Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
24 พ.ค. เวลา 10:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Ray Dalio ระเบียนหุ้นโลกที่จะเปลี่ยนไป | สรุปประเด็น Talk ลงทุนแมน
SET in the City 2025 X ลงทุนแมน
“โลกที่เราเคยรู้จัก กำลังเปลี่ยนไป และอาจไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป”
วันนี้ ลงทุนแมน ชวนมาพูดคุยกับ ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หรือ ดร.ออสติน หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ InnovestX ในกลุ่ม SCBX
กับประเด็นที่ล้วนแต่เป็นคำถามที่นักลงทุนหลายคนสงสัย เริ่มตั้งแต่
การที่ Ray Dalio ออกมาเตือนว่ามันสายเกินไปที่จะแก้สถานการณ์เศรษฐกิจโลก
และโลกการเงินจะไปในทิศทางไหน ?
ดร.ออสตินอ้างอิง Ray Dalio ที่ชี้ว่า ทุก ๆ 100 ปี โลกจะมีการเปลี่ยนผู้นำมหาอำนาจใหม่ และวันนี้สหรัฐอเมริกา กำลังเริ่มอ่อนแรง
แม้สหรัฐฯ ยังได้เปรียบเรื่อง "นวัตกรรม" และ "เงินดอลลาร์สหรัฐ"
แต่ในอีกหลายด้าน เช่น การศึกษา การค้า กองทัพ และระบบการเงิน ต่างเริ่มเสื่อมถอย
สะท้อนว่า “พลังเบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา” กำลังจางหายไปอย่างช้า ๆ
ดร.ออสติน มองว่า จุดเปลี่ยนสำคัญของอเมริกา เริ่มชัดเจนตั้งแต่ยุคของโดนัลด์ ทรัมป์
ประเทศที่เคยยืนหยัดในแนวทางการค้าเสรี (Free Trade) และเป็นแกนนำในองค์กรการค้าโลก (WTO) กลับกลายเป็นผู้ที่ไม่รักษากติกาเสียเอง
รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มออกมาตรการกีดกันทางการค้า ด้วยการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าจากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งสวนทางกับหลักการเสรีภาพทางการค้าที่อเมริกา เคยยึดถือ
สิ่งเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ความเชื่อมั่นในระบบการค้าโลกสั่นคลอน แต่ยังสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เอง
ทั้งหมดนี้สะท้อนจากมุมมองของ Ray Dalio ในหนังสือ The Changing World Order
ซึ่งระบุว่า สหรัฐฯ เคยแข็งแกร่งใน 9 ด้าน แต่ปัจจุบันยังเหลือข้อได้เปรียบเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ นวัตกรรม (Innovation) และสถานะของเงินดอลลาร์สหรัฐ
โดยเฉพาะเรื่องเงินดอลลาร์ ที่สหรัฐฯ ใช้ความได้เปรียบจากการที่ทั่วโลกถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
คำถามคือ... โมเดลแบบนี้จะยั่งยืนได้อีกนานแค่ไหน ?
ดร.ออสติน มองว่า อเมริกาเองใช้อภิสิทธิ์ที่ทั่วโลกถือเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ มาใช้ในประโยชน์ส่วนตนในการบีบเรื่องต่าง ๆ โดยมองว่าตัวนี้ ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ง่าย ๆ
และมองว่า เงินสกุลไหน ที่จะเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในระยะยาว จะต้องมีพันธบัตรด้วย
อย่างประเทศไทย ส่งสินค้าไปขายให้อเมริกา ได้ดอลลาร์กลับมาเก็บไว้ในทุนสำรอง ซึ่งถ้าเก็บไว้เฉย ๆ อาจเสียโอกาส จึงนำเงินนั้นไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ดอกเบี้ยประมาณ 4-5% ต่อปี
โมเดลนี้ดีต่ออเมริกา เพราะช่วยพยุงเศรษฐกิจ แต่ทรัมป์มองว่า การขาดดุลการค้าเป็นปัญหา จึงขึ้นภาษีนำเข้า เพื่อแก้ไขปัญหา
ซึ่งกลับสร้างความเสี่ยงให้เศรษฐกิจโลก และอเมริกาเอง
ทำให้เกิดคำถามว่า ประเทศคู่ค้า คงไม่อยู่เฉย ๆ และมองว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ กำลังเสื่อมลงในอนาคต
ดร.ออสติน บอกว่า แม้ทั่วโลกยังถือดอลลาร์สหรัฐ เป็นหลัก แต่ในระยะยาว ความมั่นคงของดอลลาร์ ก็ไม่แน่นอน
หากจีนอยากเป็นมหาอำนาจโลก ก็ต้องปล่อยให้เงินหยวนไหลออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น
โมเดลของจีนคือ เน้นผลิตเพื่อขาย เพื่อลดการนำเข้า และเร่งการส่งออก ทำให้เงินหยวนถูกใช้มากขึ้น และจีนก็เริ่มออกพันธบัตรเพิ่มเช่นกัน
ความเสี่ยงในระยะ 20-30 ปีข้างหน้าคือ ดอลลาร์สหรัฐ อาจเสื่อมลง แต่ก็ยังไม่มีสกุลเงินใดแทนที่ได้อย่างชัดเจน
สิ่งนี้อาจนำไปสู่ ภาวะแตกหักทางเศรษฐกิจ ทำให้แต่ละประเทศ หันมาถือทองคำมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง และในระหว่างที่ระเบียบโลกกำลังเปลี่ยน
เงินตราระหว่างประเทศจะค่อย ๆ เปลี่ยน ผู้ถือดอลลาร์ จะไม่ใช่กลุ่มหลักอีกต่อไป
ในมุมของ ดร.ออสติน มองว่า
Ray Dalio เพียงต้องการเตือนว่า หากอเมริกาเสื่อมถอย จีนอาจก้าวขึ้นมาแทนที่
1
แต่ในความเป็นจริงวันนี้ จีนเองก็ยังเผชิญปัญหาไม่น้อย
ดังนั้น “การเปลี่ยนขั้วอำนาจโลก” อาจยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน
แต่จีนก็ยังคงปรับตัวพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในรอบศตวรรษ
ในมุมมองของ ดร.ออสติน เกี่ยวกับจีน ยังเป็นแนวระมัดระวังมาก และจีนจะต้องยอมรับในระบบทุนนิยมมากขึ้น
ต้องยอมเป็นผู้บริโภคมากขึ้น กว่าเป็นผู้ผลิต ซึ่งจีนก็กำลังทำเหมือนกัน ในการสนับสนุนการบริโภค เช่นการแจกเงินให้บริโภค
แต่ก็เห็นด้วยบ้างเกี่ยวกับมุมมองของ Ray Dalio ที่ว่าระเบียบโลกกำลังจะเปลี่ยน และลดความสำคัญของอเมริกาลง
ซึ่งช่วงที่กำลังสับสนนี้ ทางแก้คือ ต้องกระจายในเรื่องการค้าขาย หรือการลงทุน
และ Ray Dalio ก็เน้นย้ำกลยุทธ์ All Weather Portfolio ที่เน้นการกระจายความเสี่ยงเหมือนกัน
มุมมองการปรับพอร์ตของ Ray Dalio ที่ ดร.ออสติน หยิบมาเน้นย้ำ คือ “การกระจายความเสี่ยง” อย่าเอาไข่ทุกฟองไว้ในตะกร้าใบเดียว
แต่ไม่ใช่แค่กระจายไปหลายสินทรัพย์เท่านั้น ยังต้องเลือกสินทรัพย์ที่ “เคลื่อนไหวสวนทางกัน” เช่น ถ้าอันหนึ่งขึ้น แต่อีกอันอาจจะลง
เพื่อให้พอร์ตมีความสมดุล ไม่เหวี่ยงตามตลาด แม้ผลตอบแทนจะไม่ได้หวือหวา แต่พอร์ตจะเดินหน้าได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
แม้ Ray Dalio จะไม่ค่อยเชื่อมั่นในอนาคตของอเมริกา แต่ก็ยังลงทุนในตลาดอเมริกาอยู่ดี เพราะอะไร ?
ดร.ออสติน มองว่า ตลาดหุ้นอเมริกายังมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะในเรื่อง AI และเทคโนโลยีที่ยังคงนำโลก และความเป็นเสรีทางนวัตกรรมยังแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ต้องระวังเรื่องกฎระเบียบ และนโยบายล่าสุด เช่น การที่โดนัลด์ ทรัมป์ หยุดสนับสนุนเงินทุนให้ VC กับมหาวิทยาลัยใหญ่ ซึ่งอาจกดดันนวัตกรรมในระยะยาว
ส่วนพันธบัตรนั้น เห็นว่า Bond Yield มีโอกาสขึ้นต่อเนื่อง เพราะการขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น ต้องมองหาการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง
คำแนะนำจาก ดร.ออสติน สำหรับนักลงทุนในยุคเปลี่ยนระเบียบโลก
ควรกระจายการลงทุนให้เหมาะกับสภาพตลาดในแต่ละช่วงเวลา หากยังไม่มั่นใจ ให้เริ่มด้วยการ DCA (ทยอยลงทุน) อย่างมีวินัยและต่อเนื่อง
กลยุทธ์การกระจายลงทุน 4 สินทรัพย์หลักตามมุมมอง ดร.ออสติน
- หุ้น (สัดส่วน 20%)
ถึงแม้มีความเสี่ยง แต่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในระยะยาว
1
- ตราสารหนี้ (สัดส่วน 20%)
ผลตอบแทนเริ่มน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
- สินค้าโภคภัณฑ์ (สัดส่วน 30%)
เช่น ทองคำ ใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง
- สินทรัพย์ทางเลือก (สัดส่วน 30%)
เช่น เงินเยน สินทรัพย์ดิจิทัล อสังหาฯ หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ในระเบียบโลกใหม่
ดร.ออสติน มองว่าในระยะสั้น การค้าโลกจะชะลอลง ส่งผลให้ GDP ไทยโตน้อยลง แม้การส่งออกยังดี แต่ภาคท่องเที่ยว การผลิต และการลงทุนจากเอกชน เริ่มซบเซาเพราะความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ในด้านการลงทุน แนะนำให้จัดพอร์ตอย่างระมัดระวัง เลือกสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดี แม้มีความเสี่ยงบ้าง แต่ควรเน้นลงทุนในประเทศเป็นหลัก เพื่อรองรับความผันผวนจากต่างประเทศ..
6 บันทึก
24
3
7
6
24
3
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย