Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หุ้นไหนดี
•
ติดตาม
24 พ.ค. เวลา 17:46 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ATAT
🇺🇸
กระทิง ที่ราคา 32.47
ราคาปิด 23 พ.ค. 2025
✨ Atour Q1 2025: Deep Sleep Ecosystem ยังคงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง!
วันนี้เราจะมาเจาะลึกผลประกอบการของ Atour แบบละเอียดสุด ๆ และสำหรับใครที่อ่านไปถึงช่วงท้าย มีแถมพิเศษให้แบบ Exclusive เลยครับ! 🤫
สำหรับใครที่ถนัดฟังมากกว่าอ่าน เลื่อนไปดูลิงค์ยูทูปด้านล่างได้เลยนะครับ
🏨 ธุรกิจโรงแรม: แรงกดดันที่พอเข้าใจได้
สัดส่วนรายได้ของ Atour
แม้ธุรกิจโรงแรมจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันจาก RevPAR (รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักที่มีอยู่ทั้งหมด) ที่ลดลงต่อเนื่อง แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ครับ เพราะโรงแรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น H-World (รายใหญ่ในจีน) หรือแม้แต่ Marriott ในจีน ก็ยังคง RevPAR ติดลบเช่นกัน 📉
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าตลาดโรงแรมยังมีการแข่งขันที่สูงมาก ๆ อุปทานโรงแรมเปิดตัวเร็วกว่าอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ Atour ยังมีปัจจัยเฉพาะตัวที่เดิมทีโรงแรมหลักคือระดับ 4 ดาว แต่ตอนนี้เริ่มมีโรงแรมระดับ 3 ดาวอย่าง Atour Light เข้ามามีสัดส่วนมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงการขยายสาขาไปเมืองรองมากขึ้นด้วย ทำให้ RevPAR ลดลงจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และส่วนตัวคิดว่าตลาดรับรู้เรื่องนี้มาตลอดอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตกใจอะไรเลยครับ 😊
🚀 การขยายตัวของโรงแรม: ยังคงเติบโตไม่หยุด!
ที่สำคัญกว่าคือ Atour ยังสามารถเปิดโรงแรมเพิ่มขึ้นได้อยู่หรือไม่? คำตอบคือ "ได้!" ครับ!
ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา Atour เปิดโรงแรมเพิ่มไปได้ถึง 121 แห่ง ทำให้ตอนนี้มีโรงแรมรวมทั้งสิ้น 1,727 แห่ง และยังมีโรงแรมที่อยู่ใน Pipeline รอเปิดอีก 755 แห่ง! 🤯 นั่นหมายความว่าแค่ที่รอเปิดตอนนี้ก็จะทำให้จำนวนโรงแรม Atour เพิ่มขึ้นอีกกว่า 40% เลยทีเดียว นี่คือการเติบโตที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดแล้วครับ! ดังนั้น แม้ RevPAR จะลดลงบ้าง แต่โดยรวมแล้วรายได้จากธุรกิจโรงแรมก็น่าจะยังคงเติบโตได้ 20%++ ไปอีก 2 ปีข้างหน้าแน่นอน!
🛍️ Deep Sleep Ecosystem: ยอดขาย Retail พุ่งทะลุคาด!
เมื่อโรงแรมเพิ่มขึ้น ก็เท่ากับว่า Atour จะมี "Showroom" สำหรับสินค้า Deep Sleep ของตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายสินค้าให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และใน Q1 นี้ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า Ecosystem นี้ยังคงดำเนินไปได้ดี! 👍
แม้ว่ายอดขาย Retail ใน Q1 2024 (ปีที่แล้ว) จะเติบโตไปแล้วกว่า 270% ทำให้ฐานสูงมาก จนนักวิเคราะห์และนักลงทุนไม่กล้าคาดการณ์การเติบโตที่สูงมากนักสำหรับธุรกิจ Retail ของ Atour แต่ผลประกอบการ Q1 2025 ที่ออกมา กลับพบว่ารายได้ยังคงเติบโตสูงถึง 68% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ไว้ ถือเป็นเซอร์ไพรส์ที่ดีเลยครับ! 🥳
💰 รายได้โตดี แล้วกำไรล่ะ?
