25 พ.ค. เวลา 14:41 • ข่าวรอบโลก

Target ห้างยักษ์ใหญ่ในอเมริกาที่ยอดขายร่วงเละเทะถึง -5.7% ในไตรมาสล่าสุด

เราเพิ่งอ่านข่าว Target ห้างยักษ์ใหญ่ในอเมริกาที่ยอดขายร่วงเละเทะถึง -5.7% ในไตรมาสล่าสุด แล้วอยู่ดีๆ ก็เหมือนโดนต่อยกลางหน้าด้วยคำว่า “highly challenging environment” ซึ่งแปลเป็นไทยแบบหยาบๆ ได้ว่า “โลกมันเฮงซวยมากตอนนี้โว้ย”
ที่ฮาคือ...ยอดขายตกเพราะขายของไม่จำเป็น เช่น โต๊ะกินข้าว ผ้าม่าน น้ำหอม ครีมรองพื้น เฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน—เอ้า ก็คนเขาไม่มีตังจะกินข้าว จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อพรมเปอร์เซียวะ?
อีกอย่างที่เล่นใหญ่มากคือ Target นั้นโดนดราม่าซ้อนดราม่า ทั้งเรื่องสินค้า Pride Month ทั้งเรื่องยกเลิกนโยบาย DEI (Diversity, Equity, Inclusion) แล้วไหนจะถูกฟ้องอีก เพราะผู้ถือหุ้นบอกว่า “เฮ้ย พวกมึงไม่บอกเลยว่าการโปรโมต LGBTQ+ แล้วถอยหลังกลับ จะโดน backlash หนักขนาดนี้”
Target ตอนนี้คือเหมือนลูฟี่โดนรุมจากสามจักรพรรดิอะ โดนทั้งนโยบายทรัมป์ที่ขึ้นภาษีนำเข้า โดนลูกค้าบอยคอต โดนตลาดซัด โดนฝ่ายการเมืองบีบ แล้วโดนวัฒนธรรมองค์กรตัวเองแทงข้างหลัง
ส่วนประเด็น "เราจะขึ้นราคามั้ย?" Target ตอบมาอย่างมีคลาสว่า “เราขอคิดก่อน ขึ้นราคาเป็นทางเลือกสุดท้าย” …นี่เรากำลังคุยกับห้างหรือพ่อพระวะ? คำตอบนี้กลิ่นเหมือนบทพูดของ Optimus Prime ก่อนพุ่งชนดาวแม่
ตรงนี้เราขออนุญาตแทรกความคิดเห็นส่วนตัวนิด—คือการที่ Target ยังไม่ยอมขึ้นราคา อาจเพราะรู้ว่าตัวเองขายของฟุ่มเฟือย ถ้าขึ้นราคาเมื่อไหร่ ลูกค้าหายแน่ๆ ต่างจาก Walmart ที่ขายของจำเป็นแบบข้าว น้ำ ปลา ผ้าอนามัย ถ้าขึ้นราคาก็ยังมีคนจำใจซื้อ แต่ Target ถ้าขึ้นราคาเมื่อไหร่ คนไปนั่งดูคลิปแต่งห้องใน TikTok แล้วใช้กระดาษลังทำโต๊ะเอาเองยังจะคุ้มกว่า
Walmart ออกมาประกาศแล้วว่าจะขึ้นราคาเพราะภาษีนำเข้า ส่วน Target ทำหน้านิ่งเหมือนหน่วยลับของ KGB บอกว่า “เราจะไปต่อรองกับซัพพลายเออร์และกระจายความเสี่ยง” — เออ ขอให้โชคดีละกัน เพราะแม้แต่ Iron Man ยังต้อง outsource ชุดเกราะจากจีนเลย
อีกประเด็นที่น่าสนใจมากคือ “สินค้าร้าน Target เคยนำเข้าจากจีน 60% ตอนนี้ลดเหลือ 30%” เราว่าฟังดูดีเนอะ แต่ก็ยังเยอะอยู่ดี แล้วรู้มั้ยว่าทรัมป์กลับมาอีกครั้งพร้อมของแถมคือ "ภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึง 30%" นี่ไม่ใช่ภาษีธรรมดานะ นี่ภาษีขั้นเทพที่สามารถฆ่าต้นทุนให้ตายคาเรือได้เลย
ถามว่าทำไมทรัมป์ทำงี้? คำตอบคลาสสิกคือ “อยากกระตุ้นให้คนอเมริกันซื้อของจากอเมริกา” เหมือนบอกให้คนเลิกกินข้าวมันไก่แล้วไปจับไก่เองที่สวนหลังบ้านอะ จริงใจแต่ไม่ค่อย practical เท่าไหร่
สุดท้าย Target ออกมาบอกว่า “ปีนี้ไม่โตแล้วจ้า ติดลบจางๆ แบบคนเพิ่งเลิกกับแฟน” จากที่เคยคาดหวังว่าจะโต 1% กลายเป็น “ต่ำๆ ก็หวังให้มันไม่ตายละกัน”
นี่มันไม่ใช่การบริหารแล้วนะเว้ย มันคือการเอาตัวรอดแบบโจรสลัดกลางพายุลมหนาว เจอทั้งมรสุมเศรษฐกิจ เทรนด์สังคม การเมือง และกระแสวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไวเหมือนโดเรม่อนเปลี่ยนของวิเศษ
ถ้าจะสรุปทั้งหมดให้สั้นแบบ One Piece 1 ตอน ก็คือ
Target ตอนนี้คืออยู่ในยุคเรือแตก กัปตันเมา ซัพพลายขาด ลูกเรือทะเลาะกันเอง ลูกค้าก็ไม่อยากขึ้นเรือ
เราเดาว่าต่อจากนี้ Target ต้องเปลี่ยนตัวเองแรงมาก อาจต้องหาทางเป็น hybrid แบบขายข้าวสารกับคอนทัวร์หน้าไปพร้อมกัน หรือไม่ก็เปิดตัวซีรีส์ Netflix ชื่อ “DEI: Dead End Inside” ให้รู้แล้วรู้รอด
สรุปสำหรับทุกคนที่ยังตามอ่านอยู่—ถ้าวันนึง Target ล้ม เราจะไม่แปลกใจเลย เพราะในโลกธุรกิจตอนนี้ ไม่ใช่แค่ขายของดีแล้วรอด แต่ต้องเอาตัวรอดให้เก่งพอๆ กับตัวละครใน Attack on Titan ที่ไม่รู้จะโดนแดกเมื่อไหร่
Target เอ๊ย...เราขอให้มึงรอดนะ เพราะถ้ามึงตาย คนอื่นแม่งก็ตายกันหมดนั่นแหละ
โฆษณา