Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หลงไปในประวัติศาสตร์ by หมอเอ้ว ชัชพล
•
ติดตาม
27 พ.ค. เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
จริงไหมว่า เมื่อประมาณสองพันปีที่แล้วโรมันเคยบ่นเรื่องขาดดุลการค้ากับจีน ?
ย้อนเวลากลับไปช่วงประมาณ ศตวรรษที่ 2 โลกในเวลานั้นมีมหาอำนาจยักษ์ใหญ่อยู่สองแห่ง
ทางตะวันตกคือจักรวรรดิโรมันส่วนทางตะวันออกคือราชวงศ์ฮั่นที่ยิ่งใหญ่ของจีน
มหาอำนาจทั้งสองนี้ตั้งอยู่คนละปลายของเส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้ขนส่งสินค้าจากจีน ผ่านหลายทวีป ไปยังโรมัน และอาณาจักรทั้งสองนี้ยังมี ขนาดที่ใกล้เคียงกันมาก
มหาอำนาจทั้งสองในเวลานั้น มีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายกันมาก ตั้งแต่ขนาดของดินแดน จำนวนประชากร การปกครอง การขยายอำนาจ และต่างก็มีภูมิใจในอารยธรรมของตน จนมองว่าโลกที่แท้จริงนั้นสิ้นสุดอยู่ตรงเขตแดนของตนเอง เลยกว่านั้นไปคือ พวกคนเถื่อน ชนเผ่าเร่ร่อน อารยธรรมทั้งสองนี้จะว่าไปแล้วก็เหมือนกระจกเงาที่สะท้อนภาพของกันและกัน คำถามที่น่าสนใจคือ... จักรวรรดิโรมันกับราชวงศ์ฮั่น รู้จักกันแค่ไหน?
1
คำตอบคือ แม้ว่าทั้งจักรวรรดิโรมันและราชวงศ์ฮั่นจะไม่ได้ติดต่อกันโดยตรง แต่ต่างฝ่ายก็ รับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกฝ่าย และรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ผ่านการค้าขาย แต่ไม่ใช่การค้าขายระหว่างกันโดยตรง แต่เป็นการที่สินค้าของทั้งสองฝ่ายถูกส่งขายผ่านพ่อค้าต่อกันไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการค้าขายผ่านอินเดียและจักรวรรดิ์เปอร์เซีย
แม้ว่าจะมีบ้างที่ทั้งสองพยายามจะส่งฑูตไปติดต่อกัน แต่ก็มักจะถูกพ่อค้าคนกลางกีดกัน ในสมัยก่อนการเดินทางติดต่อกันส่วนใหญ่ะเดินทางทางบก (ทางน้ำก็ได้แต่จะยากกว่า) แล้วต้องผ่านเขตแดนของจักรวรรดิเปอร์เซีย หรือช่วงเวลาคือ จักรวรรดิพาร์เธียน (Parthian Empire) เปอร์เซียจึงกลายเป็น ตลาดนัดเชื่อม ตะวันตกและตะวันออก ทำให้ได้กำไรจากการเป็นพ่อค้าคนกลางหรือเก็บภาษีค่าผ่านทาง ในการขนส่งสินค้า ผ่านคาราวาน หรือผ่านพ่อค้าชาวอินเดีย ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างสองดินแดนเหมือนกัน
2
เคยมีเหตุการณ์ที่จีนพยายามส่งราชฑูตไป แต่พอไปถึงเปอร์เซียก็ถูกขู่ ถูกหลอก จนต้องเดินทางกลับ ส่วนโรมันก็อาจจะเคยมีส่งฑูตไปจีนเหมือนกัน มีบันทึกว่าคณะทูตจาก อันตุน ซึ่งอาจจะมาจากพระนามของจักรพรรดิ Antoninus Pius หรืออาจจะเป็น Marcus Aurelius Antoninus แห่งโรมัน เดินทางมาถึงราชสำนักจีน หรืออาจจะเป็นแค่พ่อค้าชาวตะวันตกที่อ้างชื่อจักพรรดิ์ของโรมันมาใช้ ยังไงก็แล้วแต่สุดท้ายก็ไม่ได้นำไปสู่ความสัมพันธํที่จริงจังอะไร
2
ชาวจีนตอนที่เริ่มได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับอารยธรรมยิ่งใหญ่ที่อยู่ไกลโพ้นทางตะวันตก พวกเขาไม่รู้จักดินแดนในชื่อว่า “โรมัน” หรือ “โรม” ก็เลยตั้งชื่อเรียกอาณาจักรนี้ว่า “ต้าฉิน” แปลตรงตัวว่า “ฉินผู้ยิ่งใหญ่” ซึ่งค่อนข้างแปลก เพราะปกติราชวงศ์ฮั่นจะมองว่าตัวเองคือศูนย์กลางของโลก หรือ “จงกั๋ว” ส่วนอาณาจักรอื่น ๆ รอบนอกล้วนเป็นชนเผ่าที่ด้อยกว่า แต่การที่จีนยอมเรียกโรมว่า “ต้าฉิน” นั้น บอกให้เรารู้ว่าพวกเขาเห็นอาณาจักรโรมัน เทียบชั้นได้กับราชวงศ์ฉิน ซึ่งเป็นราชวงศ์แรกที่รวมจีนเป็นปึกแผ่นเมื่อสองร้อยปีก่อน
