Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
24 พ.ค. เวลา 02:25 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
🚖 เมื่อแท็กซี่ 'ประท้วง Grab' แต่ศัตรูตัวจริงคือใคร? 🤖💥🇹🇭
ในวันที่เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วแบบไม่มีพัก คำถามที่แท็กซี่ไทยต้องตอบให้ได้ไม่ใช่แค่ "Grab แย่งอาชีพเราไปไหม?" แต่คือ "ทำไมผู้โดยสารถึงไม่อยากเรียกเราอีกต่อไป?"
1
บทความนี้จะชวนคิดข้ามช็อต: ถอดรหัสศัตรูตัวจริงของแท็กซี่ไทยในยุค AI — พร้อมข้อเสนอเชิงนโยบาย, บทเรียนสำหรับเจ้าของกิจการขนส่ง และ Mindset ที่คนให้บริการในยุคใหม่ต้องมี ถ้าไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างถนน
====
🚨 Pain ของผู้โดยสารไทย: เหตุผลที่คนไทย 'ไม่กล้าเรียกแท็กซี่'
"ไม่รู้จะได้คนดีหรือเจอประสบการณ์แย่ ๆ ทุกครั้งเหมือนลุ้นหวย..."
* ถูกปฏิเสธทางไกล-ทางใกล้ เหตุผลสารพัด: "รถติด", "ไม่คุ้ม", "ไม่ไปทางนั้น"
* บางคนเปิดประตูได้กลิ่นบุหรี่คลุ้งทั้งคัน / รถสกปรก / คนขับแต่งรถเหมือนรถส่วนตัว
* กลัวโดนโกง: กดมิเตอร์ไม่ครบ, เหมาแพง, พาอ้อมทาง
* รู้สึกไม่ปลอดภัย: กรณีผู้หญิงเดินทางคนเดียวกลางคืนเป็น pain ใหญ่
* ไม่มี Feedback Loop: แจ้งเรื่องยาก แก้ไขไม่มี วนลูปซ้ำ
* หน่วยงานรัฐ เช่น กรมขนส่งฯ ถ้าประชาชนแจ้งเรื่อง taxi ไป ก็มีขั้นตอนวุ่นวาย ต้องให้ประชาชนมารายงานตัว เจอ taxi เพื่อกล่าวโทษ (กับแค่เรื่องปฏิเสธผู้โดยสาร) ไม่งั้นกรมขนส่งฯ ไม่ดำเนินการให้ถ้าไม่มาที่ขนส่งเพื่อกล่าวโทษ Taxi เอง
ในยุคที่ Grab/Bolt/InDrive มีฟีดแบ็ก มีราคาโปร่งใส มี call center รองรับ ทำไมผู้โดยสารต้องเสี่ยงกับแท็กซี่แบบเดิม?
====
🤖 AI ไร้คนขับ = ศัตรูเงียบ แต่โหดที่สุด (และคนไทยพร้อมจะเปลี่ยนข้างทันทีถ้าไม่ปรับตัว)
* มันไม่ต้องพัก ไม่บ่น ไม่โกง ไม่เหวี่ยง ไม่ปฏิเสธลูกค้า และไม่เคยบอกว่า “ไม่คุ้ม เสียเวลา” เหมือนแท็กซี่ไทยที่เราคุ้นเคย
* มันทำงาน 24 ชั่วโมง ไม่มีเหนื่อย ไม่มีหยุดวันหยุด ไม่ต้องเติมแก๊สก่อนส่งลูกค้า และราคายังลดลงเรื่อย ๆ ตามต้นทุนเทคโนโลยีที่ถูกลงอย่างต่อเนื่อง
* ผู้โดยสารไม่ต้องเสี่ยงลุ้นว่าจะเจอคนขับอารมณ์ดีไหม, จะโดนโกงหรือไม่, หรือจะต้องทนฟังบ่นเรื่องการเมืองระหว่างทาง
* มันคิดราคาตามระบบ ไม่มีเหมาราคา ไม่มีพาอ้อม และไม่มีการเลือกลูกค้า — ความโปร่งใสแบบนี้ ทำให้ผู้บริโภคคนไทยพร้อมเปลี่ยนใจทันที หากมีตัวเลือกแบบนี้ในไทย
* เมื่อใดที่รัฐบาลอนุมัติให้ให้บริการเชิงพาณิชย์ (เช่น ออกกฎหมายให้ Robotaxi วิ่งได้เต็มระบบ) = เกมจะเปลี่ยนทันทีแบบไม่มีโอกาสให้รีบาวด์
ปัจจุบัน Waymo (ในสหรัฐฯ), Baidu Apollo Go และ
Pony.ai
(ในจีน) ต่างเริ่มทดลองเชิงพาณิชย์จริงแล้วในหลายเมือง เช่น San Francisco, Beijing, Guangzhou — และถ้ารัฐไทยไม่มองข้ามช็อตให้ทัน คนขับแท็กซี่ที่นิสัยไม่ดี จะไม่มีที่ยืนบนถนนแน่นอน
====
🏛️ ข้อเสนอเชิงนโยบาย: ถ้าไม่อยากให้แท็กซี่ไทยกลายเป็นอดีต ต้องทำ 3 สิ่งนี้ทันที
1. เร่งออกกฎหมายรองรับการแข่งขันแบบเท่าเทียม พร้อมยกเครื่องระบบคัดกรองผู้ขับ
* ไม่ใช่แค่กำกับเรื่องภาษี ความปลอดภัย หรือการประกัน แต่ต้องมีมาตรฐานสากลสำหรับ “คุณสมบัติผู้ขับ” อย่างจริงจัง เช่น ไม่มีประวัติอาชญากรรม, ผ่านการทดสอบ EQ/Service Mind, ตรวจสอบปูมหลังด้านพฤติกรรมบนท้องถนน และต้องมีระบบ Digital ID ที่ตรวจสอบย้อนหลังได้
* ปรับระบบร้องเรียน: ผู้โดยสารต้องสามารถแจ้งพฤติกรรมไม่เหมาะสมผ่านแอป/ออนไลน์ได้ทันทีโดยไม่ต้องเดินทางไปกรมขนส่งฯ — และต้องมีระบบ Follow up ที่ตรวจสอบได้จริง ไม่ใช่แค่ให้ประชาชนเสียเวลาแล้วจบไป
2. ตั้งกองทุนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน (Taxi Transformation Fund)
* ไม่ใช่แค่คูปองอัพเกรดรถ แต่ต้องมีเงื่อนไข “คนขับต้องผ่านเกณฑ์คุณภาพ + ไม่มีคดีความ + ไม่เคยโดนร้องเรียนซ้ำซาก” ถึงจะได้รับสิทธิ์
* กองทุนควรครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนผ่าน เช่น ค่าอบรม Service Mind, คอร์สเรียนรู้ AI Tools/การใช้แพลตฟอร์ม, ค่าติดตั้งระบบ Feedback หรือ IoT เพื่อตรวจสอบคุณภาพบริการแบบ Realtime
* มีระบบให้คะแนน/ติดดาวคนขับแบบ Grab หรือ Shopee คนขับที่ได้ 4 ดาวขึ้นไปถึงจะได้รับการต่ออายุใบอนุญาตหรือรับสิทธิ์สนับสนุนปีต่อไป
3. เปิด API + จัดทำ National Ride-hailing Platform ที่โปร่งใสและเชื่อถือได้
* ภาครัฐควรเป็นตัวกลางในการจัดทำ Ride-hailing API หรือระบบกลาง ที่เปิดให้ Grab, InDrive, Taxi ท้องถิ่น, หรือ Startup ไทยรายใหม่เข้าร่วม — โดยมีมาตรฐานเดียวกัน เช่น ราคากลาง, ระบบประกัน, คะแนนผู้โดยสาร, ระบบร้องเรียน และต้องเปิด Dashboard ให้สาธารณชนตรวจสอบ
* ไม่ใช่แค่เชื่อมต่อแพลตฟอร์ม แต่ต้องเปิดให้ผู้บริโภค “เห็นข้อมูล” เช่น คนขับเคยถูกให้ 1 ดาวกี่ครั้ง, เคยถูกร้องเรียนกี่เรื่อง, ระยะเวลาทำงาน, หรือแม้แต่ระดับการฝึกอบรมที่ได้รับ — โปร่งใสคือความไว้ใจ
“ถ้าเราจะรักษาอาชีพแท็กซี่ให้ยั่งยืน ต้องยกระดับคนในอาชีพ ไม่ใช่แค่ขอความเห็นใจจากผู้โดยสาร?”
====
💼 บทเรียนสำหรับเจ้าของกิจการขนส่ง “อย่ารอให้เทคโนโลยี disrupt ค่อยลงมือ”
* ธุรกิจขนส่งท้องถิ่น ต้องเริ่มคิดเหมือน Tech Company ไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการรถโดยสาร
* ต้องมี Digital Strategy, การจัดเก็บข้อมูลผู้โดยสาร, ระบบ CRM, ระบบ Feedback Loop เหมือนธุรกิจแพลตฟอร์ม
* ตัวอย่าง: ในเกาหลีใต้ บริษัทรถบัสท้องถิ่นใช้ AI ช่วยจัดตารางเดินรถอัตโนมัติ ลดต้นทุนได้ 18% ภายใน 6 เดือน
* ลงทุนในการสร้าง Brand + Experience ที่ผู้โดยสารรู้สึกถึงตั้งแต่ก้าวขึ้นรถ
* รถต้องสะอาดตลอดเวลา, คนขับมีมารยาท, การแต่งกายเรียบร้อย, มีบัตรแสดงตัวตนชัดเจน
* มี QR Code สแกน Feedback ได้ทุกเที่ยว พร้อมติดระบบ CCTV อย่างชัดเจน สร้างความมั่นใจ
* ตัวอย่าง: Startup ที่จีนบางรายให้คนขับแต่งชุด Uniform + แจกน้ำฟรี + เปิด Spotify เพลย์ลิสต์ที่ผู้โดยสารเลือกได้
* ใช้เทคโนโลยีอย่าง Smart Dispatch / AI Route Optimization เพื่อเพิ่มรายได้และลดต้นทุน
* เช่น ระบบที่ช่วยจับพฤติกรรมการเดินทางซ้ำของผู้โดยสารในแต่ละช่วงเวลา แล้วแนะนำให้คนขับเข้าจุดที่มีโอกาสได้ลูกค้าสูง
* หลีกเลี่ยงเส้นทางรถติดโดยอิงจากระบบ GPS และข้อมูลจราจร Realtime
* ตัวอย่าง: บริษัทในสิงคโปร์ใช้ AI ช่วยจัดคิวแท็กซี่ตามพฤติกรรมผู้โดยสารสนามบิน — ลดเวลารอรถได้ 35%
* วางโครงสร้างค่าตอบแทนที่จูงใจคนขับให้บริการดีขึ้น ไม่ใช่แค่จำนวนเที่ยว
* เพิ่มค่าตอบแทนให้คนขับที่ได้ 4 ดาวขึ้นไป / ไม่มีร้องเรียน / ผู้โดยสารกลับมาใช้บริการซ้ำ
* มีระบบโบนัสรายเดือนถ้าคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยของผู้โดยสารสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด
====
🧠 Mindset ใหม่ของผู้ให้บริการ “จากแค่ขับรถ 'สู่การเป็น Brand Experience บนล้อ'”
* มองตนเองไม่ใช่ "คนขับรถ" แต่เป็น "แบรนด์ที่เคลื่อนที่ได้"
* ทุกคำพูด ทุกเพลงในรถ ทุกกิริยา เป็น Touchpoint ที่ผู้โดยสารจำได้ — และจะกลายเป็นรีวิวดีหรือแย่ทันที
* บริการดีทุกครั้ง = สร้าง Loyalty / Review / Word of Mouth
* อย่าประเมินพลังของ 5 ดาวจากผู้โดยสารต่ำเกินไป เพราะการตัดสินใจเลือกใช้บริการครั้งหน้า มักมาจากรีวิวครั้งล่าสุด
* ถ้าคุณรู้จักชื่อผู้โดยสาร พูดจาสุภาพ อธิบายเส้นทางอย่างชัดเจน — โอกาสได้ Tip หรือการแชร์ต่อก็จะสูงขึ้น
* ใช้ AI/เทคโนโลยีให้เป็นเครื่องมือช่วย ไม่ใช่ศัตรู
* เช่น ใช้ Google Maps + Waze ช่วยลดเวลาเดินทาง, ใช้ AI สรุปรีวิวเพื่อนำมาพัฒนาการบริการ
* เรียนรู้การใช้งานแอปใหม่ เช่น InDrive, Bolt หรือ AI-based Fleet Management Tool
* ปรับวิธีคิดแบบ "ข้าคือเจ้าของธุรกิจ" ไม่ใช่แค่รับจ้างชั่วคราว
* มีบัตรสะสมแต้มให้ลูกค้าขาประจำ, มี Promotion เฉพาะเสาร์อาทิตย์, หรือสร้าง Facebook Page บริการเฉพาะกลุ่ม
* เปลี่ยน mindset ว่าแท็กซี่ไม่ใช่อาชีพทางเลือกสุดท้าย แต่คือ Small Business ที่แข่งขันได้ ถ้ามีกลยุทธ์และใจรัก
ถ้าคุณทำให้คนรู้สึกปลอดภัยและประทับใจได้แม้แค่ 20 นาทีบนรถ — นั่นคือจุดเริ่มต้นของการรอดในโลก AI และอาจกลายเป็นธุรกิจที่เติบโตจากปากต่อปาก ไม่ต้องง้อแพลตฟอร์มใหญ่
====
📌 สรุป คือ แท็กซี่ไทยจะอยู่รอด 'เปลี่ยนตัวเองก่อนถูกเปลี่ยน' และ ‘เอาพวกผิดกฏหมายหรือไม่โปร่งใสที่เป็นผู้นำออกไป’
* หยุดมองว่า Grab คือศัตรู — แล้วเริ่มถามว่า ทำไม Grab ถึงเป็นที่รัก?
* AI ไม่ใช่แค่จะมา — แต่มันมาแล้ว เพียงแค่ยังไม่ถึงถนนบ้านคุณ
* การเปลี่ยน Mindset ของผู้ให้บริการ, ยกระดับประสบการณ์ผู้โดยสาร, และใช้เทคโนโลยีให้เป็นพวกเดียวกัน คือทางรอดเดียวในเกมนี้
โลกใหม่ไม่มีที่ให้คนที่แค่ขับรถเก่ง — แต่มันเปิดกว้างให้คนที่ "เข้าใจใจผู้โดยสาร" มากกว่า
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#แท็กซี่AI
#อนาคตของงานบริการ
#ServiceMindคือแต้มต่อ
#ประเทศไทยในโลกยุคAI
กรมการขนส่งทางบก
เทคโนโลยี
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย