29 พ.ค. เวลา 01:12 • อาหาร

พระพุทธเจ้าทรงโปรด พระเจ้าปเสนทิโกศล..มิให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

หัวใจเปรต "ทุ สะ นะ โส"
ที่มาของคาถาทุ สะ นะ โส มาจากคัมภีร์ธัมมปฐกถา อรรถกถาแห่งขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ 5 เรื่องของพระเจ้าปเสนทิโกศล
.
ครั้งหนึ่งระหว่างที่ทรงบรรทมหลับแล้วทรงสุบินคือฝันว่าได้ยินเสียงเปรตร้องส่งเสียงดักกึกก้องว่า "ทุ สะ นะ โส" พระองค์ตกพระทัยสะดุ้งตื่นจากบรรทมจึงรับสั่งให้ไปตามพราหมณ์ปุโรหิตมาเฝ้าทำนายฝันพราหมณ์ปุโรหิตพวกนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ต่างทูลว่า จักเป็นลางร้ายต่อราชสมบัติของพระองค์ พวกเขากราบทูลพระเจ้าปเสนทิโกศลว่าต้องทำบูชายัญด้วยการฆ่าม้า ช้าง แกะ แพะ อย่างละ 500 ตัว รวมทั้งฆ่ามนุษย์ที่เป็นทาสอีก 500 คนด้วย
พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ทรงเชื่อคำพราหมณ์ปุโรหิต แล้วรับสั่งให้จับคนและสัตว์เหล่านั้นมากักขังไว้เพื่อเตรียมฆ่าบูชายัญ ทำให้มีเสียงร่ำไห้ร้องระงมไปทั่ว ทั้งพ่อแม่ที่จะต้องพลัดพรากจากลูก ญาติ ๆ ที่จะต้องเ็นคนที่รักจะถูกสังเวยชีวิต
ขณะนั้น พระนางมัลลิกาได้ยินเสียงร้องทั่วทั้งเมืองจึงทูลถามพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า เสียงอะไรอึกทึกคึกโครม ? พระเจ้าปเสนทิโกศลก็อธิบายว่า พระองค์กำลังเคราะห์ร้าย ทรงได้ยินเสียงเปรตนรกพูดว่า "ทุ สะ นะ โส" ต้องฆ่าสัตว์บูชายัญอย่างละ 500 พระนางมัลลิกาตำหนิพระสวามีว่า ข้าแต่มหาราช พระองค์เป็นคนอันธพาล ... พระองค์ทรงราชย์ในแคว้นทั้งสอง ก็จริง แต่พระปัญญาของพระองค์ยังเขลา
พระนางมัลลิกาจึงพาพระเจ้าปเสนทิโกศลไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ด้วยพระอุปายะของพระองค์จึงทรงแสดงนิทานอันเป็นความหมายของคำว่า "ทุ สะ นะ โส"
.
ในอดีตกาลนานมาแล้ว เมื่อมนุษย์มีอายุ 20,000 ปี ในยุคของพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระกัสสปะ ขณะที่พระองค์และพระอรหันต์ 20,000 รูปเสด็จจาริกมาถึงกรุงพาราณสี ชาวเมืองได้ร่วมกันถวายทาน
ในเวลานั้น มีบุตรเศรษฐี 4 คนในกรุงพาราณสี แต่ละคนมีทรัพย์ 40 โกฏิ ทั้งหมดเป็นสหายกัน พวกเขาปรึกษาหารือกันว่าจะนำทรัพย์จำนวนมากไปทำอะไร แต่แทนที่จะคิดถึงการทำบุญ ถวายทาน หรือรักษาศีล พวกเขากลับมีความเห็นที่แตกต่างกันไปในการใช้ชีวิต:
คนที่ 1 เสนอให้ดื่มสุราอย่างหนักและกินเนื้อรสเลิศ เพื่อให้ชีวิตมีความสุข