หรือเป็นการยอมรับว่าทางโลกทางตะวันตกอันไกลโพ้น ก็มีมหาอำนาจเช่นเดียวกับเรา
สินค้าที่จีนซื้อจากโรมันจะเป็นพวกแก้วจากโรมัน ซึ่งถือว่าเป็นหรูหราและเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งอย่างยิ่ง ทำให้เจ้าหน้าที่จีนบางคนเรียกจักรวรรดิโรมันว่า ดินแดนแห่งสมบัติ
1
แล้วโรมันคิดยังไงกับจีนบ้าง ? คำตอบคือ ไม่ค่อยชอบนัก
เหตุผลหนึ่งคือ ในบางช่วงเวลาอาณาจักรโรมันจะได้รับอิทธิพลจากแนวคิดแบบ Stoicism หรือจะเรียกว่าแนวคิดแบบนี้อินเทรนด์ ซึ่งมองว่า การบริโภคของฟุ่มเฟือย การใช้ของหรูหราเป็นความเสื่อมทรามและขัดต่อศีลธรรม ดังนั้นสินค้าหรูหรา ไฮโซจากจีน รวมถึงผ้าไหมจึงเป็นของที่ไม่ดี แล้วโรมันก็คุ้นเคยกับจีนมากที่สุดในมุมของการที่ จีนเป็นดินแดนที่ผลิตผ้าไหม ภาพลักษณ์ของจีนจึงไม่ค่อยดีนัก
หรืออีกตัวอย่างมากจากบันทึกของ Pliny the elder นักประวัติศาสตร์ชาวโรมันคนสำคัญที่บันทึกไว้ว่า โรมันมีการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยจากอินเดีย อาระเบีย และจีน (หรือที่โรมันเรียกว่า Seres ที่แปลว่าดินแดนผ้าไหม) มากเกินไปจนเงินตราไหลออกจากจักรวรรดิ์ และมองว่าผ้าไหมเป็นตัวการที่ทำให้สิ้นเปลือง
1
ทรัพยากรธรรมชาติของโรมัน เขายังโทษผู้หญิงโรมันว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจโรมันเสียเปรียบ
3
แล้วในปีค.ศ. 14 วุฒิสภาโรมันถึงกับออกกฎหมายห้ามผู้ชายสวมใส่ผ้าไหม แต่ก็คงเหมือนปัจจุบัน ยิ่งห้ามของยิ่งดูมีมูลค่ามากขึ้น ทำให้ความนิยมในผ้าไหมก็ยังคงดำเนินต่อไป แล้วเงินก็ยังไหลออกไปซื้อผ้าไหมจากจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันเราเห็นหลักฐานได้จากการพบเหรียญของโรมันจำนวนมาในอินเดีย
แล้วเวลาก็ผ่านไป อาณาจักรโรมันที่ยิ่งใหญ่ล่มสลายไป ชาวตะวันตกมีมหาอำนาจใหม่ๆ สลับขึ้นมาแทนที่หลายครั้ง จนมาถึงปัจจุบันที่เป็นคิวของ สหรัฐอเมริกา แต่ปัญหาระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออกก็ยังคล้ายๆ เดิม แค่เปลี่ยนฉากหลัง เปลี่ยนตัวละคร และเปลี่ยนภาษา คำถามคือ รอบนี้ใครจะอยู่หรือใครจะไป แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแน่ๆ คือ ไม่มีใครสามารถที่จะอยู่บนจุดสุดยอดได้ตลอดไปอย่างแน่นอน
2
ส่วนท้ายนี้ขอโฆษณาหนังสือหน่อยนะครับ ถ้าใครชอบเรื่องราวแนวความรู้แบบ นี้ อยากแนะนำให้อ่าน หนังสือที่ผมเขียนด้วย ปัจจุบันเขียนมาแล้ว 9 เล่ม สั่งซื้อหนังสือแบบร้านค้า official พิมพ์ค้นหา "Chatchapolbook" หรือกดที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
🧡 Shopee :
https://bit.ly/3Qwa9E7
💜 Lazada :
https://bit.ly/46JcT7X
💚 Line My Shop :
https://bit.ly/3FvsFav
42 บันทึก
57
2
24
42
57
2
24
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย