27 พ.ค. เวลา 15:00 • ไลฟ์สไตล์

วิ่งให้เร็วที่สุด แต่ก็เหมือนหยุดอยู่ที่เดิม

เข้าใจ “The Red Queen Effect” ปลดล็อกชีวิตที่มั่งคั่งของคุณเอง เลิกกังวลว่า ‘ตามคนอื่นไม่ทันสักที’
👑 The Red Queen ตัวละครวรรณกรรม Alice in Wonderland (ตอน Through the Looking-Glass) ด้วยบุคคลิกแบบคนหัวร้อนและโมโหอยู่ตลอดเวลา อาจจะไม่ใช่ตัวละครในดวงใจของใครสักเท่าไหร่นัก
แต่เชื่อมีฉากหนึ่งที่น่าสนใจและเป็นบทเรียนที่สำคัญในชีวิตของเราไม่น้อย
🏃🏻‍♀️ ในการแข่งขันของ “ราชินีแดง” (Red Queen’s race) เป็นฉากหนึ่งในนิยาย ราชินีแดงและอลิซต้องวิ่งอย่างไม่หยุดหย่อน แต่กลับพบว่าตัวเองยังยืนอยู่ที่เดิม
“เอ่อ… ในประเทศของพวกเรา” อลิซพูดพลางหอบเล็กน้อย�“ถ้าวิ่งเร็วมากเป็นเวลานานอย่างที่เราทำกันอยู่ตอนนี้ ก็จะไปถึงที่อื่นได้สักที่หนึ่ง”
“ประเทศเนิบช้าน่าดู!” ราชินีตอบ “ที่นี่เธอต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้…เพื่อที่จะอยู่ที่เดิม�ถ้าอยากไปที่อื่น เธอต้องวิ่งให้เร็วกว่าเดิมอย่างน้อยสองเท่า!”
อ่านครั้งแรกอาจจะดูน่าขันดี แต่อ่านอีกรอบ...มันน่าคิดไม่น้อย
🔬 เกือบร้อยปีผ่านไป นักชีววิทยาชื่อ *Leigh Van Valen*
หยิบคำพูดนี้มาอธิบายกฎวิวัฒนาการใหม่ (1973) และเรียกมันว่า ‘The Red Queen Effect’
เขาอธิบายว่าสปีชีส์ต้อง “อัปเดตซอฟต์แวร์ตัวเอง” ตลอด เพราะนักล่าก็อัปเดตเหมือนกัน
หมายความว่า กวางวิ่งเร็วขึ้น → หมาป่าต้องวิ่งเร็วกว่า
วิ่งทั้งคู่ แต่ระยะห่างเท่าเดิม
🧠 ถ้าสังเกตดูแล้ว ชีวิตเราในปัจจุบันก็อาจจะไม่ต่างจากการแข่งขันของราชนีแดงสักเท่าไหร่นัก
ไม่ว่าเราจะวิ่งแข่งในชีวิตหนักแค่ไหน
จัดรูทีนตอนตื่นนอนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ทำ Timeboxing กับตารางชีวิตจนแทบบ้า
Pomodoro จับเวลาทำงานให้งานไหลลื่น
Cold Shower/Cold Bath แช่น้ำแข็ง
Life Hack จนไม่รู้จะ Hack อะไรแล้ว
เราก็ยังรู้สึกว่าชีวิตยังอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหนเลย
ยิ่งทำ ยิ่งเครียด ยิ่งไม่ทำเพิ่ม ยิ่งเครียดมากกว่าเดิม
1
⏳ แอน-ลอร์ เลอ กุนฟ์ (Anne-Laure Le Cunff) เป็นนักประสาทวิทยา อดีตผู้บริหารของ Google เขียนอธิบายเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ “Tiny Experiments” ของเธอว่าเหตุผลมันสิ่งที่เรียกว่า “Time Anxiety”
อธิบายง่ายๆ คือความรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับเวลาที่ผ่านไป อาจเป็นความรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วเกินไป ไม่พอต่อการทำสิ่งต่างๆ ความกังวลเกี่ยวกับการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ รู้สึกว่าเราวิ่งตามคนอื่นไม่ทันแล้วในชีวิตนี้
(บางครั้งอาจมีอาการของความวิตกกังวลเช่นใจเต้นเร็ว, เหงื่อออก, หรือหายใจไม่ออกด้วย)
ผมเชื่อว่าหลายคนเป็น...ผมก็เคยเป็น
เหตุผลหลักๆ แอน-ลอร์ อธิบายว่ารากของมันมีสาเหตุมาจากการ ‘เปรียบเทียบในสังคม’ (Social Comparison) ที่เกิดขึ้น
📱 นับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เปิดไถฟีด IG เห็นแต่คนไปเที่ยวสถานที่หรูๆ -> ทำไมฉันไม่ได้ไปบ้าง
เลื่อนไปดู TikTok เห็นพ่อแม่ที่สร้างเตียงนอนให้ลูกด้วยสองมือ -> แค่สอนการบ้านลูกยังท้อเลย
นั่งอ่าน FB มีแต่ข่าวคนประสบความสำเร็จ สร้างธุรกิจใหม่ -> นี่สิ้นเดือนเงินกินข้าวเหลือน้อยเต็มที
เล่น LinkedIn มีแต่โปรไฟล์เทพๆ สตาร์ตอัประดมทุนกันเป็นว่าเล่น -> เรซูเม่เราทำไมมันโล่งจังวะ
และอีกมากมาย
สมัยการเปรียบเทียบแบบนี้มีอยู่บ้าง แต่คนที่เราเปรียบเทียบด้วยก็จะเป็นแค่คนรอบตัวที่เรารู้จัก แต่ตอนนี้โซเชียลมีเดียทำให้เราสามารถเปรียบเทียบกับ ‘คนทั้งโลก’ เลยทีเดียว
และ...เอาจริงๆ มันเป็น ‘คนทั้งโลก’ ที่อัลกอริทึมเลือกมาแล้ว
เราจะไม่ค่อยเห็น (หรือแทบไม่เห็น) โพสต์ของคนธรรมดาทั่วไปหรอก
แต่คุณสามารถหลุดออกมาจากมันได้ครับ และขั้นตอนแรกคือตระหนักว่าเราเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่า “The Red Queen Effect” อยู่
และตรงนี้ ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมไหนที่ต้องแข่งกับคนอื่น จะมีคนวิ่งนำหน้าในเกมนั้นเสมอ
การจะหลุดออกมาจากเกม เราต้องรู้ก่อนว่าตัวเองอยู่ในเกม
🧩 และเมื่อรู้แล้ว แอน-ลอร์ บอกว่าให้ลองตั้งคำถามว่า
“ชีวิตเราจะหน้าตาเป็นยังไง ‘ถ้า’ มันไม่ต้อง ‘รีบเร่ง’ อยู่ตลอดเวลา?”
คำถามนี้ที่จริงปลดล็อกชีวิตผมหลายอย่างมาก ทำให้ความกังวลหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ความสำเร็จของผมเมื่อก่อนคือ ความร่ำรวยแบบมีเงินซื้อได้ทุกอย่าง การมีชื่อเสียง การเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม ฯลฯ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปมาก
ไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นไม่ดี แต่...มันไม่ใช่เป้าหมายหรือเกมที่ผมอยากจะเล่นอีกต่อไป
🎯 ความสำเร็จสำหรับผมตอนนี้คือ “ชีวิตที่มีความสุข”
ฟังดูกว้างและคลุมเครือ แต่อธิบายง่ายๆ คือชีวิตที่มีความสงบ ได้ทำงานที่รัก มีครอบครัวที่ดี สุขภาพที่แข็งแรง ได้กินของอร่อยๆ บ้าง ได้เที่ยวบ้าง ได้อ่านหนังสือที่ดี มีเวลาว่างไปออกกำลังกาย ได้ดูแลพ่อแม่ เล่นกับน้องหมา เสาร์อาทิตย์ทำงานอดิเรก ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทายความสามารถ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และที่สำคัญที่สุดอีกอย่างคือการได้นำเสนอเนื้อหาหรือความรู้ดีๆ ให้คนรอบตัวมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย
ความสำเร็จของผมไม่มีคำว่า ร่ำรวย ชื่อเสียง หรือหน้าตาในสังคมในนั้นอีกต่อไป
🔍 รามิตร เศรษฐี (Ramit Sethi) เศรษฐีร้อยล้านที่สร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเอง เจ้าของหนังสือขายดี “ผมจะสอนให้คุณรวย” (ติดหนังสือขายดีของ The New York Times ด้วย) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาทางการเงิน เรียกสิ่งนี้ว่า ‘Rich Life’ หรือชีวิตที่มั่งคั่งในแบบของคุณเอง
“แล้วชีวิตที่ร่ำรวยจริงๆ คืออะไรกันแน่? มันคือการใส่นาฬิกา Rolex และมีตู้โชว์เครื่องกระเบื้องหรือ? ไม่ใช่เลย!
ชีวิตที่ร่ำรวยคือชีวิตในอุดมคติของคุณ—ชีวิตที่คุณมองดูความสัมพันธ์ส่วนตัว การเงิน และวันธรรมดาๆ ของคุณแล้วพูดว่า "ว้าว!"
นั่นอาจจะเป็น:
- การไปรับลูกๆ จากโรงเรียนทุกวัน
- การซื้อเสื้อแคชเมียร์ราคา 1,000 ดอลลาร์
- การซื้อทุกอย่างที่คุณต้องการจาก Whole Foods โดยไม่ต้องกังวลเรื่องราคา
- การพาครอบครัวไปเที่ยวดิสนีย์แบบสุดพิเศษที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม
🎯 ชีวิตที่ร่ำรวยของคุณเป็นของคุณ ไม่ใช่ของพ่อแม่คุณ ไม่ใช่ของเพื่อนคุณ แม้แต่ของผมก็ไม่ใช่ มันเป็นของคุณ
มันคือชีวิตที่เต็มเปี่ยม ชีวิตที่ใช้อย่างตั้งใจ เชิงรุก และอุดมสมบูรณ์”
🚨 เราอยู่ในโลกที่วิ่งแข่งกับคนทั้งโลก เปรียบเทียบชีวิตกับคนที่ยิ่งกว่าที่สุดของที่สุด
เกมนี้เล่นแล้วโอกาสชนะแทบไม่มีเลย และถึงจะชนะ...เราจะชนะอีกนานแค่ไหน และต้องวิ่งเร็วเป็นสองเท่าไปอีกนานแค่ไหน...
ลองถามตัวเองดูครับว่า “ชีวิตเราจะหน้าตาเป็นยังไง ‘ถ้า’ มันไม่ต้อง ‘รีบเร่ง’ อยู่ตลอดเวลา?”
และแน่นอนไม่ต้องเป็นเหมือนชีวิตผมหรอก เพราะแต่ละคนมีเป้าหมายในชีวิตที่ต่างกันออกไป
Red Queen Effect กระซิบบอกเราว่า “ถ้าเธอหยุดหนึ่งวัน เธอตกรถไฟนะ”
ถ้าคุณยังเล่นเกมเดียวกับคนอื่น ไม่ว่าคุณจะเร็วเท่าไร จะมีคนเร็วกว่าเสมอ
อาจจะดีกว่า ถ้าคุณเปลี่ยนเกม เป็นเกมของตัวเอง ต่อให้เดินช้าสักหน่อย…คุณก็อาจเข้าเส้นชัยคนแรกได้
- โสภณ ศุภมั่งมี (บรรณาธิการ #aomMONEY )
#MakeRichGeneration #การเงินส่วนบุคคล #แนวทางการจัดการชีวิต #RamitSethi #RedQueenEffect
โฆษณา