27 พ.ค. เวลา 14:30 • กีฬา

ขุนศึกเล็ก ยอดมวย 4 สถาบัน ผู้เดินตามความฝัน บูมเด็กเซียน

ในโลกของผืนผ้าใบและเสียงเชียร์ บางครั้งเราก็ได้เห็นเรื่องราวที่ไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการเดินทางของคนหนุ่มคนหนึ่งที่แบกความฝันและความคาดหวังไว้บนบ่า ขุนศึกเล็ก บูมเด็กเซียน พี่ชายแห่ง แฝดกระนวน คือชื่อที่เราอยากจะแนะนำและมองให้ลึกลงไปกว่าแค่ผลแพ้ชนะในสนาม
วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม 2568 ที่เวทีมวยราชดำเนินอันเก่าแก่ ภาพของขุนศึกเล็กที่ใช้ศอกซ้ายปิดบัญชี "เหนือพยัคฆ์ ว.สังข์ประไพ" ในยกที่สาม ป้องกันแชมป์ราชดำเนิน รุ่นแบนตัมเวต (118 ปอนด์) ในรายการ RWS - Rajadamnern World Series ได้สำเร็จ คงเป็นภาพจำที่แฟนมวยหลายคนประทับใจ มันไม่ใช่แค่ชัยชนะแบบน็อกเอาท์ที่สวยงาม แต่มันคือการยืนยันในเส้นทางที่เขาและทีมงานเลือกเดิน
ปี 2567 ที่ผ่านมาอาจเรียกได้ว่าเป็นปีที่แสงสปอตไลท์สาดส่องมาที่เด็กหนุ่มคนนี้อย่างเต็มที่ การได้รับรางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยมถึง 4 สถาบันได้แก่
1.) นักมวยไทยยอดเยี่ยมของ กกท. ประจำปี 2567
2.) นักมวยยอดเยี่ยมแห่งปีของสนามมวยราชดำเนิน ประจำปี 2567
3.) นักมวยไทยแห่งปี วันเชิดชูเกียรติบุคคลวงการมวย ประจำปี 2567
4.) นักมวยไทยอาชีพยอดเยี่ยม ของ สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย ประจำปี 2567
ภายใต้การดูแลของ "บูม อภิปรัชญ์ เลิศรักษ์ชีวกุล" หัวหน้าค่ายบูมเด็กเซียน ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันคือผลผลิตของพรสวรรค์ ความมุ่งมั่น และวินัยในการฝึกซ้อมอย่างหนัก รวมถึงการเลือกเส้นทางของ บูม ผู้ปลุกปั้น
หลายคนอาจตั้งคำถามว่า เมื่อเก่งกาจขนาดนี้ ทำไมขุนศึกเล็กจึงยังไม่มุ่งหน้าสู่เวทีระดับโลกอย่าง ONE Championship อย่างเต็มตัว ทั้งที่เคยไปชิมลางและคว้าชัยชนะมาแล้วถึง 3 ครั้ง คำตอบจากคุณบูม Boom Apiprat ผู้เป็นทั้งหัวหน้าค่ายและผู้มองการณ์ไกล อาจทำให้เราเห็นภาพที่ชัดขึ้น
การเลือกให้ขุนศึกเล็กสั่งสมกระดูกและประสบการณ์ในกติการูปแบบมวยไทย 5 ยกของ RWS ในช่วงเวลานี้ คือการบ่มเพาะอย่างใจเย็น เพื่อรอวันที่เขาจะแข็งแกร่งเต็มที่ทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงทางเลือกที่หากชกในรายการ 3 ชก ก็จะไม่ถูกนับในสถิติของการมอบรางวัล ยอดมวย อีกด้วย
เรื่องของ "พิกัดน้ำหนัก" ก็เป็นอีกปัจจัยที่น่าสนใจ การเป็นแชมป์ในรุ่น 118 ปอนด์ของราชดำเนิน ทำให้การขยับขึ้นไปรุ่นสตรอว์เวต (125 ปอนด์) ของ ONE ซึ่งมีนักชกอย่างพระจันทร์ฉายครองบัลลังก์อยู่ เป็นเรื่องที่ต้องคิดหนัก หรือการจะลดลงไปรุ่นอะตอมเวต (115 ปอนด์) ก็อาจส่งผลต่อพละกำลังตามธรรมชาติ การเลือกที่จะยืนหยัดและสร้างความยิ่งใหญ่ในพิกัดที่ตัวเองทำได้ดีที่สุดในปัจจุบัน จึงอาจเป็นทางเลือกที่ฉลาดและรอบคอบ
ณ วันนี้เป้าหมายที่ทีมงานวางไว้ ไม่ใช่แค่การป้องกันแชมป์ RWS ให้นานที่สุด แต่ยังรวมถึงการรักษามาตรฐาน "ยอดมวย 4 สถาบัน" นั้นไว้ สิ่งเหล่านี้คือแรงผลักดันให้ขุนศึกเล็กต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และชัยชนะแต่ละครั้ง ก็อาจหมายถึงโอกาสในการได้รับเงินรางวัลในการแข่งศึก SUPER FIGHT ของ RWS ที่มีมูลค่าสูงถึงหนึ่งล้านบาท ซึ่งเจ้าตัวก็รับมาแล้วหลายครั้ง
โลกของนักสู้และสังเวียนมวยไทย ไม่ได้มีเพียงเส้นทางเดียว การเลือกเดินในเส้นทางที่เหมาะสมกับตัวเองในแต่ละช่วงเวลา อาจสำคัญกว่าการรีบร้อนไปสู่จุดหมายที่คนอื่นคาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นเวที RWS หรือ ONE Championship ทุกเวทีล้วนมีคุณค่าในการส่งเสริมศิลปะมวยไทย
วันนี้การคู่ชกให้กับยอดมวยอย่าง ขุนศึกเล็ก สู้ได้สู้สีเองก็เป็นโจทย์ใหญ่สำคัญของรายการ เพราะแม้แต่ล่าสุด โปรเดียร์ แห่งค่ายเกียรติเพชร ยังออกมาเขียนเองว่า ตอนนี้ทางฝั่งเกียรติเพช ก็หมดตัวสู้ ขุนศึกเล็ก แล้วเช่นกัน
ในขณะที่แฟนๆเองก็คิดว่ายังมีอีก 2 ชื่อในสายนี้ที่พอจะมาชิงแชมป์เส้นนี้ได้นั่นคือ เจริญสุข บุญลานนามวยไทย นักชกสไตล์บู๊ดุดันแห่งแดนเหนือ และ ฉลามดำ นายกเอท่าศาลา นักชกสไตล์ฝีมือ ที่น่าชิงจังหวะกันได้ และทางเสี่ยบูม ก็พร้อมตอบรับหากทางรายการส่งใครมาก็ไม่หวั่น ในพิกัดนี้ ขุนศึกเล็ก ไม่กลัวใคร
และหากสุดท้ายแล้ว เมื่อเวลาสุกงอมก็เชื่อเหลือเกินว่า ขุนศึกเล็ก เจ้าของสถิติไร้พ่าย 41 ไฟท์ จะได้เจอกับคู่มวยในฝันอย่าง นาดากะ หรือ พระจันทร์ฉาย เชื่อว่าวันนั้นสนามแตกแน่นอน แล้วสำหรับแฟนเพจ Thai Mma Club ช่วยบอกแอดธีหน่อยครับว่า ใครคือนักมวยที่คุณอยากให้สู้กับ ขุนศึกเล็ก มากที่สุด
#ขุนศึกเล็ก #บูมเด็กเซียน #RWS #ยอดมวย4สถาบัน #มวยไทย #ONEChampionship #THAIMMACLUB
หากคุณชื่นชอบเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ และอยากติดตามเส้นทางของนักสู้ไทย อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ และติดตามเพจ THAI MMA CLUB นะครับ
โฆษณา