กำแพงภาษีคืออะไรวะ?
กำแพงภาษีคืออะไรวะ?
อย่าเพิ่งงง อย่าเพิ่งเบลอ “กำแพงภาษี” หรือภาษาอินเตอร์คือ “Tariffs” น่ะมันก็คือ “ภาษีนำเข้า” นั่นแหละ!
นึกภาพตอนมึงสั่งของจากเว็บนอก แล้วต้องจ่ายเพิ่มเพราะศุลกากรเอาภาษีหัวแบะ — นั่นแหละคือมัน!
ยกตัวอย่างนะ รองเท้าคู่ละ $10 ป๋าทรัมป์แม่งเก็บภาษี 10% ปึ้ง! รองเท้าคู่นั้นก็กลายเป็น $11 ไปโดยปริยาย พ่อค้าโดนรีด คนซื้ออย่างเราก็โดนฟาดหัวเหมือนกัน เจ็บถ้วนหน้าแบบไม่ต้องนัดหมาย
แล้วทำไมลุงทรัมป์ถึงชอบเก็บภาษีหนักขนาดนี้? เหมือนมีแค้นส่วนตัวอะ
พ่อคุณเขามีแนวคิดว่า... ถ้าเก็บภาษีสินค้าต่างประเทศแพงๆ คนก็จะหันไปซื้อของเมดอินยูเอสเอ โรงงานอเมริกาจะได้ลุกเป็นไฟ (แบบดีนะ) คนมีงานทำ รัฐมีตังค์ใช้ โวะ! แผนแกคือ “อเมริกามาอันดับหนึ่งเสมอ” (America First!) อะไรประมาณนี้
แต่ฟังแกพูดทีไร แม่งเหมือนดูหนัง Avengers ที่คนร้ายอยากล้างบางตลาดโลกเพราะเคยโดนบูลลี่ตอนเด็ก แถมยังโยงเรื่องภาษีไปผูกกับเรื่องผู้อพยพ ยาเสพติด ยันหนังจากต่างประเทศ แม่งครบสูตรความดุเดือดแบบ “ขัดใจกู = กูเก็บภาษี!” เถื่อนแต่จริงจัง
แล้วทรัมป์เก็บภาษีใครบ้างวะ? โอ้โห เปิดลิสต์มาแม่งโคตรเดือด!
EU (ยุโรป): แรกๆ จะเก็บ 20% ใจดีลดให้เหลือ 10% แต่พอคุยไม่รู้เรื่อง แกขู่ว่า "เออ งั้น 50% ไปเลยละกัน!" แม่งไม่มีตรงกลาง
จีน: นี่แหละคู่ปรับเบอร์หนึ่ง พ่นภาษีกันไปมาเหมือนโยนระเบิดใส่กัน 145% / 125% แล้วค่อยลดมาเหลือ 30% / 10% ยังไม่พอ ยังมีอีก 20% ไว้กดดันเรื่องยาเสพติดเฟนทานิล โหดเหมือนโกรธกันมาแต่ชาติปางก่อน
เม็กซิโก & แคนาดา: เพื่อนบ้านก็โดนจ้า โดนทั่วหน้า 25% ของทั่วไป แล้วแคนาดาโดนเพิ่มอีก 10% กับพลังงาน แคนาดาก็ไม่ยอม โต้กลับด้วยภาษีรถ 25% เหมือนจะกลายเป็นเพื่อนบ้านสายบวก
เหล็ก & อะลูมิเนียม: โดนเกือบทุกประเทศ 25% ใครใช้ก็โดน ไม่มีข้อยกเว้น
รถยนต์: นำเข้ารถ = 25% ไม่พอ เครื่องยนต์ ชิ้นส่วน อะไหล่ ก็โดนด้วย เหมือนตั้งใจจะล็อกตลาดไว้ไม่ให้ใครแทรกแซง
ภาษีพื้นฐาน 10% & ผู้ร้าย 60 ประเทศ: ใครนิสัยไม่ดี โดนหนักกว่า บางรายพักโทษ 90 วัน แบบ “ให้เวลาปรับตัว ถ้ายังไม่ดี กูจัด!”
สมาร์ทโฟน & คอม: แรกๆ ไม่เก็บนะ แต่ตอนนี้แกขู่ว่าจะเก็บ iPhone ที่ไม่ได้ผลิตในเมกาแล้ว! คือขู่ไปถึงแอปเปิ้ลเลยแม่ง
หนังต่างประเทศ: ทรัมป์บอกอยากเก็บภาษีหนังนอก 100% เพื่ออุ้มฮอลลีวูด คือแกจะให้ Avengers ตีกับหนังจีนไปเลยหรือไงวะ!
อังกฤษรอดมั้ย? คุยกันรู้เรื่องมั้ย? (พอมีลุ้นนะ)
อังกฤษกับอเมริกาเคยเป็นแฟนเก่า เลยคุยกันได้บ้าง อังกฤษยังโดนภาษี 10% อยู่แต่ก็มีของที่ได้ยกเว้นเหมือนกัน เช่น รถยนต์จากอังกฤษ 100,000 คัน ส่งไปอเมริกาได้แบบโดนแค่ 10% ไม่ใช่ 25% แบบประเทศอื่น
เหล็ก-อะลูมิเนียมก็รอดจากภาษี 25% ด้วยนะ แต่อย่าเพิ่งดีใจมาก เพราะต้องอยู่ในโควตานะเว้ย ส่งเกิน = โดนอยู่ดี
ฝั่งอังกฤษเองก็ไม่ใช่ยอมเฉยๆ ตอบแทนด้วยการยกเลิกภาษีเนื้อวัวจากอเมริกา 20% แถมเพิ่มโควตานำเข้าจาก 1,000 เป็น 13,000 ตันด้วย เหมือนต่างคนต่างเอาของมาแลกกันในตลาดนัดประเทศ
แล้วเศรษฐกิจโลกเป็นไงบ้าง? (ก็พินาศพอสมควรแหละ)
การเก็บภาษีหนักๆ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกแม่งเด้งขึ้นเด้งลงเหมือนดูตลาดน้ำเต้า ปั่นป่วนแบบไม่เกรงใจคนมีพอร์ตลงทุน
เงินดอลลาร์ก็อ่อน IMF ออกมาปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 แถมบอกว่าเมกานี่แหละจะเจ็บสุดด้วยซ้ำ โดนดาบที่ตัวเองเหวี่ยงนั่นแหละเจ็บกว่าใคร
ตอนครบ 100 วันในตำแหน่ง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังบอกว่า GDP ติดลบใน 3 เดือนแรกอีกนะ แต่ป๋าทรัมป์ก็ยังยืนกรานว่า “นโยบายกูได้ผล” เอ้า... เชื่อแกก็ได้!
ของแพงมั้ย? มึงยังจะถามอีกเหรอ!?
แพงแน่นอน! บริษัทนำเข้าโดนภาษี ก็ต้องผลักภาระมาให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ นี่แหละ เช่น Adidas, Mattel บอกตรงๆ เลยว่าจะขึ้นราคาทุกอย่างในเมกา
ของบางอย่างก็จะหายากขึ้น เพราะพ่อค้านำเข้าน้อยลง ของน้อย → ราคาเพิ่ม → คนแห่ซื้อ → วนลูปความเจ็บปวด
แม้แต่สินค้าที่ผลิตในเมกา แต่ใช้ชิ้นส่วนนำเข้าก็หนีไม่พ้น เช่นรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนข้ามประเทศไปมา ก็โดนภาษีวนลูปจนต้นทุนพุ่งยิ่งกว่าจรวด NASA
ยังไม่พอ! การตรวจของชายแดนก็คุมเข้ม ทำให้ของล่าช้า ส่งของไม่ทัน ความเสียหายต่อเนื่องแบบโซ่เหล็กที่ฟาดหัวเราเบาๆ แล้วลากเราลงคลองไปด้วย
สรุปสั้นๆ แบบภาษาคน
กำแพงภาษีของทรัมป์ = ดาบสองคม
ตั้งใจจะช่วยเมกา แต่บางทีมันก็ตีกลับมาหาเมกาเอง
คนอื่นโดนหนัก แต่เมกาเองก็ไม่ได้รอด
โลกทั้งใบเลยพังพินาศกันเป็นแถว
จบบทนี้แบบกรุบๆ ไว้ก่อน
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