GPM% (อัตรากำไรขั้นต้น) ดีขึ้นทั้ง 2 ธุรกิจ แต่ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการขายสูงขึ้น ซึ่งพอเข้าใจได้เพราะยอดขาย Retail มีสัดส่วนสูงขึ้น
แต่ที่ยังไม่แน่ใจคือทำไมมี Share Base Compensation (SBC - การจ่ายค่าตอบแทนเป็นหุ้น) เพิ่มขึ้นมาเยอะพอสมควรจาก Q1 ปีก่อน ทำให้เมื่อเราดูกำไรตามงบที่รายงาน จะติดลบ -5.6% จากปีที่แล้วเลย 😮 ตอนแรกที่เห็นผมก็ "เอ๊ะ!" ไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวจะกลับมาเล่าว่าผมคิดยังไงกับกรณีนี้ แต่ถ้าเราไปดูกำไรแบบไม่นับ SBC หรือคิดเป็นกำไรปกติ จะยังคงเติบโตสูงถึง 32.3% เลยทีเดียว! 📈
📰 Business Update:
โรงแรมเวอร์ชันใหม่: มีการเปิดตัว Atour 3.6 และ Atour 3.5SE สำหรับโรงแรม Atour ที่ถึงเวลาต้อง Renovate อัปเกรดให้แข่งขันในตลาดปัจจุบันได้ นอกจากนี้ยังมี Atour Light 3.3 “Blue Nights of Genoa” ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่สำหรับโรงแรม 3 ดาว ที่ปรับให้เข้ากับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนโรงแรม SAVHE ระดับ 4-5 ดาวที่เปิดตัวไปปลายปีก่อน ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกันครับ
สินค้า Retail: มีการพัฒนาสินค้า Deep Sleep อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผ้าห่มคุมอุณหภูมิรุ่นใหม่ V 2.0 ที่เปิดตัวต้อนรับ Summer และขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน Tmall และ Douyin ด้วยยอดขายกว่า 100 ล้านหยวนภายใน 48 วันหลังเปิดตัว! 🚀
A-Card Membership: สมาชิก A-Card ยังคงเติบโตต่อเนื่อง +35% YoY และ +9% QoQ ซึ่งยืนยันได้ว่ามีคนเข้ามาใน Ecosystem นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
📊 ภาพรวมการดำเนินงานและการปรับประมาณการณ์
โดยรวมแล้ว ถือว่าผลการดำเนินงานออกมาค่อนข้างดี (ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด) และดีกว่าที่บริษัทเคยให้ Guidance ไว้ ทำให้มีการปรับประมาณการณ์ทั้งปีขึ้น จากที่คาดว่ารายได้จะโต 25% เป็นน่าจะโต 25% - 30% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจ Retail ที่ทำได้ดีเกินคาด
แต่สิ่งที่ Surprise ตลาดได้ จริง ๆ คือการประกาศซื้อหุ้นคืนถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้! 🤩 ถามว่าเยอะไหม? เทียบกับ Market Cap ปัจจุบันก็คือประมาณ 10% ของ Market Cap เลยทีเดียว ทำให้สำหรับผมแล้ว การที่ SBC เพิ่มขึ้นผิดปกติในไตรมาสนี้จึงถูกปัดตกไปเลยครับ 😂 (จริง ๆ ถ้าใครรู้เหตุผลเพิ่มเติม บอกกันหน่อยนะครับ!)
🤔 ประเด็นที่น่าสงสัย: Operating Cash Flow?
และอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสงสัย และไม่รู้จะหาคำตอบได้อย่างไร นั่นคือ Operating Cash Flow (กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน) ที่ลดลงไปเยอะมากกก จาก 143 ล้าน เหลือเพียง 1.9 ล้านเท่านั้น! 📉 แต่งบที่บริษัทให้มาไม่มี Breakdown ให้ จึงทำได้เพียงรับรู้ไว้ว่ามันแปลก แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทั้งที่จริง ๆ แล้วด้วยธุรกิจโรงแรม Cash Flow ควรจะเข้ามาเรื่อย ๆ ถ้าให้เดาก็คงเป็น Inventory ของ Retail ที่เพิ่มขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจริง ๆ ครับ เพราะตัวเลขที่ให้มานั้นจำกัด
🌟 สุดท้ายนี้: แถมให้แบบ Exclusive! 🌟
สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ผมถือว่าคุณน่าจะสนใจ Atour พอสมควร ลองย้อนไปปีก่อนที่หุ้น Atour ขึ้นแรงนั้น มาจากอะไรบ้างครับ? หลายคนอาจคิดว่ามาจากรัฐบาลจีนประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จริง ๆ แล้ว Atour ขึ้นมาก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ที่บริษัทประกาศจ่ายปันผลครับ! ปีนี้พอประกาศซื้อหุ้นคืน หุ้นก็ขึ้นได้เกือบ 10% ในวันที่ประกาศเลย ต่อไปนี้จะเป็นการเดาทั้งสิ้นนะครับ
คำถามคือ นอกจากผลประกอบการแล้ว อนาคตยังมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้หุ้นขึ้นแรง ๆ ได้อีกไหม? ผมมองเห็น 2 Key หลัก ๆ ครับ:
RevPAR พลิกกลับมาเป็นบวกได้: หาก RevPAR สามารถกลับมาเติบโตเป็นบวกได้อีกครั้ง จะเป็นสัญญาณที่ดีมาก ๆ ครับ 📈
ประกาศกู้เงิน!! ใช่ครับ "กู้เงิน" ทุกวันนี้บริษัทมีเงินสดเหลือ ๆ ไม่มีเงินกู้เลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมต้องกู้เงิน? อันนี้อาจจะลึกนิดนึง แต่ถ้ามองในมุมของต้นทุนทางการเงินแล้ว การใช้เงินจากผู้ถือหุ้น 100% นั้นแพงครับ เพราะนักลงทุนอย่างเรา ๆ ก็คงคาดหวังผลตอบแทนระดับ 10%++ แต่ถ้าเราไปกู้เงินมาล่ะ? อาจจะโดนดอกเบี้ยแค่ 4-5% เท่านั้น! ต้นทุนถูกกว่ากันเยอะมากนะครับ! 💰
และถ้าเราดูแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในจีน ล่าสุดธนาคารกลางจีนก็เพิ่งประกาศลดดอกเบี้ยลงไปอีก ทำให้ต้นทุนการกู้ยิ่งถูกลงไปอีก มันจึงทำให้การกู้เงินน่าสนใจมาก ๆ ครับ พอกู้เงินมา WACC (ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก) ของบริษัทก็จะลดลง และมูลค่าบริษัทจะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติครับ! แล้วจะกู้มาทำไมล่ะ? คำตอบง่าย ๆ ครับ กู้มาซื้อหุ้นคืน หรือจ่ายปันผลนั่นเอง! 🤑
เหตุการณ์แบบนี้ผมไม่ได้คิดไปเองนะครับ หลายบริษัททำมานานแล้ว เช่น Apple หรือ Marriott ซึ่งมี Model ธุรกิจคล้าย Atour ด้วย และบางบริษัทที่ไม่ได้มีความจำเป็นในการกู้เลยอย่าง Meta ตอนนี้ก็กู้เงินเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ เพื่อบริหารต้นทุนทางการเงินให้ถูกลงนั่นเองครับ
สุดท้ายนี้ แม้ว่างบจะออกมาดี และมีทิศทางอนาคตที่ค่อนข้างดี แต่เอาจริง ๆ มันก็ยังมีบางอย่างที่แปลก ๆ อยู่ตามที่ผมได้บอกไป(หรืออาจจะไม่แปลกก็ได้นะครับ) แต่ก็เป็นเรื่องที่ควรรู้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ 😊
---บทความนี้จัดทำเพื่อการศึกษาเท่านั้น---
เรียนรู้เพิ่มเติม
youtube.com
Atour Q1 2025: Deep Sleep Ecosystem ยังคงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง!
ธุรกิจ
หุ้น
การลงทุน
1 บันทึก
7
1
2
1
7
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย