28 พ.ค. เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

"คมนาคม" ชิงเค้กงบกระตุ้นศก.1.57แสนล้าน ทางหลวง นำโด่งหมื่นล้าน

  • “คมนาคม” ชิงเค้กงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท
  • กรมทางหลวงนำโด่ง ของบ 1 หมื่นล้าน
  • รฟท.ลุย 123 โครงการ 2.7 พันล้าน รฟม.ไม่น้อยหน้า เล็งชดเชยรายได้เอกชนรถไฟฟ้า 3 สาย 7 วัน เซ่นมาตรการฝุ่น PM 2.5
  • “สุริยะ”ขีดเส้น 28 พ.ค. นี้
  • ด้านรับเหมาขานรับ-ขอพุ่งเป้าชัดเจน
เศรษฐกิจโลกผัวผวน เศรษฐกิจในประเทศอ่อนแอ ภาคส่งออก และท่องเที่ยวที่เคยเป็นความหวัง กลับมีอาการไม่ค่อยสู้ดี โดยมีผลพวงมาจาก สงครามทางการค้า กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา ดังนั้นรัฐบาลต้องมีหมากเด็ดรับมือ ในช่วงครึ่งปีหลัง จึงนำมาซึ่ง มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)การโยกงบประมาณ ปี2568 จาก โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต
สู่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท อัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจฐานราก 4 โครงการหลัก ได้แก่ 1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำและคมนาคม 2.การส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว 3.การลดผลกระทบต่อการส่งออกตลอดจนการเพิ่มผลิตภาพ และ4.การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน
พร้อมทั้งมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอแผนขอจัดสรรงบประมาณลงทุนโครงการขนาดเล็กก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน6เดือนหรือไม่เกิน1ปีเพื่อให้เกิดการจ้างงาน การจับจ่าย ซื้อวัสดุก่อสร้าง การบริโภคหมุนเวียนในชุมชน โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม มีบทบาทสำคัญ เกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีโครงการที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ เช่น
โครงการขยายถนนและบำรุงรักษาทางของกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ที่จะเสนอโครงการเกี่ยวข้องกับการขยายเส้นทางคมนาคม ปรับปรุงถนนต่างๆให้ได้มาตรฐาน ตลอดจนการบำรุงรักษาโครงข่ายถนนที่มีอยู่เดิม
รวมถึงแก้ไขปัญหาจุดตัดระหว่างทางรถไฟและถนนเสมอระดับ ถือเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณจุดตัดทางรถไฟ ที่มีความสำคัญต่อการขนส่งสินค้าและการเดินทาง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ให้เช็กความพร้อมโครงการต่างๆ เนื่องจากกรมฯมีทั้งโครงการขยายถนนและโครงการใหม่ หรือโครงการอื่น ๆ ที่มีความพร้อมในการดำเนินการ ซึ่งเป็นโครงการที่ถูกตัดงบประมาณปี 2568 และงบประมาณปี 2569
“ปัจจุบันได้กำหนดให้ทั้ง 2 หน่วยงาน รายงานกลับมาที่กระทรวงภายในวันที่ 28 พ.ค.นี้ จากนั้นจะส่งให้คณะกรรมการฯที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป โดยทราบว่ากรอบวงเงินรวมประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ คมนาคม การท่องเที่ยว และเกษตร” นายสุริยะ กล่าว
แหล่งข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ขณะนี้เพิ่งได้รับทราบข้อมูลไม่นาน ซึ่งกรมฯมีหลายโครงการที่สามารถดำเนินการได้ เช่น โครงการขยายถนน โครงการบำรุงทาง
ทั้งนี้จะต้องดูรายละเอียดหลักเกณฑ์ของกรอบวงเงินดังกล่าวที่จะนำมาใช้ก่อนว่ามีโครงการใดเข้าข่ายบ้าง อย่างไรก็ดีในปัจจุบันกรมทางหลวงอยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดแต่ละโครงการและงบประมาณเพื่อเสนอต่อกระทรวงคมนาคม ซึ่งตามแผนกำหนดให้กรมส่งรายละเอียดเพิ่มเติมภายในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 พิจารณา คาดว่าจากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจะขอรับจัดสรรงบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท ประมาณ 100 โครงการ
ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาก่อนหลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนคณะกรรมการพิจารณาดำเนินโครงการต่อไป
เช่นเดียวกับแหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ปัจจุบันรฟท.ได้ส่งข้อมูลรายละเอียดโครงการต่างๆและงบประมาณต่อกระทรวงคมนาคมแล้วเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา เบื้องต้น รฟท.ขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.5 แสนล้านบาท วงเงิน 2,720 ล้านบาท จำนวน 123 โครงการ เช่น โครงการก่อสร้างและปรับปรุงลานเก็บกองตู้คอนเทนเนอร์ จังหวัดระยองและจังหวัดราชบุรี วงเงิน 104 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงรั้ว 2 ข้างทางรถไฟ วงเงิน 24 ล้านบาท โครงการปรับปรุงสถานีรถไฟ วงเงิน 29 ล้านบาท โครงการแก้ไขผลกระทบจากเหตุอุทกภัยและภัยพิบัติวงเงิน 343 ล้านบาท
โครงการซ่อมปรับปรุงอุปกรณ์ระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม วงเงิน 1,217 ล้านบาท งานศึกษาความเหมาะสมโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายแพร่-น่าน จังหวัดน่าน ระยะทาง 253 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 65 ล้านบาท ฯลฯ
แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ขณะนี้ รฟม.ยังไม่ทราบข้อมูลแต่เบื้องต้นหากรฟม.จะต้องขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะนำงบประมาณมาดำเนิน ประมาณ 3 โครงการ ดังนี้
1.ค่าชดเชยรายได้ให้กับเอกชนผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน,รถไฟฟ้าสายสีชมพูและ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง วงเงิน 100 ล้านบาท เนื่องจากเป็นมาตรการของภาครัฐที่มอบหมายให้ทางกระทรวงคมนาคมเปิดให้บริการรถไฟฟ้าฟรี 7 วันเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5
2.ค่าจัดกรรมสิทธิ์เวนคืนที่ดินในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) บางส่วน ตามแผนทั้งโครงการจะใช้งบประมาณค่าเวนคืนที่ดิน 14,661 ล้านบาท
3.ค่าจัดกรรมสิทธิ์เวนคืนที่ดินในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ช่วงเตาปูน- ราษฎร์บูรณะ ตามแผนทั้งโครงการจะใช้งบประมาณค่าเวนคืนที่ดิน 15,913 ล้านบาท
นายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง อุปนายก สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มองว่าการจัดทำแผนลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเรื่องจำเป็นในยามประเทศอยู่ในภาวะไม่ปกติและจะเห็นได้ชัดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะผลกระทบจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ
ในทางกลับกัน การกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้นอกจากเป็นวงเงินที่ไม่สูงแล้วยังเป็นเบี้ยหัวแตก เพราะเปิดให้ทุกส่วนราชการ งบประมาณและโครงการ ทำให้ เห็นประโยชน์ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และเกรงว่าเม็ดเงินที่ได้จะตกถึงระบบฐานรากไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยมองว่า ตามข้อเท็จจริง
รัฐบาลต้องทุ่มเม็ดเงินพุ่งเป้าไปที่คลัสเตอร์ที่เปราะบางที่สุด เช่นธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ขาดสภาพคล่อง เพื่อให้ธุรกิจดังกล่าวได้เงินเติมและเดินได้ต่อ เนื่องจากวงเงินที่มีไม่สูงหากเทียบกับ
สำหรับผู้รับเหมาจะได้ประโยชน์หรือไม่มองว่าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแต่ ในทางกลับกัน ต้องการให้รัฐบาล ช่วยสนับสนุน ให้กลุ่มรับเหมารายเล็กที่รับงานและขาดสภาพคล่องสามารถเดินต่อได้
โฆษณา