สรรพากรปรับเกณฑ์ภาษีนำเข้ารายได้ต่างแดน โบรกชูหนุนการลงทุนหุ้นแสนล้าน
รัฐจ่อผ่อนภาษีเงินได้นำเข้า ดึงทุนไทย 2 ล้านล้านกลับประเทศ คาดหนุนเม็ดเงินไหลเข้าหุ้นไทยกว่าแสนล้าน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2569
จากกรณีที่ทางกรมสรรพากรอยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศ โดยคนไทยที่มีรายได้ในต่างประเทศหากนำเงินเข้ามาในประเทศภายในปีที่เกิดรายได้ หรือปีถัดไป จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่หากนำเข้ามาหลังจากนั้นจะมีการจัดเก็บภาษีตามปกติ
โดยเม็ดเงินลงทุนของคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ทั้งในการลงทุนตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ตลาดที่ซื้อขายที่ดิน มูลค่ารวมประมาณ 2 ล้านล้านบาท กรมสรรพากรหวังดังเม็ดเงินให้ไหลกลับเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยมีเงื่อนไขจะยกเว้นภาษีหากนำเงินได้กลับเข้ามาในประเทศภายใน 2 ปี คือปีที่เงินได้เกิดขึ้นหรือปีถัดไป
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มองว่าเป็นเรื่องที่ดี และมีโอกาสที่จะเห็นนักลงทุนไทยโยกเงินที่ลงทุนในต่างประเทศกลับมาเพิ่มมากขึ้น
ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีความผันผวน รวมถึงความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ลดลง ส่งผลให้ในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเม็ดเงินลงทุนไทยถูกโยกออกไปต่างประเทศไม่น้อยเลย เชื่อว่าที่ผ่านมานักลงทุนไทยก็มีการพิจารณาการโยกเงินกลับมาเช่นเดียวกัน แต่ยังคงติดปัญหาเรื่องของการเสียภาษี
"ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานักลงทุนมีความไม่แน่ใจในเรื่องของการเสียภาษีของสรรพกร ทำให้เป็นช่วงเวลาที่คนหาข้อมูล และมีการปรึกษาทั้งบริษัทหลักทรัพย์ ทั้งในและต่างประเทศต่อมาตรการการเสียภาษีหากต้องการนำเงินเข้าประเทศจะได้คุ้มเสียมากน้อยแค่ไหน การผ่อนผันเป็นเรื่องที่ดีเชื่อว่าจะเข้ามาช่วยหนุนการลงทุนและระบบเศรษฐกิจไทยได้"
ทั้งนี้ ตามที่ นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ระบุไว้ว่า ปัจจุบันกรมอยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมาย เพื่อแก้ไขเกณฑ์ดังกล่าว และจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป คาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ในรอบการยื่นภาษี เดือนม.ค.-มี.ค. 2569 หรือนับรายได้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
ส่งผลให้ทางฝ่ายประเมินว่ากว่าที่เม็ดเงินดังกล่าวจะไหลกลับเข้ามาก็อาจเป็นปี 2569 เป็นต้นไป แต่อย่างไรก็ดีในมุมของตลาดหุ้นไทยมองว่าความคาดหวังต่อเรื่องดังกล่าวจะถูกใส่เข้ามาในช่วงปลายปี 2568 นี้ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้เพิ่มมากขึ้น
ส่วนตัวมองว่าการเอื้อเรื่องภาษีต่อรายได้ในต่างประเทศหากนำเงินเข้ามาในประเทศที่มีมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านบาท อาจดึงเม็ดเงินให้ไหลกลับเข้าไทยได้ไม่น้อยกว่า 10% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 2 แสนล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นก็มองว่าเม็ดเงินดังกล่าวมีโอกาสที่จะไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 50% หรือกว่า 1 แสนล้านบาท
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันนั้น มองว่ายังไม่มีปัจจัยเชิงบวกเข้ามาช่วยกระตุ้นความน่าสนใจในการลงทุนได้ในระยะนี้อย่างชัดเจน ส่วนปัจจัยเชิงลบที่ผ่านมาตลาดการรับรู้ไปมากพอสมควรแล้ว แต่ยังมีปัจจัยลบเฉพาะหน้าในเรื่องของภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจปี 2568
รวมถึงยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/2568นี้ อีกทั้งในเรื่องของภาษีการค้าของสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีข้อสรุปว่าหากพ้นกำหนด 90 วันไปแล้ว ไทยจะถูกขึ้นภาษีใหม่ในอัตราที่เท่าไหร่
แม้ว่าปัจจุบันหุ้นไทยยังไม่มีตัวไหนที่มีอัตราการเติบโตสูงมากๆ มาดึงความสนใจในการลงทุน แต่หากเทียบกับตราสารหนี้แล้ว ไทนมีหุ้นที่มีความมั่นคงในแง่ของกระแสเงินสด แม้ว่าการเติบโตไม่ได้หวือหวา แต่ก็มีความมั่นคง อีกทั้งยังให้ปันผลในระดับที่ดีกว่า อีกทั้งในการลงทุนหุนยังได้ส่วนต่างผลตอบแทนร่วมด้วย
ดังนั้น มองว่าต้นไตรมาส 3/2568 คนจะมีความผ่อนคลายในการลงทุนมากขึ้น และฉุดคิดได้แล้วว่าที่ผ่านมาเรามีความกังวลต่อความเสี่ยงที่มากเกินไป จึงมีโอกาสที่จะเห็นความชัดเจนของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่เพิ่มมากขึ้น
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
