28 พ.ค. เวลา 06:48 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

intergrate flight​ test​9️⃣ 🚀 ทะยานสู่ห้วงอวกาศ ก่อนปิดฉากกลางมหาสมุทรอินเดีย

Starship 35
Super Heavy​ Booster 14
ℹ️ ‼️ขี้เกียจ​อ่านเลื่อนไปสรุปตอนท้ายได้เลย
SpaceX ได้ทดสอบ Starshipเป็นระบบจรวดที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นครั้งที่ 9 แบบไร้มนุษย์
ภารกิจนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากเที่ยวบินที่ 7 เมื่อเดือนมกราคม และเที่ยวบินที่ 8 ในเดือนมีนาคม จบลงด้วยการระเบิดของ Starship บน หลังบินไปได้เพียงไม่กี่นาที ส่งผลให้เศษซากตกใกล้ชายฝั่งฟลอริดา
แม้จะมีอุปสรรค แต่ Starship ยังเป็นหัวใจสำคัญ
ในแผนการของ NASA ที่จะส่งมนุษย์กลับไปเหยียบดวงจันทร์ในทศวรรษนี้ และยังเป็นยานต้นแบบที่
อีลอน มัสก์ ตั้งเป้าจะใช้เดินทางพามนุษย์ไปดาวอังคารในอนาคต
(การผจญภัยสู่ดาวแดง: มนุษยชาติจะพิชิตดาวอังคารได้ทันปี 2035 หรือไม่🧑‍🚀🧑‍🚀)​
🕕 0️⃣6️⃣▪️0️⃣0️⃣
อัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับ Starship
SpaceX ยืนยันแล้วว่าได้อนุญาตให้เริ่มเติมเชื้อเพลิงให้กับยาน Starship และจรวด Super Heavy เป็นสัญญาณว่าสภาพอากาศเอื้ออำนวย และตัวจรวดยังไม่พบปัญหาใหญ่ที่ต้องกังวล
SpaceX กำลังพัฒนา Starshipรุ่นปรับปรุงใหม่
หลังจากปี 2024 ทำการบินทดสอบได้ค่อนข้างสำเร็จ 3 ครั้ง แต่พอเข้าสู่ปี 2025 ก็เจออุปสรรค โดยเที่ยวบินที่ 7 และ 8 ต่างเกิดระเบิดกลางอากาศหลังปล่อยไม่ถึง 10 นาที
สาเหตุหนึ่งอาจมาจากการเปิดตัว Starship รุ่นใหม่ตั้งแต่เที่ยวบินที่ 7 มึการเปลี่ยนแปลงหลายจุด
ทั้งเพิ่มขนาดถังเชื้อเพลิง 25% ติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ควบคุมใหม่ทั้งหมด รวมถึงปรับระบบต่างๆ เช่น ท่อส่งเชื้อเพลิง การควบคุมอุณหภูมิ​ Propellant (เชื้อเพลิงเหลวกับสารช่วยเผาไหม้ที่อยู่ในถังของจรวด)​
และติดตั้งระบบ “purge” ด้วยไนโตรเจนเป่าล้างหรือขจัดเชื้อเพลิงเหลวที่อาจรั่วหรือค้างอยู่ตามท่อและระบบต่างๆ ก่อน-หลังการบินเพื่อลดโอกาสเกิดการรั่วไหล นอกจากนี้ยังเสริมความแน่นของข้อต่อต่างๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
สำหรับเที่ยวบินวันนี้ แม้ Starship จะไปได้ไกลขึ้นจนถึงมหาสมุทรอินเดีย SpaceX ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะนำยานลงจอดอย่างสมบูรณ์ เพราะได้ถอดแผ่นกันความร้อนบางส่วนออก เพื่อทดสอบว่าโครงสร้างจะทนได้แค่ไหนก่อนพัง เพื่อเก็บข้อมูลไปปรับปรุงในการพัฒนารุ่นถัดไป
🕕 0️⃣6️⃣▪️3️⃣6️⃣
Lift off​ 🚀
ปล่อยยาน! Starship ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
นาฬิกานับถอยหลังหยุดที่ศูนย์ เครื่องยนต์ทั้ง 33 ตัวของจรวดเสริม Super Heavy จุดติดพร้อมเสียงคำราม ยาน Starship ทะยานสู่ห้วงอวกาศ
อย่างสง่างาม
Super Heavy จะทำงานอยู่ราว 2 นาทีครึ่ง ก่อนแยกตัวออก ปล่อยให้ Starship ลำบน จุดเครื่องยนต์ 6 ตัวของตัวเองและเดินทางต่อไป
Starship ผ่าน “Max Q” สำเร็จ
ยานและจรวดเสริมสามารถผ่านจุด Max Q ได้สำเร็จ เป็นช่วงที่ยานอวกาศต้องเผชิญแรงกดดันจากชั้นบรรยากาศสูงที่สุด ขณะเร่งความเร็วทะลุอากาศหนาแน่น การผ่านจุดนี้ได้อย่างปลอดภัยถือเป็นช่วงหัวใจสำคัญของการปล่อยจรวดทุกเที่ยวบิน
0️⃣6️⃣▪️4️⃣0️⃣
Starship แยกตัวออกจาก Super Heavy
ยาน Starship และจรวดเสริม Super Heavy เพิ่งผ่านช่วงเวลาสำคัญของภารกิจ นั่นคือ
