จีน+อาเซียน ผู้บริโภคมากกว่า 2 พันล้าน
นิติการุณย์
มิ่งรุจิราลัย
ความเป็นประธานหอการค้าไทย-ไนจีเรียคนแรก เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ผมกับเอกอัครราชทูตไนจีเรียประจำไทย (ต่อมาเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศไนจีเรีย) สัญญากันว่าจะทำให้มูลค่าการค้าระหว่างไทยและไนจีเรียเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ด้วยระยะทางและองค์ประกอบอื่น ความบูมตูมตามของการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับไนจีเรียอยู่ได้ไม่เกินทศวรรษ เมื่อปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม การค้าการลงทุนก็ลดฮวบฮาบราบเรียบ ไม่จีรังยั่งยืน
ผมเคยเป็นประธานที่ปรึกษาของบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุน ในกลุ่มประเทศตลาดใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) 10 ปี ค.ศ.2005-2015 เคยเรียนที่ประชุมว่า ‘แอฟริกามีทั้งหมด 54 ประเทศ ประเทศที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ระดับหมื่นล้านดอลลาร์ ผมแนะนำให้ตัดออก อย่างโตโก เซียร์ราลีโอน ซูดานใต้ เอสวาตินี ไลบีเรีย บุรุนดี เคปเวิร์ด แกมเบีย เลโซโท กินี-บิสเซา ฯลฯ เราต้องงดการไปทุ่มเท
‘และให้หันไปมุ่งกับประเทศพลเมืองมาก+จีดีพีสูงอย่างแอฟริกาใต้ (GDP410.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคการเงินเข้มแข็ง เหมืองแร่ อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวแข็งแรง)
อียิปต์ (GDP 347.3 พันล้าน ความมั่งคั่งมาจากการท่องเที่ยว คลองสุเอซ เกษตรกรรม และพลังงาน)
แอลจีเรีย (GDP 268.9 พันล้าน มีน้ำมันและก๊าซ ธรรมชาติมาก)
ไนจีเรีย (GDP 252.2 พันล้าน มีประชากรมากที่สุด ในทวีปแอฟริกา เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ก๊าซ และเทคโนโลยี)
และเอธิโอเปีย (GDP 156.1 พันล้าน เติบโตเร็วที่สุดในทวีปแอฟริกา ขับเคลื่อนด้วยภาคเกษตรและการก่อสร้างที่แข็งแรง)
ผมเดินทางไปประเทศแอฟริกาที่มี GDP เกินแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯอยู่หลายรอบ เพื่อเก็บข้อมูลมาให้บีโอไอใช้ส่งให้ผู้ประกอบการ แนะนำให้บีโอไอพาภาคเอกชนไปทำงานร่วมกับกระทรวงการลงทุน สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมในประเทศเหล่านั้น
แต่ความสำเร็จและความบูมตูมตามก็อยู่ไม่นาน เป็นเพราะความห่างไกล ขาดทรัพยากรมนุษย์ที่ชำนาญในประเทศเหล่านี้มาขับเคลื่อนต่อ คอนเนกชันที่สร้างไว้ก็หายไปกับผู้นำรุ่นเก่าที่ต่างเฒ่าชะแรแก่ชราและมีจำนวนไม่น้อยที่ตายจากไปแล้ว
ข้อมูลจาก Current World Population มนุษย์บนโลกของเรา ณ 19 พฤษภาคม 2025 มี 8,223,798,889 คน จีนมีประชากร 1,416,906,094 ล้านคน ส่วน 10 ประเทศในกลุ่มอาเซียน มี 693,748,790 คน
จีนและอาเซียนมีพลเมืองรวม 2.11 พันล้าน ผู้บริโภคมากขนาดนี้ ถ้าค้าขายและลงทุนในแผ่นดินของกันและกัน ผมว่าจะไป ได้ดีและมั่นคง ด้วยความใกล้กันทางด้านภูมิศาสตร์ การมีภูมิหลัง เป็นคนเชื้อสายเดียวกัน ทำให้เกิดความยั่งยืนตามกลไกทางการค้าการลงทุนที่ไหลไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องมาบูสต์กันอยู่ตลอดเวลา อย่างประเทศหลักแอฟริกา ไม่ได้เขียนความรู้สึกอันนี้ด้วยจากการลอกข้อมูลจากคนอื่น แต่ผมเขียนจากประสบการณ์จริงที่ทำงานในทวีปแอฟริกามานานกว่า 25 ปี
หลังจากการเจรจานัดแรกระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่นครเจนีวาและจบลงด้วยข้อตกลงลดภาษีชั่วคราว 90 วัน แม้กำแพงภาษีจะ ลดลงอย่างมาก แต่รัฐบาลจีนและผู้ประกอบการชาวจีนก็มีแนวโน้มจะเปลี่ยนทิศทางมาลงทุนในอาเซียน สาเหตุของการเปลี่ยนก็เพราะ รัฐบาลและผู้ประกอบการชาวจีนไม่ไว้ใจพฤติกรรมของทรัมป์ที่ คาดเดาไม่ได้ นักธุรกิจอเมริกันหลายรายก็ไม่สบายใจที่จะซื้อสินค้า จากจีนไปขายต่อ เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตภาษีจะเพิ่มหรือลดอย่างไร
ข้อมูลสำนักศุลกากรจีนบอกว่า หลังจากทรัมป์ประกาศเก็บภาษีใหม่เมื่อต้นเดือนเมษายน 2025 การส่งออกของจีนไปสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 21 แต่มาอาเซียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 และส่งไปสหภาพ ยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 8
มีข้อมูลว่าบริษัทจีนต้องการขยายฐานการผลิตมาที่เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย จากการสอบถามผู้ประกอบการชาวจีน 1,100 คน กว่าร้อยละ 75 มีแผนที่จะขยายกิจการไปยังประเทศเกิดใหม่ และอีกเกือบร้อยละ 50 ยืนยันว่าจะลดการทำธุรกิจกับสหรัฐฯ
ทรัมป์แจ้งว่าจะตรวจสอบการขยายการลงทุนของจีนเข้าอาเซียน หากพบว่าจีนใช้ประเทศที่ 3 เป็นทางผ่านในการส่งออกไป สหรัฐฯ สหรัฐฯก็จะลงโทษประเทศที่ให้จีนเข้ามาใช้เป็นฐานในการผลิตเพื่อส่งออกมาสหรัฐฯอย่างเด็ดขาดและสาสม โอย กลัว จีนกลัว อาเซียนกลัว กลัวเหลือเกิน.
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
