เมื่อวาน เวลา 04:12 • ข่าวรอบโลก

Volvo ไล่คน 3,000 ตำแหน่ง: เมื่อรถสวีดิชกลายเป็นเหยื่อสงครามเศรษฐกิจโลก

อยู่ๆ วันดีคืนดีเราก็เห็นข่าวว่า Volvo ไล่พนักงานออฟฟิศในสวีเดน 3,000 คน คำถามคือ—อะไรทำให้ค่ายรถหรูที่เคยเป็นไอดอลของความปลอดภัย (ขนาดชนเสาแล้วยังได้รางวัล) ต้องลงดาบคนทำงานขนาดนี้? เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟัง
เรื่องมันเริ่มจากตอนที่ Volvo โดน สภาพเศรษฐกิจโลกต่อยปาก ไปหลายดอก แล้วมันก็ไม่ได้ต่อยแบบอ่อนๆ แบบโดเรมอนผลักโนบิตะ แต่มาเป็นหมัดแบบ ไซตามะ One Punch Man เลยล่ะ
คือมันมีหลายปัจจัยมากที่รุมสกรัมบริษัทผลิตรถยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะบริษัทที่พยายามเปลี่ยนไปเป็นสายรถไฟฟ้า (EV) แล้วมันพลาดบ่อยกว่าเด็กสอบเลข:
ทรัมป์ (อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ) กดภาษีรถนำเข้า 25% ก็เหมือนโดนสั่งให้ขายของในตลาดนัด แต่คนต้องจ่ายค่าที่ขายเพิ่มเท่าตัว
ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น—ผลิตรถก็เหมือนทำโอมากาเสะ ต้องใช้ของดี แต่ตอนนี้แซลมอนโลกราคาแพงจนคนอยากกินปลากระป๋องแทน
ตลาดยุโรปขายไม่ออก—รถคือของฟุ่มเฟือย คนยุโรปตอนนี้ขอแค่มีข้าวกับน้ำกินก็พอ
ฝันอยากไป EV ล้มเหลวชั่วคราว—ปี 2021 เคยประกาศจะเป็นรถไฟฟ้าทั้งค่ายภายในปี 2030 แต่ปี 2024 ยอมรับเองว่าขอยืดเวลา เพราะ "สงครามภาษี" ทำให้ EV ไม่รุ่ง
Volvo เป็นหนึ่งในหลายๆ ค่ายที่ เจ็บตัวเพราะเปลี่ยนเร็วไปก่อนโลกจะพร้อม
เหมือนตอนเด็กเราใส่รองเท้านักเรียนแบบล้ำอนาคต แต่เพื่อนใส่แตะไปโรงเรียน พอครูให้ถอดรองเท้าเข้าไปในห้อง—กลายเป็นเราที่เปลืองเวลาแกะเชือกอยู่คนเดียว
สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่แค่เรื่องบริษัทขาดทุน แต่คือภาพรวมของอุตสาหกรรมรถที่ตอนนี้เหมือนเรือไททานิคกำลังหลบภูเขาน้ำแข็ง แต่พอหักหลบแรงเกินก็เจอ ภูเขาภาษี ภูเขาเงินเฟ้อ ภูเขาคู่แข่งจีน ติดๆ กัน
ทีนี้มาดู "การตัดหัวทิ้งเพื่อรักษาร่าง" ของ Volvo
CEO เขาบอกว่าเป็น "การตัดสินใจที่ยาก" แต่มันก็เหมือนอาแปะในสามก๊กที่ยอมฆ่าทหารตัวเอง เพื่อเอาใจแม่ทัพคนอื่น แล้วรอเวลาชิงอำนาจกลับมา—ดูโหดแต่ต้องทำ
3,000 คนที่โดนไล่ออก คือพนักงานออฟฟิศสาย white-collar (สายเอกสาร ประชุม ทำกราฟ พาวเวอร์พ้อยท์ ฯลฯ) ไม่ใช่พนักงานสายประกอบรถ ซึ่งบอกให้รู้ว่า AI และการจัดการต้นทุน กำลังแทนที่คนได้จริงๆ ไม่ได้โม้
อีกด้าน Nissan ก็เละไม่ต่างกัน
เลย์ออฟไปแล้วรวม 20,000 คนในปีเดียว ยิ่งกว่าโดน โนบิสุเกะ ไล่ออกจากบ้านไปอยู่กับซึเนโอะ สาเหตุก็เพราะยอดขายตกในจีน กับอเมริกาก็ต้องลดราคาจนเหมือนแจกฟรี
แต่ highlight ที่แสบสุดคือ BYD ค่ายรถจีนมารับมุกตลกร้ายนี้ ด้วยการประกาศลดราคารถไฟฟ้าหลายรุ่น เหมือนกับกดโปร 11.11 ตลอดทั้งปี เอาให้ Tesla ของ Elon Musk ร้องไห้ในห้องน้ำยังไม่พอ ยังดันขายดีกว่า Tesla ในยุโรปอีกในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
แล้วพอคิดๆ ดู มันก็เหมือนกับวรรณกรรมคลาสสิกอย่าง Les Misérables (เหยื่อผู้ถูกสังคมขยี้จนเกือบล้มละลาย) ที่พอเราเข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจ เราจะเห็นเลยว่า แรงงานไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่าย แต่มันคือหัวใจของการเปลี่ยนแปลง
หรืออย่างในสามก๊ก ตอนโจโฉฆ่าทหารที่หุงข้าวไม่ดี ก็ไม่ได้เพราะอยากประหาร แต่เพื่อความสงบของกองทัพ—Volvo เองก็กำลัง "หุงข้าวใหม่" เพื่อไม่ให้ทั้งบริษัทล่ม
มุมมองส่วนตัว
เราคิดว่า การเลย์ออฟครั้งนี้คือสัญญาณของยุคใหม่ที่บริษัททุกแห่งต้องระวัง ไม่ใช่แค่ใครจะมาแทนตำแหน่งเรา แต่คือโลกมันเปลี่ยนจนตำแหน่งนั้นอาจไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
ถ้าบริษัทคือยานอวกาศ คนงานคือเครื่องยนต์ และตอนนี้โลกเข้าสู่แรงโน้มถ่วงใหม่ บริษัทเลยต้องตัดบางส่วนทิ้ง เพื่อให้บินรอด—โหดนะ แต่ก็จริง
สุดท้าย ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกเครียดๆ อยากจะบอกว่า อย่าพึ่งหมดหวัง
โลกกำลังเปลี่ยนผ่าน และทุกคนต้องหา "ทักษะที่แทนไม่ได้ด้วย AI" ให้ได้
เพราะในยุคที่รถยนต์ยังบินไม่ได้ แต่ คนที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลง จะเป็นฝ่ายรอด
โฆษณา