26 พ.ค. เวลา 13:12 • นิยาย เรื่องสั้น

รักย้อนอดีตภาค 5 ภัยร้ายจากดาวหางฮัลเลย์

.
บทที่ 32 ทวาลาจอมราชัน
.
ประมาณเที่ยงวันพวกเขาก็ลงจากภูเขามากพอที่จะถึงเขตที่มีต้นไม้ที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ และพบว่าถนนคดเคี้ยวเข้าไปในหมู่ไม้กว้างใหญ๋ ลุงบ่นว่าเห็นความสดชื่นของหมู่ไม้ชวนให้หิว พวกเขาจึงหยุดพักและรับประทานอาหาร
.
บนฝั่งลำธารปกคลุมหนาแน่นด้วยต้นเฟิร์น สายน้ำไหลผ่านอย่างร่าเริงอยู่ข้างกาย สายลมอ่อนๆส่งเสียงกระซิบกระซาบผ่านใบไม้สีเงิน นกเขาขันคูอยู่รายรอบ นกปีก
สีสวยโฉบไปมาจากคาคบไม้หนึ่งไปยังอีกคาคบไม้หนึ่ง แน่แล้วที่นี่คือแดนสวรรค์
.
มีประกายแสงผ่านวูบแล้วหอกใหญ่อันหนึ่งก็ปักเข้าที่ต้นไม้ใกล้พวกเขาซึ่งลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
ชายผิวดำกลุ่มหนึ่งที่มีส่วนสูงและหน้าตาเหมือนญาติของอัมโบโปมีอาวุธคือหอกใบใหญ่เงาวับล้อมอยู่
.
ลุงก้าวออกไปข้างหน้าเอ่ยทัก "สวัสดี เราเป็นเพียงนักท่องเที่ยวเท่านั้น เห็นไหมว่าเราไม่มีอาวุธ"
.
เจ้าคนที่อาวุโสที่สุกก็ก้าวออกมาเช่นกัน "เราไม่สวัสดีกับคนแปลกหน้า แต่เจ้าคนนั้นที่มีหน้าตาเหมือนเป็นญาติของเราทำไมมาร่วมกับคนแปลกๆพวกนี้"
.
อัมโบโป "คนพวกนี้เป็นเพื่อนของเรา พวกเรามาจากแดนไกลที่มีชื่อว่าประเทศไทยแลนแดนสไมล์ ส่วนที่เราคล้ายท่านเพราะปู่ของเราเป็นอาฟริกันแล้วท่านล่ะเป็นใครกัน"
.
"เราชื่ออินฟาดูส เป็นน้องชายต่างแม่ของราชันทวาลาแห่งอีกัวน่า จอมราชันผู้เป็นสามีของภรรยา 1 พันคน หัวหน้าและเจ้าสูงสุด ผู้ดูแลรักษาถนนที่ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นที่น่าเกรงขามของเหล่าศัตรู ศิษย์ของผู้มีมนต์ดำ ผู้นำของนักรบนับหมื่น ทวาลาผู้มีดวงตาอำมหิต ผู้มีสีของกายดำสนิท ผู้มีความร้ายกาจสุดประมาณ"
.
พันถอนใจเฮือก "ถ้าให้พูดใหม่ ท่านจะพูดได้เหมือนเดิมหรือไม่ อินฟาดูส และ ข้อสำคัญท่านกำลังชมหรือด่าทวาลากันแน่"
.
"ย่อมพูดไม่ได้เหมือนเดิมแน่นอน ทั้งที่ชาวอีกัวน่าตั้งแต่เด็กต้องท่องเป็นอาขยานก่อนนอน เอ๊ะ นี่เจ้าคนตัวเล็กบังอาจใช้ถ้อยคำดูหมิ่นราชันของเรา เจ้าจะต้องตายด้วยคมหอก 10 ใบหอก ณ บัดnow ทหารทั้งหลายลงมือ"
.
เหล่านักรบทั้ง 10 ต่างรายล้อมพัน แล้วพุ่งหอกใส่ทันที ซึ่งสมันมากสำหรับพันที่เพียงแค่กระโดดเธอก็ยืนลอยตัวอยู่บนใบหอกทั้ง 10
แล้วม้วนตัวตีลังกา2ตลบห้ามหัวนักรบมายืนสง่าอยู่ที่พื้น สร้างความตกตะลึงให้อินฟาดูสและลูกน้อง
.
เมื่อหายตะลึงอินฟาดูสส่งสัญญาณให้ลูกน้องโจมตีอีกครั้ง คราวนี้พันใช้ดาบเลเซอร์ตวัดไม่กี่ครั้งหอกทั้ง10ก็ขาดเป็นท่อนๆโดยทหารแต่ละคนไม่ได้รับอัน
ตราย แล้วพันก็หมุนตัวกวาดเท้าเตะปลายคางแต่ละคนลงไปนอนสลบเหมือด
.
พัน "ท่านเห็นหรือไม่อินฟาดูสว่าเราสามารถฆ่าท่านและสมุนได้อย่างง่ายดายแต่
ไม่ทำ เพราะเรามาอย่างสันติ เราเป็นเพียงนักท่องเที่ยวเท่านั้น"
.
อินฟาดูส "เราเชื่อแล้วท่านผู้วิเศษ ท่านต้องการสิ่งใดวานบอก เราจะจัดหาให้ ยกเว้นก็แต่ก้อนหินแวววาว และ โลหะสีเหลือง"
.
พัน "เราต้องการเยี่ยมชมนครของท่าน"
.
อินฟาดูส "การเดินทางไปนครอีกัวน่าของเราต้องเดินไปตามถนนนี้เป็นเวลาถึง 3 วันเชียวนะ ท่าน"
.
พัน "ยิ่งกว่านี้เราก็ผ่านมาแล้ว ทะเลทรายมรณะที่ว่าร้ายกาจไม่เคยมีใครผ่านโดยที่มีชีวิตรอด เราก็ผ่านจนมายืนอยู่ตรงหน้าของท่านอย่างที่เห็น"
.
อินฟาดูส "นอกจากพวกท่านแล้ว ในชีวิตของเราไม่เคยมีคนผ่านมาที่อีกัวน่าจริงๆ เอ้อเราคิดว่าพักสักครู่แล้วค่อยออกเดินทางดีกว่า เพื่อไปให้ทันการฉลองประจำปี ซึ่งมีทั้งการสวนสนาม การโชว์แสนยานุภาพของกองทัพ ที่สำคัญคือพิธีล่าแม่มด"
.
ลุง "พิธีล่าแม่มด ยุคนี้ พศ.นี้ยังมีอีกหรือ"
.
อินฟาดูส "มีครับ ไว้ท่านไปดูด้วยตาตนเองดีกว่า"
.
ลุง "พิธีล่าแม่มดมีมาตั้งแต่แรกของอาณาจักรท่านหรือ"
.
อินฟาดูส "หามิได้ท่านลุง ตั้งแต่เรายังเป็นเด็กพิธีนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลย เพิ่งมีเมื่อทวาลาพี่ชายของเราเป็นราชัน"
.
ตลอดช่วงบ่ายวันนั้นเป็นการเดินทางบนถนนที่โอ่อ่างดงามมุ่งสู่นครอิกัวน่า ขุนเขาที่พวกเขาข้ามมาบัดนี้เป็นภาพลางๆอยู่เหนือหัว ถันทั้งคู่ของพระนางชีบาถูกคลุมด้วยม่านหมอก
.
ลุง "อินฟาดูส ใครสร้างถนนนี้"
.
อินฟาดูส "มันถูกสร้างมาเก่าแก่นานมากแล้วนานจนไม่รู้ว่าเมื่อใด แม้แต่หญิงผู้รอบ
รู้นามว่า กาก้า ผู้อยู่มาหลายชั่วอายุคนยังตอบไม่ได้ รู้แต่ทวาลาไม่ยอมให้มีหญ้าขึ้นบนถนน เราและลูกน้องจึงมีหน้าที่คอยตรวจตราและถอนหญ้าทิ้ง"
.
เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างครื้นเครงแล้วเป็นแสนสุริยาที่ถามต่อ "อินฟาดูส ชาวอีกัวน่าเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด"
.
อินฟาดูส "เชื้อชาติของเรามายังดินแดนแห่งนี้เหมือนสายลมแห่งพายุเมื่อหมื่นพันจันทร์เพ็ญล่วงมาแล้ว จากดินแดนกว้างใหญ่ที่อยู่เหนือขึ้นไป พวกเขาไม่สามารถ
ไปได้ไกลกว่านี้เพราะภูเขาสูงที่โอบล้อมเอาไว้
.
และโดยคำกล่าวเก่าแก่ของบิดาที่สืบทอดไปบุตร และโดยคำกล่าวของกาก้าแม่หญิงผู้รอบรู้ ผู้ดมกลิ่นของแม่มด เราจึงตั้งรกรากที่นี่และเติบโตกล้าแข็ง
.
ภายใต้ทวาลาจอมราชัน ตอนนี้เรามีทหารมากมายดุจเม็ดทราย หากทวาลาเรียกระดมพลเมื่อใดพวกเขาจะแผ่คลุมไปทั่วพื้นที่ราบจนสุดสายตามนุษย์จะมองถึง"
.
แสนสุริยา "ในเมื่อดินแดนแห่งนี้มีภูเขาเป็นกำแพงล้อมรอบ ทำไมจึงต้องมีกองทัพอีก"
.
อินฟาดูส "ท่านผู้มีความหล่อเหลามากกว่าใครที่เราเคยพบ กาก้าแม่หญิงผู้รอบรู้
เคยทำนายว่าจะเกิดสงครามยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่เป็นสงครามกลางเมือง เป็นการสู้
รบระหว่างสายเลือดที่เรียกว่า ศึกสายเลือด"
.
ลุง "เรื่องมันมายังไงไปยังไงกันวะอินฟาดูส ช่วยเล่าเรื่องให้ละเอียดกว่านี้ซิ"
.
อินฟาดูส "ราชันผู้พ่อของเรามีนามว่า คาฟา ทรงปกครองบ้านเมืองอย่างสงบร่มเย็นด้วยทศพิธราชธรรม จนกระทั่งพระชายามเหสีเอกกำเนิดโอรสฝาแฝดซึ่งก็คือ อีโมตู และ ทวาลา
.
ประเพณีของเรานั้นแฝดผู้น้องซึ่งเกิดทีหลังต้องถูกฆ่าทิ้ง ซึ่งคงไม่มีแม่คนไหนจะทำใจได้ พระชายาจึงแอบนำทวาลาไปให้กาก้าแม่หญิงผู้รอบรู้เรียกสั้นๆก็คือแม่มดนั่นแหละช่วยดูแลอย่างลับๆในถ้ำที่ห่างไกล
.
เมื่อพวกเราเริ่มวัยหนุ่มคาฟาพ่อของเราก็ตาย อีโมตูได้ขึ้นเป็นราชันแทนและมีเจ้าชายน้อยชื่อ อิกโนสี ซึ่งแปลว่าสายฟ้าแลบจากมเหสีเอกเป็นรัชทายาท
.
ต่อมาเกิดสงครามจากผู้รุกรานติดต่อกันยาวนาน3ปี แม้อีโมตูจะชนะข้าศึกแต่ระหว่างนั้นไม่สามารถเพาะปลูกได้
ทำให้ความอดอยากครอบคลุมไปทั่วดินแดน อีโมตูเองก็ได้รับบาดเจ็บหนักนอนแซ่วอยู่กับที่มาเป็นเดือนแล้ว
.
แม่มดกาก้าได้ปรากฎตัวขึ้นพร้อมด้วยทวาลาต่อหน้าฝูงชน อ้างเหตุผลว่าอีโมตูไม่ใช่ราชันมิเช่นนั้นประชาชนจะไม่ประสบกับภัยยากลำบากเช่นนี้ ราชันที่แท้จริงของพวกเจ้าอยู่นี่แล้ว
.
จากนั้นเลดี้กาก้าเอ๊ยแม่มดกาก้าก็ปลดผ้าที่พันลำตัวทวาลาออก เผยให้เห็นเครื่องหมายงูศักดิ์สิทธิ์ที่พันตัวไว้ เป็นธรรมเนียมของบุตรชายคนโตที่เป็นรัช
ทายาทต้องถูกทำเครื่องหมายไว้ตอนแรกเกิด
.
ตอนนั้นฝูงชนต่างพากันบ้าคลั่งไม่มีเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ต่างตะโกนสรรเสริญทวา
ลาว่า "ราชัน ๆ ๆ" เสียงดังกระหึ่มจนอีโมตูต้องคลานออกจากกระท่อมมาดู
.
ราชันอีโมตูรู้ได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรต่อไป จึงรีบบอกให้พระชายาหอบพระโอรสหนีไปทันทีเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องมัวรวบรวมสมบัติใดๆเพราะอาจไม่ทันการ
.
เป็นดังเช่นที่พระองค์ตรัส ทวาลาบุกเข้าไปฆ่าพี่ชายฝาแฝดที่เกิดจากแม่คนเดียวกันในชั่วโมงเดียวกันตาย
ฝูงชนยังคงตะโกนว่า ทวาลาคือราชันที่แท้จริง ช่างโง่เขลาเบาปัญญาเพราะสิ่งที่คนเหล่านั้นได้รับในเวลาต่อมาเจ็บแสบสุดบรรยาย
.
ทวาลาเข่นฆ่าคนรับใช้ทุกคนที่ตอบไม่ได้ว่าราชินีและอิกโนสีอยู่ไหน ทั้งส่งคนออกตามล่าเป็นเวลาหลายวัน ตามล่ามาจนถึงเทือกเขาอันมีน้ำแข็งมากมายจนแน่ใจว่าหาชีวิตไม่แล้วจึงกลับไป
.
ทวาลาขึ้นเป็นราชันโดยมีแม่มดกาก้าเป็นผู้ให้คำแนะนำในการครองเมือง เขาเชื่อฟังแม่มดคนนี้ทุกอย่างโดยไม่สนใจว่าผิดหรือถูกทั้งสิ้น
.
ตอนที่คาฟาบิดาเราและอีโมตูพี่ชายเราครองเมือง แม่มดกาก้าได้เสนอพิธีล่าแม่มด แต่บิดาและพี่ชายเราไม่ยอม จึงทำให้แม่มดโกรธมาก"
.
ลุง "อะไรเป็นสาเหตุให้มีพิธีล่าแม่มดในยุคของทวาลา"
.
"เราก็ไม่อาจตอบได้ หากพวกท่านได้เห็นพิธีกรรม ด้วยความฉลาดของท่านน่าได้คำตอบ"
.
ลุง "แล้วตอนนี้อิกโนสีราชันที่แท้จริงอยู่ที่ใด"
.
"ไม่มีใครรู้ เขาน่าจะตายพร้อมกับแม่ ณ ที่ใดที่หนึ่งภายใต้เทือกเขาน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่แห่งนี้"
.
ตลอดเวลาที่อัมโบโปยืนฟังเงียบๆ เห็นได้ว่าเหมือนอยู่ในห้วงความคิดอันเลื่อนลอยซึ่งเป็นปกติวิสัยของเขา ชายหนุ่มผู้มีสรีระที่สวยงามแข็งแรงและลึกลับ
.
จบบทที่ 32 ภาพปกจาก คุณสมชาย แป้งปรุงจันทร์ แห่ง Bird Guide Tour &Wildlife และผู้เกี่ยวข้องที่ช่วยกันรักษาดูแลป่าผืนนี้ให้สมบูรณ์ สวยงาม
 
มีระบบนิเวศน์ของป่าให้เป็นแหล่งอยู่อาศัยของสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่คู่แผ่นดิน
ไทยตลอดไป
.
เป็นภาพของนกหว้า(Great Argus) หรือ พญาระกาแดนใต้ สถานที่:ป่าชุมชนเขาจอมเปี้ยว ตำบลห้วยปริก อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
.
หลังจากส่งเสียง "หว่า หว้า" ร้องเรียกนกตัวเมียดังก้องไปทั่วป่า เมื่อนกตัวเมียเดินเข้ามาในลาน นกหนุ่มหล่อของเราก็เกี้ยวสาว ด้วยการแพนหางโชว์ความสมบูรณ์ของสรีระที่สวยงามทันที
โฆษณา