คนที่ 2 เสนอให้บริโภคข้าวหอมที่เก็บไว้ 3 ปี พร้อมด้วยรสเลิศต่างๆ
คนที่ 3 เสนอให้กินของขบเคี้ยวแปลกๆ หลากหลายชนิด
คนที่ 4 เสนอว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เพราะผู้หญิงทุกคนย่อมปรารถนาทรัพย์ ดังนั้นควรนำทรัพย์ไปบำเรอหญิงงามและประพฤติผิดในภรรยาผู้อื่น (ปรทาริกกรรม)
เศรษฐีบุตรทุกคนเห็นด้วยกับความคิดของคนที่ 4 และหลังจากนั้น พวกเขาก็ใช้ทรัพย์บำเรอหญิงงามและกระทำปรทาริกกรรมตลอด 20,000 ปี จนกระทั่งเสียชีวิตลงและไปบังเกิดใน อเวจีมหานรก
หลังจากไหม้อยู่ในอเวจีมหานรกเป็นเวลา 1 พุทธันดร ด้วยเศษกรรมที่เหลืออยู่ พวกเขาก็มาเกิดใน โลหกุมภีนรก ซึ่งลึก 60 โยชน์ โดยต้องจมลงไปก้นนรกใช้เวลา 30,000 ปี และลอยขึ้นมาถึงปากหม้ออีก 30,000 ปี เมื่อลอยขึ้นมาถึงปากหม้อ แต่ละคนพยายามจะเปล่งคาถาที่ตนอยากจะกล่าว แต่ก็ทำได้เพียงเปล่งออกมาคนละหนึ่งพยางค์แล้วก็จมกลับลงไปสู่ก้นหม้ออีกครั้ง
เรื่องราวนี้จบลงตรงที่พระราชาได้ยินเสียงเพียงพยางค์แรกว่า "ทุ" พระองค์ก็อธิบายเป็นลำดับว่า
.
"ทุ" -ชฺชีวิตมชีวิมฺหา
เยสนฺโน น ททามฺห เส
วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ
ทีปํ นากมฺห อตฺตโนติ ฯ
เราทั้งหลายเหล่าใด เมื่อโภคะทั้งหลายมีอยู่ ไม่ได้ถวายทาน, ไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน, พวกเราเหล่านั้น จัดว่ามีชีวิตอยู่ชั่วช้าแล้ว
"ส" -ฏฺฐี วสฺสสหสฺสานิ
ปริปุณฺณานิ สพฺพโส
นิรเย ปจฺจมานานํ
กทา อนฺโต ภวิสฺสติ
เมื่อเราทั้งหลาย ถูกไฟไหม้อยู่ในนรกครบ 6 หมื่นปี โดยประการทั้งปวง, เมื่อไร ที่สุดจักปรากฏ?
"น" -ตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต
น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ
ตทา หิ ปกตํ ปาปํ
มม ตุยฺหญฺจ มาริสา ฯ
ผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ที่สุดย่อมไม่มี, ที่สุดจักมีแต่ที่ไหน? ที่สุดจะไม่ปรากฏ เพราะว่ากรรมชั่ว อันเราและท่านได้กระทำไว้แล้วในกาลนั้น
"โส" -หํ นูน อิโต คนฺตฺวา
โยนึ ลทฺธาน มานุสึ
วทญฺญู สีลสมฺปนฺโน
กาหามิ กุสลํ พหุนฺติ ฯ
เรานั้นไปจากที่นี่แล้ว ได้กำเนิดเป็นมนุษย์ จักเป็นผู้รู้ ถ้อยคำที่ยาจกกล่าว ถึงพร้อมด้วยศีล ทำกุศลให้มากแน่
.
หลังจากที่พระราชาได้ฟังแล้วเกิดสำนึก ก็ทรงถวายอภิวาทพระศาสดาแล้ว พระองค์ก็เสด็จกลับและมีรับสั่งให้ปล่อยสัตว์ และคนที่ถูกจองจำทั้งหมด บรรดาผู้คนทั้งหญิงและชายที่ได้รับการปล่อยตัว ต่างพากันไปชำระร่างกายให้สะอาด แล้วกลับไปบ้านของตน พร้อมทั้งกล่าวสรรเสริญพระคุณของพระนางมัลลิกา
โฆษณา