Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วินทร์ เลียววาริณ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 01:34 • หนังสือ
ก่อนจะเป็นนายของภาษา
ในวันแรกที่ผมเริ่มเขียนหนังสือนั้น ผมอ่านหนังสือมาแล้วจำนวนมาก แต่พอคิดจะเขียน กลับเขียนคำแรกไม่ออก
ผมเริ่มต้นชีวิตนักเขียนเหมือนทารกคลานเตาะแตะ จำได้ว่าแต่ละเรื่อง กว่าจะกลั่นคำแรกประโยคแรกออกมาได้แทบกระอักเลือด ชวนให้เลิกหลายครั้ง
1
อ่านหนังสือมาเป็นพันเล่ม แต่เริ่มประโยคแรกไม่ได้
หากกระบี่เป็นอาวุธของจอมยุทธ์ ภาษาก็เป็นอาวุธของนักเขียน
การใช้ภาษาอาจเป็นส่วนที่ยากที่สุดของงานเขียน มิพักเอ่ยถึงขั้นเป็น ‘นายของภาษา’
‘นายของภาษา’ หมายถึงคุมปากกาได้อยู่หมัด ถ้าเป็นช่างไม้ก็ไสไม้เรียบในไม่กี่ที ถ้าเป็นช่างปูนก็ปาดปูนเรียบเหมาะเจาะใน 1-2 ตวัด ไม่มีเศษปูนเหลือ
ถ้าเป็นวงการยุทธจักร ‘นายของภาษา’ ก็ประมาณน้องๆ ไซมึ้งชวยเซาะหรืออี้จับซา สะบัดกระบี่ที มีคนตาย ถ้าต้องฟันกันหลายสิบกระบวนท่า อย่างนี้ยังไม่ใช่
ต้องฝึกฝนจนคุมกระบี่อักษรได้ ทุกกระบวนท่าต้องฆ่าศัตรู ถ้าแทงเข้าหัวใจได้ ยิ่งดี
จะฝึกถึงขั้นนี้ ยากจริงๆ ขอบอก
ผมเรียนรู้จากประสบการณ์ว่า ใช้ภาษาแบบ Minimalism ดีที่สุด น้อยที่สุดเท่าที่สื่อสารได้
Minimalism คือหากเราตัดคำใดในประโยคทิ้งไปแล้ว ยังอ่านรู้เรื่อง แสดงว่าคำคำนั้นเป็นส่วนเกิน
1
ผมเริ่มต้นเขียนงานที่ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกตอนราวอายุ 15 เขียนขำขันหลายเรื่องไปส่งนิตยสารชัยพฤกษ์ หลังจากนั้นก็แต่งนิยายภาพขายอยู่หลายปี แล้วค่อยเข้าสู่วงการนักเขียน
หลังจากจับปากกา 20 ปี รู้สึกว่าเริ่มประโยคง่ายขึ้น แต่ยังต้องเกลาแล้วเกลาอีก
หลังจากจับปากกา 30 ปี รู้สึกว่าไม่ต้องเกลามากเหมือนเก่า ใช้ปากกาได้คล่องแคล่วกว่าครั้งเริ่มต้น แต่ยังไม่ถึงขั้นไซมึ้งชวยเซาะ หรืออี้จับซา ยังต้องฟันหลายทีอยู่ แต่น้อยลงไปมาก
หลังจากจับปากกา 50 ปี รู้สึกว่าความผิดพลาดน้อยลง เวลาที่ใช้เลือกคำน้อยลง และการเขียนเป็นความสนุกสาหัสสมใจยิ่ง
ทั้งหมดมาจากการฝึกฝนคำเดียว
2
ไม่มีอะไรดีๆ ที่ได้มาง่ายๆ จะเป็น ‘นายของภาษา’ นั้นทำได้ แต่ต้องฝึกหนักหน่วง
1
ทว่ารางวัลของความหนักหน่วงของการฝึกฝน คือความเบาสบายของหัวใจเมื่องานลื่นไหลราวสายน้ำที่มิเกรงก้อนหินขวางกั้น
คำแนะนำของผมต่อนักเขียนใหม่คือ
1 อย่ารีบเป็นนายของภาษา เขียนสื่อให้เข้าใจก่อน เช่น เขียนเรื่องไก่ก็เป็นไก่ เขียนเรื่องแมวก็เป็นแมว ค่อยๆ เขียนไปเรื่อยๆ ผ่านไปหลายปี ไก่จะเป็นไก่พิเศษ แมวก็จะเป็นแมวเทวดาเอง
ไม่มีนักเขียนคนไหนเป็นนายภาษาในวันแรกที่เริ่มเขียน ไม่มี ดังนั้นไม่ต้องเร่งรีบ กดดันตัวเอง เขียนไปสบายๆ แต่ฝึกไม่หยุด
2 ลอกเลียนการใช้ภาษาของนักเขียนชั้นครู
บ้านเรามีนักเขียนชั้นครูภาษาสวยจำนวนมาก จอมยุทธ์แต่ละท่านฝึกมาคนละหลายสิบปี เช่น มนัส จรรยงค์ ไม้ เมืองเดิม ยาขอบ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ฯลฯ
1
การลอกในที่นี้ไม่ใช่การเดินตามรอยเดิม แต่คือการฝึกอย่างหนึ่ง ช่วยให้เข้าใจว่าทำไมเขาจึงใช้ภาษาอย่างนั้น แล้วค่อยๆ ขบคิด ฝึกไปเรื่อยๆ จนหลุดจากกรอบของนักเขียนครูเหล่านั้น เป็นสำนวนของเราเอง
1
อย่าลืมว่า หน้าที่แรกของนักเขียนคือเล่าเรื่อง เรื่องต้องดี น่าสนใจ มีมุมมองที่คนอ่านคิดไม่ถึง
1
ส่วนภาษาดีช่วยทำให้เรื่องนั้นสมบูรณ์
เหมือนจอมยุทธ์ในนิยายของโก้วเล้ง นอกจากจะฆ่าคนแล้ว ท่วงท่าในการฆ่ายังต้องงามด้วย
การใช้ภาษาดีและงดงามจะยกระดับงานเขียนเป็นศิลปะ
และงานเขียนที่เป็นศิลปะจะอยู่ยืนยาวกว่างานเขียนปกติ
จากอีบุ๊ค #ปล่อยให้ความเหงาพาไป
ซื้อได้จากเว็บ
https://www.winbookclub.com/store/detail/227/ปล่อยให้ความเหงาพาไป
หรือ The Meb
4 บันทึก
21
1
4
21
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย