23 พ.ค. เวลา 01:03 • ศิลปะ & ออกแบบ

คอนโดที่มีศิลปะเป็นแรงบันดาลใจ ‘Via 34’ จาก Sansiri สุนทรียภาพจากการร้อยเรียงศิลปะให้รายล้อมชีวิต !

ในทุกวันนี้ที่เรื่องวุ่นวายถาโถมอยู่รอบตัวเรา ‘ศิลปะ’ ถือเป็นสิ่งที่ช่วยชุบชูใจในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี แล้วจะดีแค่ไหน ? ถ้าเราได้อาศัยอยู่ในงานศิลปะชิ้นเอกอันงดงาม รายล้อมไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ และองค์ประกอบที่ผ่านการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน
🟤 การอยู่อาศัยที่รายล้อมไปด้วยศิลปะแบบ #AestheticLiving
จึงกลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ของ ‘Via 34’ คอนโดฯ Low Rise ใหม่ล่าสุดจาก Sansiri กับการนำเสนอนิยามของการใช้ชีวิตที่งดงามแบบ “LIVE IN A WORK OF ART” เติมสุนทรียภาพให้ชีวิต เหมือนได้เสพงานศิลป์ ชมงานดีไซน์ที่อยู่รายล้อมรอบตัวในทุกวัน !
โดยหลักของการออกแบบของ Via จะถูกดีไซน์ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไปในแต่ละโครงการ โดยผสมผสานความงดงามของศิลปะที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี เข้ากับบรรยากาศที่สงบ ร่มรื่น ด้วยพื้นที่สีเขียวที่เป็นเหมือนจุดพักสายตาบนผืนผ้าใบของศิลปิน พร้อมเปิดรับวิวเมืองแบบพาโนรามา
Via 34 ตั้งอยู่บนสุดยอดทำเลใจกลางสุขุมวิท ใกล้ BTS ทองหล่อมากที่สุด เพียง 350 เมตร* เดินทางสะดวกเชื่อมต่อพระราม 4 ผ่านทางลัดสุขุมวิท 26 รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย ตอบโจทย์ทุกการอยู่อาศัย ใกล้ห้างสรรพสินค้า และ Community Mall หลายแห่ง เช่น The Em District, K Village, J-Avenue และ The Commons
โครงการยังคงมาตรฐานคุณภาพโครงการของแสนสิริ ที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับ Quality & Service มาตรฐานคุณภาพโครงการทั้งการออกแบบและงานก่อสร้างให้มีความแข็งแรงและปลอดภัยตามข้อกำหนดมาตรฐานการออกแบบโครงสร้างอาคารระดับสูงของประเทศไทย
ที่สำคัญคือ Exclusive สำหรับ 45 ครอบครัวเท่านั้น ใครที่สนใจสามารถไปลงทะเบียนกันได้ที่ https://siri.ly/0GAQtG5
🟤 การตกแต่งภายในที่ให้ประสบการณ์ #BoutiqueHotel ระดับโลก
การออกแบบโครงการถ่ายทอดผ่านแนวคิด Making the Ordinary Extraordinary ให้ประสบการณ์การใช้ชีวิต ราวกับอยู่ในแกลเลอรีที่เต็มไปด้วยงานศิลปะชิ้นเอกตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่ส่วนกลางของโครงการ
โครงการได้แรงบันดาลใจจากงานศิลปะ โดดเด่นด้วยดีไซน์คลาสสิกที่ให้ความรู้สึก Timeless เมื่อมองลงไปในรายละเอียดจะเห็นงานฝีมือชั้นสูง ที่มาพร้อมวัสดุคุณภาพ และที่สำคัญคือการตกแต่งด้วย Antique Art Collection ที่คัดสรรมาจากทั่วทุกมุมโลก
🟤 The Greeting Hall พื้นที่ต้อนรับที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับ
🟤 The Living Lounge พื้นที่พักผ่อนที่เงียบสงบ หลีกหนีความวุ่นวายจากวิถีคนเมือง
🟤 The Club พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์และไอเดียใหม่ ๆ พร้อมรองรับทุกกิจกรรมทั้งการประชุมและการพักผ่อน
🟤 The Pool สระว่ายน้ำ ที่ออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของสเปซ สะท้อนถึงการผสมผสานฟังก์ชันและความงดงามได้อย่างลงตัว
ตัวอย่างใน THE GREETING HALL ที่จัดองค์ประกอบแบบสมมาตร ช่วยนำสายตาเข้าไปสู่กระจกนูนสีน้ำเงินจากอิตาลีอยู่กลางห้อง ด้วยลวดลาย Texture ที่มีเอกลักษณ์ช่วยเพิ่มมิติ และความหรูหราให้กับห้องได้แบบสุดๆ
🟤 ไฮไลต์ด้วย Italian Luxury Furniture แบรนด์ #PoltronaFrau
ในส่วนกลางของโครงการ Via 34 ได้เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ Poltrona Frau จากเอกลักษณ์ของความสง่างาม หรูหรา คลาสสิก แบบ British Rich ที่เริ่มต้นมาจากการเป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับชนชั้นสูงของอังกฤษ ตัวแบรนด์ยังสั่งสม Legacy มายาวนานมากว่า 112 ปี
เฟอร์นิเจอร์ของ Poltrona Frau จะให้ความสำคัญกับงานฝีมือ มีความเป็น Craftmanship สูงมาก เพราะผ่านกระบวนการผลิตที่อาศัยความชำนาญของช่างฝีมือมาหลายชั่วอายุคน โดยใช้สีจากธรรมชาติ ในการฟอก ทำให้ป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งยังเลือกใช้วัสดุหนังชั้นดีที่สุด มาผ่านกรรมวิธีการฟอกหนังที่มีเทคนิคเฉพาะอย่างปราณีต มีสิทธิบัตรเป็นของตัวแบรนด์เองในชื่อ Poltrona Frau Leathership® จนถึงขั้นถูกนำไปใช้ในรถยนต์หรู, เรือยอร์ช และสายการบินระดับ First Class ด้วย
🟤 ‘Vanity Fair’ ออกแบบโดย Renzo Frau
เก้าอี้ Armchair ที่คนสายอาร์ตน่าจะคุ้นตา จากการที่ปรากฏอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่งในโลก โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 1930 กับชื่ออย่างเป็นทางการคือ ‘Model 904’ ก่อนจะรู้จักกันในชื่อ ‘Vanity Fair’ ในช่วงปี 1984
การออกแบบถูกพัฒนาจากแบบร่างที่ Renzo Frau ทิ้งไว้ให้ Savina ผู้เป็นภรรยา (หลายคนเชื่อว่าตั้งใจออกแบบเก้าอี้ที่นั่งสบายให้ภรรยานี่แหละ) ซึ่งได้รับอิทธิพลจากงานออกแบบในยุค Art Deco ที่โดดเด่นด้วยเส้นสายที่เรียบง่าย โค้งมน แต่สง่างาม และหรูหราที่ลงตัว
ด้วยรูปทรงที่โดดเด่นมีมิติ จากการผสมผสานความคลาสสิก แต่ก็ร่วมสมัย จึงทำให้เก้าอี้รุ่นนี้ข้ามผ่านกาลเวลา กลายมาเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของแบรนด์ Poltrona Frau ไปจนถึงขั้นที่กลายเป็นหนึ่งในไอคอนของการออกแบบสไตล์อิตาเลียนเลยทีเดียว
เป็นความหรูหราที่สร้างความประทับใจ เหมาะกับ The Greeting Hall ที่คนจะเดินเข้ามาเป็นพื้นที่แรก
🟤 ‘Archibald’ ออกแบบโดย Jean-Marie Massaud
เก้าอี้ที่ได้ Jean-Marie Massaud นักออกแบบชาวฝรั่งเศส ผู้มีแนวคิดว่างานออกแบบต้องไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ต้องสร้างประสบการณ์ที่ยกระดับชีวิตของผู้คน จึงออกมาเป็นเก้าอี้ ‘Archibald’ ที่ตอบโจทย์ทั้ง 2 มิติอย่างลงตัว
ในมิติของความสวยงาม การออกแบบถูกคิดมาอย่างดีให้ความกว้างและความลึกของที่นั่ง ถูกถ่วงดุลด้วยขาเก้าอี้ที่บางเฉียบ ทำให้รู้สึกเบา และเพรียวบาง ในส่วนของเบาะรองนั่งมีลวดลายพับเป็นคลื่นในแนวตั้ง และตกแต่งขอบและพื้นผิวภายนอกด้วยการเย็บที่ตัดกับสีของหนังหรือผ้า เป็นรายละเอียดที่ช่วยเพิ่มความหรูหรา
แต่ในขณะเดียวกันมิติของฟังก์ชันถ้าได้ลองนั่ง จะให้ความรู้สึกรู้สึกโอบล้อม นั่งสบาย มีพนักพิงและ ที่วางแขนโค้งมน เหมาะสำหรับการนั่งเพื่อผ่อนคลายแบบสุดๆ
🟤 ‘Letizia’ ออกแบบโดย Gastone Rinaldi
เก้าอี้ที่เป็นเหมือนตัวแทนของความสง่างาม และสไตล์ของยุค 1950s มีเส้นสายที่โค้งมนเชื่อมต่อกันระหว่างเบาะที่นั่ง และพนักพิง เมื่อมองดูด้วยสายตาจะให้ความรู้สึกเพรียว เบา และนุ่มนวล ทำให้ตัวเฟอร์นิเจอร์จะไม่แย่งซีน แต่กลมกลืนไปกับพื้นที่
🟤 BAS-RELIEF ART, France ออกแบบโดย FD-63 STUDIO
ใน The Living Lounge ยังมีการตกแต่งด้วยงานศิลปะภาพประติมากรรมแบบนูนต่ำ เติมความคลาสสิก เสริมสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับเราได้อยู่ใน Art Gallery
🟤 ‘Ouverture’ ออกแบบโดย Pierluigi Cerri
อีกหนึ่งโซฟาที่ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์รองรับทั้งความสบาย และการใช้งานอย่างมีสไตล์ จุดเด่นก็คือการได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมแบบ Brutalist ทำให้เราได้เห็นโครงสร้าง และวัสดุที่เปิดเผยชัดเจน มาผสมผสานกับความนุ่มนวลบริเวณเบาะที่นั่ง
โดยชื่อ "Ouverture" มาจากภาษาฝรั่งเศสซึ่งแปลว่าการเปิด หรือการเริ่มต้น โดยเดิมทีใช้เรียกบทเพลงเปิดก่อนการแสดงโอเปร่า การแสดงใหญ่ หรือแม้แต่ก่อนเริ่มฉายภาพยนตร์ (เหมือน เพลงโหมโรง Overture นั่นแหละ) ชื่อนี้จึงถูกเลือกมาเพื่อสื่อถึงความรู้สึกของการเริ่มต้นประสบการณ์อันรื่นรมย์
โซฟา Ouverture จึงถูกตั้งอยู่ใน The Club เหมาะกับการเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งความบันเทิง เหมือนเราได้ชมภาพยนตร์จากแถวหน้า โครงเหล็กด้านล่างที่มีลักษณะเป็นรูให้ความรู้สึกเสมือนเป็นขอบของฟิล์มภาพยนตร์นั่นเอง
โฆษณา