25 พ.ค. เวลา 15:55 • การศึกษา

จีนมีกี่ชนเผ่า?, รัสเซียมีกี่ชนเผ่า?, ทำไมพวกเขาอยู่ร่วมกันได้?

Gemini : ประเทศจีนมี 56 ชนชาติ ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ
ในจำนวนนี้ ชนชาติฮั่น เป็นชนชาติส่วนใหญ่ที่สุด คิดเป็นประมาณร้อยละ 90 ของประชากรทั้งหมด
ส่วนอีก 55 ชนชาติที่เหลือ ถือเป็นชนกลุ่มน้อย ซึ่งมีวัฒนธรรม ภาษา และการแต่งกายที่แตกต่างกันไปอย่างหลากหลาย
รัสเซียมีกี่ชนเผ่า?
ประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์สูงมาก มีชนเผ่าหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับและอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
จากข้อมูลที่พบ รัสเซียมีกลุ่มชาติพันธุ์ประมาณ 190-195 กลุ่ม หรือบางแหล่งข้อมูลระบุว่ามีถึง 193 กลุ่ม ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ
ในจำนวนนี้ ชาวรัสเซีย (Ethnic Russians) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลักและมีสัดส่วนประชากรมากที่สุด (ประมาณ 77-80%) ส่วนที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ภาษา และประเพณีอย่างมาก
ทำไมพวกเขาอยู่ร่วมกันได้?
การอยู่ร่วมกันของชนเผ่าหรือกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมากในทั้งจีนและรัสเซีย เป็นผลมาจากปัจจัยทางประวัติศาสตร์, การเมือง, สังคม, และเศรษฐกิจที่ซับซ้อน
ซึ่งมีทั้งความคล้ายคลึงและแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
ในกรณีของประเทศจีน
การอยู่ร่วมกันของ 56 ชนชาติในจีน (โดยมีชนชาติฮั่นเป็นชนส่วนใหญ่) มีปัจจัยหลักดังนี้:
* ประวัติศาสตร์การรวมชาติอันยาวนาน: จีนมีประวัติศาสตร์การรวมอาณาจักรที่ยาวนานนับพันปี ทำให้เกิดแนวคิดของ "ความเป็นหนึ่งเดียว" และ "ประชาชาติจีน (中华民族 - Zhonghua Minzu)"
ที่ประกอบขึ้นจากชนชาติต่างๆ แต่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
* การปกครองแบบรวมศูนย์และนโยบายการรวมชาติ: รัฐบาลจีนภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีอำนาจรวมศูนย์อย่างสูง และดำเนินนโยบายที่มุ่งเน้นความสามัคคีของชาติอย่างแข็งขัน เช่น:
* การส่งเสริมภาษาจีนกลาง (Mandarin): เป็นภาษาราชการและภาษาที่ใช้ในการศึกษาทั่วประเทศ
* การศึกษาและปลูกฝังอุดมการณ์: หลักสูตรการศึกษาเน้นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีนที่เป็นหนึ่งเดียว และส่งเสริมความภาคภูมิใจในความเป็นชาติจีน
* เขตปกครองตนเอง: มีการจัดตั้งเขตปกครองตนเองสำหรับชนกลุ่มน้อยต่างๆ (เช่น ทิเบต ซินเจียง มองโกเลียใน) ซึ่งในทางทฤษฎีมีอำนาจในการบริหารจัดการตนเองบางส่วน แต่ในทางปฏิบัติยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดของรัฐบาลกลาง
* การควบคุมทางสังคมและการปราบปราม: รัฐบาลจีนใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดเพื่อป้องกันและปราบปรามการแบ่งแยกดินแดน หรือการเคลื่อนไหวที่อาจนำไปสู่ความแตกแยกของชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความตึงเครียดสูง เช่น ซินเจียงและทิเบต
