีรายได้และกำไรขั้นต้นลดลงจากไตรมาส
1/67 และ 4/67 อันเนื่องมาจากการขายเรือ FSU ที่มีอายุมาก
ออกไปทั้งหมด 1 ลำ แต่อัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาส 1/68
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 55.3% จากอัตราการใช้เรือที่สูงขึ้น
รวมถึงได้รับข่าวดีจากการที่เรือ FSU
ลำใหม่ที่บริษัทซื้อเข้ามาทดแทนเรือที่ขายออกไป
เริ่มให้บริการลูกค้ารายใหม่ในเดือน พฤษภาคม 2568 นี้
ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล
(Offshore Support Vessel “OSV”)
เติบโตจากการให้บริการเรือลำใหม่อีก 4 ลำ ในระหว่างไตรมาส
1/68 นี้
ซึ่งถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานจะได้รับผลกระทบจากการเข้าอู่แห้ง
ของเรือ AWB 1 ลำ และการแข็งค่าของเงินบาท
แต่การขยายงานและเพิ่มเรือให้บริการทั้ง 4 ลำดังกล่าว
ช่วยทำให้ธุรกิจ OSV มีรายได้และกำไรขั้นต้นที่สูงกว่า ไตรมาส
1/67 และ 4/67 อย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงธุรกิจ OSV
มีแนวโน้มโตต่อเนื่องในไตรมาส 2/68 จากการที่เรือ AWB
กลับเข้าทำงานตามปกติ และเรือใหม่ทั้ง 4
ลำจะรับรู้รายได้เต็มทั้งไตรมาส
ธุรกิจตัวแทนสายเดินเรือและออกของ (Ship Agent and
Shipping “SAS”)
ที่มีรายได้และกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นจากไตรมาส 1/67
อย่างมีนัยสำคัญ จากการขยายธุรกิจโดยการเข้าซื้อ บจก.
วี.ซี.ชิปปิ้ง แอนด์ เซอร์วิส (VC) ในเดือน ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นอกจากรายได้จาก 5 ธุรกิจหลักแล้ว ทางบริษัทฯ
ยังมีกำไรพิเศษจากการขายเรือ FSU จำนวน 1 ลำ เป็นจำนวน
163.6 ล้านบาท และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง
20.2% จากไตรมาส 4/67 พร้อมตุนเงินสดในมือกว่า 4
พันล้านบาท เตรียมจ่ายเงินปันผลคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 23
พฤษภาคมนี้ และสนับสนุนการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี
นายวิริทธิ์พล ย้ำว่า PRM
สามารถทำกำไรสุทธิได้อย่างน่าประทับใจในช่วงไตรมาส 1/68
พร้อมกับมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2/68
และยังคงให้คำสัญญาที่จะมุ่งเน้นในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ
อย่างต่อเนื่อง
ไปพร้อมกับการยึดมั่นในแนวคิดของการทำธุรกิจที่มีความยั่งยืนค
วบคู่ไปด้วย
เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนและผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือ
หุ้น
โฆษณา