20 พ.ค. เวลา 11:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

SET ปลุกพลัง ESG ปรับเกมตลาดทุนไทยสู่อนาคตแห่งความยั่งยืน

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้า ESG เปลี่ยนโฉมตลาดหุ้นไทย ปูทางสู่ความยั่งยืนในอนาคต มองนโยบายทรัมป์มีผลระยะกลาง แต่ ESG ยังคงอยู่ยาว
ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนในการเติบโต จากปัจจัยในต่างประเทศโดยเฉพาะปัญหาสงครามการค้าจากการกำหนดนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่ไม่เพียงกระทบเศรษฐกิจไทย แต่ทั่วโลกก็โดนเช่นเดียวกัน
ถามว่าจะส่งผลต่อบริษัทจดทะเบียนและตลาดหุ้นไทยด้วยหรือไม่นั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าก็อาจได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นก็อาจมีทั้งบวกและลบ หลายอุตสาหกรรมอาจได้รับอานิสงส์เชิงบวกได้ ดังนั้นจึงเหมารวมทั้งหมดไม่ได้
แม้จะบอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ตลาดไม่ดีไม่ว่าหุ้นจะมีศักยภาพแค่ไหนก็โดนฉุดร่วงลงไปด้วย แต่เชื่อว่าหุ้นใดก็ตามที่มีศักยภาพ มีแนวโน้มธุรกิจและการเติบโตที่ดี หุ้นเหล่านั้นจะยังคงเป็นที่สนใจของนักลงทุน และเรื่องการฟื้นตัวกลับมาก็เป็นไปได้
ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และมีการวางแผนออกมาตรการต่างๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยและบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ตลาดหุ้นไทย และเมื่อพิจารณาดูสถิติข้อมูลก็พบว่าผลตอบรับออกมาในทิศทางที่ดี นั้นหมายความว่าเราใช้เครื่องมือที่มีได้อย่างเห็นผล
นอกจากนี้ อีกเรื่องที่อยากมุ่งเน้นคือการผลักดันเรื่องของ ESG ให้กับ บจ. เพราะในปัจจุบันมีเพียง 50% เท่านั้นจากทั้งหมดกว่า 800 บริษัท หรือคิดเป็นราว 400 กว่าบริษัทที่ให้น้ำหนักเรื่องของความยั่งยืน ส่วนตัวยังไม่พอใจกับตัวเลขนี้นักและอยากให้ความสำคัญในจุดนี้เพิ่มมากขึ้น
แม้ว่านโยบายของทรัมป์จะไม่เห็นด้วยหรือสันบสนุนด้าน ESG แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มองว่าท้ายที่สุดแล้ว ทรัปม์มีวาระการดำรงตำแหน่งเพียง 4 ปี แล้วก็ไป แต่เรื่องของความยั่งยืนเป็นเรื่องที่เราต้องปูทางไปสู่อนาคต มันต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้นจึงเห็นควรที่จะเริ่มสร้างฐานที่แข็งแรงตั้งแต่วันนี้ไป
นอกจากนี้ ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้เข้ามาร่วมหารือกับภาครัฐในการช่วยสนับสนุนเรื่อง ESG ให้กับภาคเอกชน สร้างแรงจูงใจอย่างไรให้เอกชนเห็นถึงความสำคัญเรื่องของ ESG หรือความยั่งยืน ซึ่งเบื้องต้นก็มีแนวคิดในการปล่อยเงินกู้ให้กับภาคเอกชนเพื่อลงทุนในด้าน ESG โดยให้ดอกเบี้ยที่ต่ำ ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของเอกชนลง
ในอนาคตสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความตั้งใจอยากเป็นตัวกลาง คือ ต้องการพัฒนาแพลตฟอร์มให้มีความหลากหลายและครอบคลุมมากที่สุด ในด้าน ESG ก็มีความตั้งใจว่าจะทำให้การซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) สามารถทำได้ผ่านแพลตฟอร์มของตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือแม้กระทั่งการออกบอนด์โดยใช้แพลตฟอร์มของ SET เป็นต้น
ถามว่าตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ พอใจกับผลงานที่สร้างไว้หรือไม่ ผมพอใจนะ ผมถือว่าสอบผ่าน สิ่งไหนที่เร่งทำได้ก็ทำเลย ผลักดันทั้งในแง่กฎหมายและกระบวนการต่างๆ ให้มีความฉับไวขึ้น ทันกับสถานการณ์ และยังมองการพัฒนาในด้านอื่นๆ อีกต่อเนื่อง ส่วนการมาของทรัมป์ ส่วนตัวมองว่าไม่ยั่งยืนเพราะมีวาระในการดำรงตำแหน่ง ตอนนี้อาจแข็งข้อในด้านภาษี แต่เชื่อว่าไม่นานก็ต้องอ่อนข้อแน่ ดังนั้นการสร้างความเข้มแข็งจากภายในอาจเป็นเรื่องสำคัญกว่า
  • 3 ภาระกิจเร่งด่วน
สำหรับภาระกิจเร่งด่วนที่อยากทำมี 3 เรื่อง ได้แก่
  • 1.
    การหาบริษัทที่มีศักยภาพเข้ามาจดทะเบียนใหม่เร็วที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มที่กำลังเป็นกระแสโลก พวกหุ้นเทคโนโลยี ต่างๆ กลุ่มสตาร์ทอัพ ทั้งในประเทศและต่าองประเทศที่มีอนาคตที่ดี
  • 2.
    ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทที่มีอยู่ปัจจุบันให้โปร่งใส และช่วยสะท้อนความเป็นจริงของตลาดทุน เช่น โครงการ JUMP+ ที่จะทำให้บริษัทรู้มูลค่าที่แท้จริง นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในหุ้นที่สนใจถูกต้อง
  • 3.
    ทำให้ผู้ลงทุนเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของบริษัทได้อย่างรวดเร็ว และซื้อขายหุ้นได้อย่างเป็นธรรม
ซึ่งทั้ง 3 เรื่องใหญ่ ถ้าทำได้แบบนี้เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยก็จะฟื้นได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะบริษัทดีนักลงทุนก็จะซื้อขายหุ้นมากขึ้น
ขณะที่โครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ของ บจ. คาดว่าเกณฑ์ใหม่จะเริ่มใช้ภายในเดือน พ.ค.นี้ โดยเงื่อนไขใหม่ที่จะปลดล็อกได้แก่
  • 1.
    สามารถทำโครงการซื้อหุ้นคืนต่อได้ทันที โดยไม่ต้องรอเว้นระยะเวลา 6 เดือน หลังจากการทำโครงการซื้อคืนรอบแรก
  • 2.
    ขยายระยะเวลาการขายหุ้นคืนเพิ่มเป็น 5 ปี (ต่อได้ 1 ปี จำนวน 2 ครั้ง) จากเดิมที่กำหนดต้องขายให้หมดใน 3 ปี
อย่างไรก็ตาม ยอดการซื้อหุ้นคืนในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-เม.ย.68) พบว่า มีบจ. ที่ซื้อหุ้นคืนรวม 37 บริษัท มูลค่ารวมมากกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับมูลค่าการซื้อหุ้นคืนของทั้งปี 67 แล้ว จะเห็นได้ว่า บจ. ให้ความสนใจในโครงการซื้อหุ้นคืนค่อนข้างมาก
โฆษณา