* การพัฒนาเศรษฐกิจ: รัฐบาลส่งเสริมแนวคิดว่าการพัฒนาเศรษฐกิจจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองให้กับทุกกลุ่มชาติพันธุ์ แม้ว่าบางครั้งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอาจกระจายไม่เท่าเทียมกัน
* การผสมผสานทางวัฒนธรรม: แม้จะมีความหลากหลาย แต่ก็มีการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและผสมผสานทางวัฒนธรรมผ่านกิจกรรมต่างๆ และการส่งเสริมการแต่งงานข้ามกลุ่มชาติพันธุ์
ในกรณีของประเทศรัสเซีย
การอยู่ร่วมกันของชนเผ่าเกือบ 200 กลุ่มในรัสเซีย (โดยมีชนชาติรัสเซียเป็นชนส่วนใหญ่) มีปัจจัยหลักดังนี้:
* การขยายอาณาจักรทางประวัติศาสตร์: รัสเซียมีประวัติศาสตร์การขยายอาณาเขตอันยาวนาน ทั้งในยุคซาร์และยุคโซเวียต ทำให้รวมเอาดินแดนและกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมากเข้ามาอยู่ในอาณาเขตเดียวกัน
* โครงสร้างสหพันธรัฐและการปกครองตนเอง (ในทางทฤษฎี): สหพันธรัฐรัสเซียประกอบด้วยสาธารณรัฐ เขตปกครองตนเอง และดินแดนต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของกลุ่มชาติพันธุ์เฉพาะ มีการรับรองสิทธิทางวัฒนธรรมและภาษาของชนกลุ่มน้อยในระดับท้องถิ่น (แต่ในทางปฏิบัติระดับการปกครองตนเองจริงอาจแตกต่างกันไป)
* อัตลักษณ์ร่วมสมัยโซเวียต (สำหรับบางคน): ในยุคสหภาพโซเวียต มีการส่งเสริมแนวคิดของ "อัตลักษณ์โซเวียต" ที่ข้ามพ้นเรื่องเชื้อชาติ ทำให้เกิดการรวมกลุ่มบางอย่างขึ้นมาในหมู่ประชากร และยังคงมีอิทธิพลต่อความคิดของคนรุ่นเก่าบางส่วน
* ความสำคัญของภาษารัสเซีย: ภาษารัสเซียเป็นภาษากลางที่ใช้ในการสื่อสารทั่วประเทศ เป็นภาษาหลักในการศึกษาและราชการ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
* การควบคุมจากส่วนกลาง: แม้จะมีโครงสร้างสหพันธรัฐ แต่รัฐบาลกลางยังคงมีอำนาจควบคุมอย่างสูง และมีการปราบปรามการเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง เช่น เชชเนีย
* ความพยายามในการสร้าง "โลกของรัสเซีย" (Русский мир): รัฐบาลรัสเซียพยายามส่งเสริมแนวคิด "โลกของรัสเซีย" ซึ่งเน้นความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม, ภาษา, และอารยธรรมรัสเซีย
ซึ่งอาจช่วยสร้างความรู้สึกร่วมกันในหมู่ประชากร
* การผสมผสานทางเศรษฐกิจ: กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มีส่วนร่วมและพึ่งพาโครงสร้างเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของรัสเซีย ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมโยงและผลประโยชน์ร่วมกัน
โดยสรุปแล้ว
ทั้งจีนและรัสเซียใช้การผสมผสานระหว่าง การควบคุมจากส่วนกลางที่เข้มงวด การสร้างอัตลักษณ์ร่วมในระดับชาติ (แม้จะมีรากฐานต่างกัน) การส่งเสริมภาษาและวัฒนธรรมหลัก และการอนุญาตให้มีพื้นที่ทางวัฒนธรรมสำหรับชนกลุ่มน้อยในระดับหนึ่ง (ภายใต้การกำกับดูแล) เพื่อให้กลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมากสามารถอยู่ร่วมกันได้ แม้ว่าบางครั้งจะมีความตึงเครียดหรือความไม่พอใจซ่อนอยู่ก็ตาม
Gemini จบ
โฆษณา