Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
WABIZ รู้รอบทิศ ธุรกิจญี่ปุ่น
•
ติดตาม
31 พ.ค. เวลา 03:00 • ธุรกิจ
สถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กและโรงหล่อเหล็กในไทยและญี่ปุ่น ปี 2025
ในปี 2025 อุตสาหกรรมเหล็กและโรงงานหล่อเหล็กทั้งในญี่ปุ่นและประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงจากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลก ความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ การก่อสร้าง เทคโนโลยีสีเขียว รวมถึงการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตที่ยั่งยืน (Green Steel) ขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับแรงกดดันจากนโยบายภายนอก เช่น การปรับเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กและยานยนต์ของสหรัฐฯ ภายใต้ยุทธศาสตร์การค้าที่เข้มข้นมากขึ้นในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ญี่ปุ่น: จากการลดกำลังผลิต สู่ผู้นำเหล็กพิเศษและเทคโนโลยีขั้นสูง
ญี่ปุ่นยังคงเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลก โดยมีผู้เล่นหลักในตลาดคือ Nippon Steel, JFE Steel และ Kobe Steel ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันกว่า 80% อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเหล็กของญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ส่งผลให้กำไรของบริษัทลดลงจนกลายเป็น "เรื่องปกติใหม่" ของอุตสาหกรรมนี้
ตั้งแต่ปี 2020 ผู้ผลิตเหล็กญี่ปุ่นเริ่มหันมาปรับกลยุทธ์ ลดกำลังการผลิตเพื่อลดต้นทุนและสอดรับกับความต้องการภายในประเทศที่ลดลง โดย Nippon Steel ปิดเตาถลุงจาก 15 เตา เหลือเพียง 10 เตาทั่วประเทศ ในขณะที่ JFE Steel ก็ปิดเตาหลอมลงบางส่วนเมื่อปี 2023 และมีแผนปิดเพิ่มในเดือนพฤษภาคม 2025
แม้จะปรับลดการผลิต แต่ญี่ปุ่นยังคงความได้เปรียบด้วยความเชี่ยวชาญด้าน เหล็กพิเศษ (specialty steel) อาทิ เหล็กทนความร้อน เหล็กแม่เหล็ก และเหล็กน้ำหนักเบา ที่ใช้ในอุตสาหกรรมขั้นสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), เครื่องจักรกลหนัก และอวกาศ โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงทั้ง AI, IoT และระบบอัตโนมัติ (Automation) ในกระบวนการผลิต
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้าน Green Steel โดย Nippon Steel ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนลง 30% ภายในปี 2030 และบรรลุ Net Zero ภายในปี 2050 โดยหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ถูกพัฒนาคือ Hydrogen-based Reduction ซึ่งใช้ก๊าซไฮโดรเจนแทนถ่านหินในการถลุงแร่เหล็ก ส่งผลให้กระบวนการนี้ปล่อยเพียงไอน้ำ (H₂O) แทนคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)
ไทย: โอกาสท่ามกลางความท้าทายด้านต้นทุนและมาตรฐาน
อุตสาหกรรมเหล็กของไทยครอบคลุมทั้งการผลิตเหล็กรีดร้อน รีดเย็น และเหล็กหล่อหลอม โดยมุ่งตอบสนองความต้องการของภาคก่อสร้างและอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหลัก โรงหล่อเหล็กในประเทศยังคงพึ่งพาเศษเหล็กในประเทศ และต้องนำเข้าวัตถุดิบคุณภาพสูงบางส่วนจากต่างประเทศ เช่น จีนและญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับแรงกดดันจากหลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็น ต้นทุนพลังงานที่สูง, การนำเข้าเหล็กราคาถูกจากต่างประเทศ, มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงความท้าทายในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผลิตเหล็กคุณภาพสูงที่สามารถตอบโจทย์ตลาดสินค้ามูลค่าสูง หากยังคงพึ่งพาการผลิตแบบเดิม ตลาดเหล็กในประเทศอาจถูกบีบให้เล็กลงและแข่งขันไม่ได้กับสินค้านำเข้าจากประเทศมหาอำนาจที่ใช้สงครามการค้าเป็นเครื่องมือ
แรงสะเทือนจากโครงสร้างอาคาร: บทเรียนจากแผ่นดินไหว
หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สะเทือนวงการก่อสร้างและเหล็กในประเทศไทยคือ เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเดือนมีนาคม ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงกับ ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ประเด็นที่สังคมให้ความสนใจคือ โครงสร้างเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง ว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ และเหตุใดความเสียหายจึงรุนแรงเกินคาด
เหตุการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า “ความแข็งแรงของเหล็ก” อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในบริบทของภัยธรรมชาติ ดังนั้น การเลือกใช้เหล็กที่ออกแบบมาสำหรับทนแรงแผ่นดินไหว และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศที่มีประสบการณ์สูงด้านนี้ เช่น ญี่ปุ่น อาจเป็นคำตอบที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญมากขึ้น
____________________________
ติดตามเรื่องราวด้านธุรกิจ โอกาสทางด้านธุรกิจ การพัฒนาตนเองที่น่าสนใจจากประเทศญี่ปุ่นได้ที่
・Website:
www.wabiz.info
・Facebook:
facebook.com/wabizth
・Blockdit:
blockdit.com/wabizth
・Instagram:
instagram.com/wabiz.th
____________________________
#wabiz #japan #business #japanbusiness #ญี่ปุ่น #ธุรกิจ #NipponSteel #KobeSteel #GreenSteel #JFESteel
ญี่ปุ่น
ข่าวรอบโลก
ธุรกิจ
1 บันทึก
2
1
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย