25 พ.ค. เวลา 15:30 • สิ่งแวดล้อม

"ผีไฟเรืองแสง" ที่ชื่อว่า Blue Ghost Firefly

อยู่ดี ๆ ก็อยากชวนทุกคนไปดูผี...
แต่ไม่ใช่ผีหลอก ผีหลอนนะเว้ย เป็น "ผีไฟเรืองแสง" ที่ชื่อว่า Blue Ghost Firefly
ใช่—มันคือหิ่งห้อยชนิดพิเศษที่โผล่มาแค่ช่วงปลายพฤษภาถึงกลางมิถุนา แล้วก็มีแค่ในป่าทางตะวันตกของ North Carolina เท่านั้น เหมือน Pokemon หายากที่เจอได้เฉพาะคืนฝนพรำกับเวลาดวงจันทร์ตรงกับบ้านเมษา อารมณ์ประมาณเมฆหมอกแห่งวิญญาณใน Demon Slayer แต่อันนี้คือหิ่งห้อยจริง ไม่ใช่ปีศาจ
เราเพิ่งได้อ่านบทความเกี่ยวกับพวกมัน แล้วแบบ... โอ้โห พีค! ไม่ใช่แค่แมลงตัวเล็ก ๆ วิบวับสวย ๆ ไปวัน ๆ แต่มันกลายเป็น "ความหวัง" ของเมือง Asheville หลังโดนพายุ Hurricane Helene ถล่มตูมใหญ่ในปี 2024 น้ำท่วมหนักจนความเสียหายระดับ 53 พันล้านดอลลาร์ คือระดับที่ถ้าเป็นบ้านเราคงออกข่าวช่อง 3 แบบ "น้ำป่าซัดตึกถล่ม!" วันละสามรอบอะ
แต่ที่น่าทึ่งคือ... หิ่งห้อยอยู่รอดว่ะ
แม้ต้นไม้จะล้ม ถนนจะพัง แต่ไอ้เจ้าหิ่งห้อยยังส่องแสงวิบ ๆ ได้เหมือนเดิม อันนี้แม่งโคตร symbolic เลยนะ เหมือนเป็นคำพูดของธรรมชาติที่บอกว่า “ยังไงฉันก็ยังอยู่ตรงนี้ ถ้าพวกมึงยังรักษาฉันดีพอ” แบบฉากจบของหนัง Studio Ghibli ประมาณ Princess Mononoke หรือ Totoro ที่แม่งทั้งอบอุ่นและช้ำใจในเวลาเดียวกัน
เราชอบตรงที่มันไม่ใช่หิ่งห้อยธรรมดา มันชื่อ Phausis reticulata หรือที่เรียกว่า Blue Ghost นี่แหละ ไอ้ผีฟ้าตัวนี้จะไม่กระพริบไฟเหมือนหิ่งห้อยทั่วไปนะ แต่มันปล่อยแสงฟ้าติดยาวๆ แบบเปิดโหมดค้างไฟเหมือนตอนเราลืมปิดไฟในห้องน้ำ แต่แทนที่จะโดนแม่ด่า มันกลับน่าดูชิบหาย
และใช่—มัน rare ขนาดที่ต้องลุ้นจับฉลากจาก National Park Service ถึงจะได้เข้าไปดู เพราะหากใครคิดจะเดินมั่ว ๆ เข้าไปในป่าแล้วจุดไฟฉายแรง ๆ เปิดแฟลชถ่ายเซลฟี่... ก็เหมือนประกาศสงครามกับสิ่งมีชีวิตแสงวิญญาณพวกนี้เลยนะเว้ย เพราะไอ้ Blue Ghost มัน sensitive กับแสงสุด ๆ
ใครที่คิดว่า "หิ่งห้อยก็คือแมลงกะพริบไฟธรรมดา" เราขอเชิญเข้าสู่การตบหน้าด้วยข้อมูลทางชีววิทยาแบบเบา ๆ
คือ Blue Ghost นอกจากจะโรแมนติกเรืองแสงแล้ว มันยังเป็น "นักล่า" ในใบไม้ คือพวกมันตะลุยอยู่ใน leaf litter (ใบไม้ร่วงทับถมตามพื้น) แบบฉลามจิ๋วล่าเหยื่อใน Finding Nemo อะไรประมาณนั้น
แต่นี่คือปัญหาที่ใหญ่กว่าพายุ—มนุษย์กับไฟแฟลช กับยากันยุง กับการเดินลุยมั่วซั่วเข้าไปเหยียบพ่อแม่ลูกหิ่งห้อยตายห่าต่อหน้า พวกนี้แหละตัวร้ายจริง ๆ
เราเห็นหลายคนเวลาไปเจออะไรเรืองแสงก็ชอบจะตะโกน “ว้าว! นี่มันเหมือนใน Avatar!” แล้วก็ชักมือถือขึ้นมา ถ่ายไม่ติดหรอกมึง—กล้องโทรศัพท์จับแสงหิ่งห้อยไม่ได้หรอก แต่สิ่งที่ได้แน่ ๆ คือการทำลายสมดุลของธรรมชาติแบบไม่รู้ตัว
นิโคลล์จาก Asheville Wellness Tours บอกว่า ปีนี้นักท่องเที่ยวน้อยกว่าปกติถึง 70% เลยนะ ตั้งแต่เปิดเมืองหลังน้ำลด แต่นางก็ยังจัดกิจกรรมดูหิ่งห้อย + แนวโยคะจิตวิญญาณพาเดินป่า มันแบบ... ถ้าหิ่งห้อยคือฮีโร่ นางก็คือเมนเทอร์ของพวกมัน
เราชอบมุมมองของ ดร. Frick-Ruppert จาก Brevard College มาก นางพูดว่า
“น้ำท่วมไม่ใช่ภัยธรรมชาติที่ทำลายหิ่งห้อยหรอก ที่ทำลายคือคนที่โค่นป่า”
โอ้โห แม่... พูดงี้คือเหมือน Gandalf ใส่หมวกพูดกับบิลโบเลยเว้ย
สรุปให้คนที่อ่านมาไกลถึงตรงนี้:
หิ่งห้อย Blue Ghost คือสิ่งมีชีวิตที่โคตร rare โคตรลึกลับ โคตรมีคุณค่าเชิงจิตวิญญาณ และโคตรน่ารัก ถ้าใครอยากไปดู อย่าแค่ดูแบบ “ไปถ่ายรูปสวยๆ ลง IG” แต่ควรดูแบบเข้าใจความ fragile ของระบบนิเวศ เหมือนการดูชีวิตตัวเองในกระจก ที่บางทีก็ต้องปิดไฟแล้วดูแสงบางๆ ถึงจะเห็นชัด
เพราะธรรมชาติมีแสงให้เราเสมอ—ถ้าเราไม่เอาไฟสปอตไลต์ไปจี้ใส่มันก่อนนะเว้ย
ปล. ใครอยากไปดู แนะนำให้จองทัวร์กับไกด์ท้องถิ่นนะ ช่วยเศรษฐกิจ Help Me Help You แบบ Jerry Maguire อะ เหมือนไม่เยอะ แต่แม่งช่วยให้เมืองฟื้นได้จริง ๆ
ปล2. เวลาไปอย่าฉีดยากันยุงในป่า ถ้าไม่อยากให้ผีหิ่งห้อยด่ากลับว่า “เอ็งอยากสวยแต่ฆ่ากูทำไม”
โฆษณา