21 พ.ค. เวลา 15:51 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

เจาะลึก "Orb" อุปกรณ์สแกนม่านตายืนยันตัวตน แยกมนุษย์ออกจากบอท

World เปิดตัวอุปกรณ์ "Orb" ในไทย เทคโนโลยีสแกนม่านตาที่แยกคนจริงจาก AI และบอทให้คุณ ผ่าน World ID พร้อมลุยในธุรกิจซื้อตั๋ว ตั้งเป้า 2 ล้านผู้ใช้ในไทยปีนี้
ในยุคที่เทคโนโลยี AI และ Deep Fake กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การแยกแยะระหว่างมนุษย์จริงกับ AI บอทในโลกออนไลน์กำลังเป็นความท้าทายที่สำคัญ เทคโนโลยี "World" ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยล่าสุดได้เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
นายภัคพล ตั้งตงฉิน Country Manager ของ World (Thailand) ผู้จัดการ World ประเทศไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" และสื่อในเครือเนชั่น ถึงความท้าทายในยุคที่ AI กำลังก้าวหน้า
"ปัจจุบันเราจะมองไม่ออกเลยว่าคนจริงกับ AI กับบอทมันต่างกันยังไง แม้แต่ปัจจุบันเราก็จะเห็น Deep Fake ที่เป็นวิดีโอเนียนมาก ต่อไปแม้แต่ในการประชุมผ่าน Zoom หรือ Microsoft Teams เราจะดูไม่ออกแล้วว่าคนที่เราคุยอยู่ด้วยเป็น AI หรือเป็นคนจริง"
เทคโนโลยี World ยืนยันตัวตนด้วยม่านตา
 
World ถูกก่อตั้งโดย Sam Altman (แซม อัลท์แมน) หลังจากที่เขามองเห็นปัญหาในอนาคตว่า AI จะส่งผลกระทบต่อการยืนยันตัวตนในโลกออนไลน์
ภัคพลเล่าว่า "เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว แซมเห็นภาพนั้นแล้ว เขาพยายามหาวิธีที่ทำให้ในโลกใบนั้น มนุษย์เราจะสามารถอยู่กับ AI ได้ เขาจึงพยายามดูรูปแบบในการยืนยันความเป็นมนุษย์ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ Facial Detection ก็เห็นแล้วว่า Deep Fake ปลอมได้ Voice ก็ปลอมเสียงได้ Signature ลายมือเดี๋ยวนี้ก็ปลอมได้
"เหลืออยู่อย่างเดียวที่เขาเชื่อว่าจะสามารถยืนยันความเป็นคนออกจาก AI ได้ในระดับที่เรียกว่า Population Scale คือม่านตา เพราะว่าม่านตามีความซับซ้อน มีความละเอียดอ่อนเส้นสายในตาที่สูงที่สุด แม้แต่ฝาแฝดก็ไม่เหมือนกัน"
จากแนวคิดนี้ World จึงสร้างอุปกรณ์ที่เรียกว่า "Orb" ขึ้นมา ทำหน้าที่ถ่ายภาพม่านตาแล้วแปลงเป็นรหัสดิจิทัล (Iris Code) โดยไม่มีการเก็บภาพม่านตา แต่จะเก็บเฉพาะรหัสที่เข้ารหัสแล้วไว้ในมือถือของผู้ใช้งานเท่านั้น
"สิ่งที่สำคัญมากคือเราจะลบภาพม่านตานั้นทิ้งทันทีเลย การลบนั้นอยู่ใน Source Code ของเรา วันนี้ถ้าลองไปเจอ Orb แล้วทำการยืนยันตัวตน จะเห็นเลยว่ามันลบให้ดูเลย" ภัคพลยืนยัน และเสริมว่า ประเด็นสำคัญที่คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดคือเราพยายามเก็บ Biometric Data แต่ความเป็นจริงเราไม่ได้เก็บอะไรเลย
"World ID" = Digital Passport ข้ามพรมแดน
 
เมื่อผู้ใช้งานทำการยืนยันตัวตนกับ Orb แล้ว จะได้รับสิ่งที่เรียกว่า "World ID" ซึ่งภัคพลเปรียบเทียบว่าคล้าย Digital Passport แต่แตกต่างตรงที่ไม่ผูกกับประเทศใดประเทศหนึ่ง
"World ID เขาตั้งใจให้เป็นมาตรฐานแรกที่ข้ามทั้งโลกเลย ไม่ว่าคุณจะอยู่ประเทศไหนก็คือระบบใช้มาตรฐานเดียวกัน" ภัคพลอธิบายให้เห็นภาพ
หลังจากได้รับ World ID แล้ว ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าสู่ระบบนิเวศของ World ได้ ซึ่งเป็นเหมือนโลกอีกใบหนึ่งที่มีแต่คนจริงเท่านั้น ไม่มี AI หรือบอท ทำให้ผู้ใช้สามารถทำกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ ได้อย่างสบายใจ
ระบบนิเวศของ World กับ 5 ผลิตภัณฑ์หลัก
 
ภัคพลได้อธิบายถึงองค์ประกอบหลักของระบบนิเวศ World 5 ส่วน ได้แก่
1. Orb - อุปกรณ์สแกนม่านตาเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์
2. World ID - ระบบยืนยันตัวตนดิจิทัลที่ใช้เป็นมาตรฐานใหม่
3. World App - แอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ใช้สื่อสารกับระบบนิเวศของ World และค้นหาตำแหน่ง Orb
4. World Chain - เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อรองรับระบบหลังบ้าน
5.World Coin - สกุลเงินดิจิทัลของระบบ ที่ให้เป็นรางวัลแก่ผู้ยืนยันตัวตนกับ Orb
"World Coin เปรียบเป็น Cryptocurrency ตัวหนึ่งเหมือนกับ Bitcoin แต่มีเป้าหมาย 2 อย่าง ในระยะสั้นเพื่อให้ Incentive คนมาหา Orb และ Verify ทุกคนที่มาหา Orb ปัจจุบันเราจะให้ World Coin เขาเป็นจำนวนประมาณ 25 ดอลลาร์ เทียบเป็นเงินไทยประมาณ 600-700 บาท ในระยะยาว World Coin จะเป็นสกุลเงินใหม่เพื่อใช้อยู่ใน Network ของ World ทุก Flow ทุกการซื้อขาย ทุกแพลตฟอร์มที่มาเชื่อมต่อ โฟลว์ตรงกลางจะเป็น World Coin หมดเลย"
การขยายธุรกิจในประเทศไทย
 
World ได้เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2025 และกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีอุปกรณ์ Orb ตั้งอยู่ประมาณ 25 จุด และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 50 จุดภายในสิ้นเดือนนี้ ตั้งเป้าการขยายตัวแบบ Nationwide ภายในเดือนหน้า
"เป้าหมายของผมสำหรับ Orb คือเราจะตั้ง Orb ให้ได้เยอะที่สุดในประเทศไทย เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึง Orb ได้ง่ายๆ ไม่ต้องเดินทางไกล อาจจะอยู่ในรัศมีที่สามารถไปหาได้ภายในครึ่งชั่วโมง"
ล่าสุด World กำลังเจรจากับพาร์ทเนอร์หลายราย เพื่อนำ World ID ไปใช้ในธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Ticketing เพื่อแก้ปัญหาบอทกวาดซื้อตั๋ว และจะมีการจับมือกับแพลตฟอร์มชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่ของไทยเพื่อใช้ World ID เป็นมาตรฐานใหม่
"เราตั้งใจจะทำให้มีแอปพลิเคชันบน World ที่พัฒนาโดยนักพัฒนาชาวไทย เราจะมีการตั้ง Grant ส่วนหนึ่งเพื่อจูงใจให้นักพัฒนามาสร้างแอปบน World ซึ่งจะทำให้นักพัฒนาไทยสามารถสร้างแอปเข้าไปอยู่ในเน็ตเวิร์คนี้ แล้วให้สาธารณชนทั่วโลกเข้าถึงแอปพลิเคชันเหล่านั้นได้"
ภัคพลตั้งเป้าหมายในประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้ว่า จะออนบอร์ดผู้ใช้งานให้ได้ 2 ล้านคน และมีบริษัทใช้ World ID อย่างน้อย 5 รายขึ้นไป นอกจากนี้ ยังต้องการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาของ AI และบอทในอนาคต
การรับรองทางกฎหมาย
 
ภัคพลยืนยันว่า World ได้รับการรับรองจาก PDPC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลกฎหมาย PDPA ในไทย โดยได้รับการยืนยันว่าไม่มีปัญหาทางกฎหมาย โดยในประเทศไทย World ดำเนินการผ่านความร่วมมือจาก 3 ฝ่าย ได้แก่ บริษัท Tools For Humanity (ที่ภัคพลสังกัด), บริษัท MVP (ดูแลการดำเนินงานและการตั้ง Orb) และองค์กร TIDC ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) และ National Telecom (NT)
"World เลือกลงทุนในประเทศไทยเพราะเสน่ห์ของประเทศไทยคือดิจิทัลและคริปโต อะดอปชั่น ประเทศไทยติดท็อป 10 ของโลก ด้วยความที่คนไทยส่วนใหญ่ค่อนข้าง Tech Savvy มาก บวกกับมาร์เก็ตไซส์ที่ไม่เล็ก และคนไทยมีความเต็มใจที่จะลองเทคโนโลยีใหม่ๆ" ภัคพลกล่าวทิ้งท้าย
โฆษณา