Tech Debt คืออะไร
โดย
ในโลกการพัฒนาซอฟต์แวร์ "หนี้ทางเทคนิค" (Technical Debt) เป็นเหมือนเงามืดที่ค่อยๆ กัดกร่อนประสิทธิภาพของทีมพัฒนา แม้จะช่วยให้งานเสร็จเร็วในระยะสั้น แต่กลับสร้างปัญหาซับซ้อนในระยะยาว บทความนี้จะพาคุณรู้จักกับหนี้ทางเทคนิคแบบครบวงจร ตั้งแต่การระบุ จัดการ ไปจนถึงวิธีป้องกัน
- ★1) หนี้ทางเทคนิค คืออะไร
คำนิยาม: การแลกเปลี่ยนระหว่าง "ความเร็ว" กับ "คุณภาพ" ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเลือกวิธีลัดที่ทำให้ต้องมาแก้ไข หรือ ปรับปรุงในภายหลัง
- ★ตัวอย่างจริงที่พบเจอบ่อย
- คัดลอกโค้ดมาใช้โดยไม่รีเฟคเตอร์
- ไม่เขียนเอกสารประกอบระบบ
- เลื่อนการอัปเดตไลบรารีที่ล้าสมัย
- ข้ามการเขียนเทสต์เพราะต้องการงานเร็ว
- ★2) ประเภทของหนี้ทางเทคนิค
○ หนี้โดยเจตนา รู้ตัวว่ากำลังสร้างหนี้ เพื่อให้ทันเดดไลน์ โค้ดแบบ Quick Fix เพื่ออัพเดทระบบก่อนวันสำคัญ
○ หนี้โดยไม่เจตนา เกิดจากความไม่รู้ หรือ ไม่มีประสบการณ์ ออกแบบ Architecture ไม่รองรับ Scaling
○ หนี้จากความล้าสมัย เทคโนโลยีเปลี่ยนไปแต่ไม่ได้อัปเดต
○ หนี้จากกระบวนการ วิธีทำงานสร้างปัญหาสะสม ไม่มี CI/CD ทำให้การ Deploy มีความเสี่ยงสูง
- ★3) วิธีวัด และ ประเมินหนี้ทางเทคนิค
☆ 3.1 ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ
- จำนวน Bug ที่เกิดซ้ำ
- เวลาที่ใช้ในการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ (หากใช้เวลานานขึ้น แสดงว่ามีหนี้สะสม)
- คะแนน Code Quality จากเครื่องมือวิเคราะห์ (SonarQube, CodeClimate)
☆ 3.2 ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ
- ความรู้สึกของทีมพัฒนา (หากบ่นเรื่องโค้ดบ่อยๆ แสดงว่ามีปัญหา)
- ความยากในการออนบอร์ดสมาชิกใหม่
📊 ตัวอย่าง Dashboard ติดตามหนี้ทางเทคนิค
○ สีเขียว: หนี้น้อย (จัดการได้ปกติ)
○ สีเหลือง: เริ่มมีผลกระทบ (ควรวางแผนแก้ไข)
○ สีแดง: วิกฤต (ต้องแก้ไขทันที)
- ★4) กลยุทธ์จัดการหนี้ทางเทคนิค
☆ 4.1 วิธีชำระหนี้ (Pay Off)
- การ Refactor โค้ดแบบมีแผน (ไม่ทำพร้อมกับการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่)
- เขียน Automated Tests เพิ่มเติม
- อัปเดต Documentation ที่ขาดหาย
☆ 4.2 วิธีบริหารหนี้ (Manage)
- สร้าง "หนี้ทะเบียน" (Debt Register) เพื่อติดตาม
- จัดสรรเวลา Fix Tech Debt ในแต่ละ Sprint (เช่น 20% ของเวลาทีม)
- ใช้หลัก "Boy Scout Rule" : ทุกครั้งที่แก้ไขไฟล์ ให้ปรับปรุงให้ดีขึ้นเล็กน้อย
☆ 4.3 เครื่องมือช่วยจัดการ
- SonarQube: วิเคราะห์คุณภาพโค้ด
- JIRA Tech Debt Board: ติดตามเป็น Task แยก
- CodeScene: วิเคราะห์ Hotspots ในโค้ดเบส
- ★5) วิธีป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ใหม่
☆ 5.1 วัฒนธรรมทีม
- ส่งเสริมวัฒนธรรมคุณภาพ มากกว่าการรีบส่งงาน
- Reward การเขียนโค้ดที่สะอาดไม่ใช่แค่โค้ดที่ทำงานได้
☆ 5.2 กระบวนการพัฒนา
- Implement Code Review อย่างจริงจัง
- กำหนด Coding Standards ที่ชัดเจน
- ใช้ CI/CD Pipeline เพื่อบังคับคุณภาพ
☆ 5.3 เทคนิคการเขียนโค้ด
- หลัก SOLID Principles
- Test-Driven Development (TDD)
- Microservices Architecture เพื่อแยกส่วนที่อาจมีปัญหา
- ★6) กรณีศึกษา
☆ บริษัท A
- ปัญหา: สะสมหนี้จากการไม่อัปเดต Framework เป็นเวลา 3 ปี
- ผลกระทบ: เมื่อต้องการอัปเดต พบว่าไม่รองรับกับระบบใหม่ ต้องเขียนใหม่ทั้งหมด
- บทเรียน: ควรอัปเดตเป็นระยะๆ แทนการปล่อยไว้นาน
☆ สตาร์ทอัพ B
- ปัญหา: ไม่มี Automated Tests เพราะเร่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์
- ผลกระทบ: ทีมใช้เวลา 60% ในการ Fix Bug แทนการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่
- บทเรียน: ลงทุนเขียน Tests ตั้งแต่แรกจะประหยัดเวลากว่า
✏️ Shoper Gamer
Credit :
👇
- ●https://www.blockdit.com/posts/60164ae769846c031cf6bb15
- ●https://www.blockdit.com/posts/629384badffbd4276fa6b6ed
- ●https://github.com/resources/articles/software-development/what-is-technical-debt
- ●https://www.techtarget.com/searchcio/feature/The-negative-impact-of-technical-debt
- 2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