การแยกขั้น (Stage Separation)
ขั้นตอนนี้เกิดขึ้นเมื่อ Super Heavy ปิดเครื่องยนต์เกือบทั้งหมดในช่วงที่MECO (Main Engine Cutoff หลังจากใช้เชื้อเพลิงไปเกือบหมด
จากนั้น Starship จุดเครื่องยนต์ของตัวเอง
และพุ่งตัวแยกออกจากจรวดเสริมด้วยวิธีที่เรียกว่า Hot Staging เป็นเทคนิคการใช้แรงผลักดันจากเครื่องยนต์ของ Starship ดันตัวเองให้หลุดออกจาก Super Heavy โดยตรง เป็นช่วงที่ต้องควบคุมอย่างแม่นยำและสำคัญมากในการปล่อยจรวด
0️⃣6️⃣▪️4️⃣5️⃣
SpaceX ยืนยันว่าเครื่องยนต์ทั้ง 6 ตัวของ Starship ทำงานได้ตามแผน ขณะเดียวกัน บูสเตอร์ Super Heavy ก็พลิกตัวได้สำเร็จ และกำลังดำเนินการทดสอบขั้นตอนต่างๆ เพื่อหาวิธีจัดท่าลงจอดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
สำหรับเที่ยวบินนี้ Super Heavy ทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วตามแผน โดยสิ้นสุดด้วยการตกลงสู่มหาสมุทร ซึ่งก่อนลงจอด ได้ทำการจุดเครื่องยนต์เพียง 13 ตัวจากทั้งหมด 33​ เครื่องยนต์​ ใช้เพียง 2 ใน 3 เป็นการจำลองสถานการณ์ขัดข้องเพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมของจรวดในสถานการณ์
ที่ไม่สมบูรณ์แบบ
การลงจอดแบบควบคุมได้โดยสมบูรณ์ไม่ได้เป็น
เป้าหมายในครั้งนี้ โดย SpaceX ยืนยันว่าบูสเตอร์ Super Heavy ได้สูญเสียการติดต่อไปก่อนถึงผิวน้ำ และสิ้นสุดภารกิจลงเรียบร้อย ส่วนภาพรวมของภารกิจจนถึงขณะนี้เป็นไปตามแผนที่วางไว้
0️⃣6️⃣▪️5️⃣5️⃣
Starship เดินทางได้ไกลกว่า
ภารกิจครั้งก่อน
เสียงเฮดังขึ้นจากทีมงาน SpaceX เมื่อศูนย์ควบคุมภารกิจประกาศว่า Starship ปิดเครื่องยนต์ทั้ง 6 ตัวได้เรียบร้อย และยานยังคงอยู่ในเส้นทางการบินตามแผน ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะเที่ยวบินนี้ Starship เดินทางได้ไกลกว่าการทดสอบ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ในปี 2025 แล้ว
Starship ลำนี้ยังเป็นรุ่นปรับปรุงใหม่ที่ต่างจากรุ่นที่เคยบินสำเร็จในปี 2024 โดยตัวลำใหญ่ขึ้น เพิ่มขนาดถังเชื้อเพลิง และมีการปรับปรุงระบบต่างๆ หลายอย่าง
ยังมีบททดสอบสำคัญรออยู่
แม้ Starship จะลอยตัวในอวกาศได้อย่างปลอดภัยแล้ว แต่ยังมีขั้นตอนทดสอบสำคัญอีกหลายอย่างที่ต้องทำต่อไป เช่น การปล่อยดาวเทียมจำลองในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า และการจุดเครื่องยนต์ใหม่อีกครั้งในช่วงประมาณ 40 นาทีหลังจากปล่อยยาน
ท้ายที่สุด Starship ต้องเผชิญบททดสอบใหญ่
นั่นคือการพุ่งกลับสู่ชั้นบรรยากาศโลก เป็นช่วงที่อันตรายมากสำหรับยานอวกาศทุกลำ ยิ่งไปกว่านั้นเที่ยวบินนี้ SpaceX ตั้งใจถอดแผ่นกันความร้อน
บางส่วนออกจากตัวยานเพื่อทดสอบความทนทานของโครงสร้างในสถานการณ์เสี่ยง ทำให้ยังไม่แน่ใจว่ายานจะทนผ่านบรรยากาศลงสู่มหาสมุทรอินเดียได้หรือไม่
เป็นภารกิจทดสอบครั้งสำคัญที่ช่วยให้ SpaceX
เก็บข้อมูลจริงเพื่อพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
0️⃣7️⃣▪️0️⃣5️⃣
Starship​ ไม่สามารถ
ปล่อยดาวเทียมจำลองได้
ในการทดสอบครั้งนี้ SpaceX พบว่า ประตูฝาด้านข้างของยาน Starship ไม่สามารถเปิดได้จนสุด
ตามแผน ส่งผลให้ไม่สามารถปล่อยดาวเทียมจำลองที่บรรทุกมาบนเที่ยวบินนี้ได้
เดิมที Starship มีกำหนดจะเปิดประตูเพื่อปล่อยดาวเทียมจำลองจำนวน 8 ดวง ออกแบบมาเพื่อเลียนแบบดาวเทียม Starlink รุ่นใหม่ของ SpaceX โดยมีเป้าหมายเพื่อทดสอบขั้นตอนการปล่อยสัมภาระหรือดาวเทียมจริงสู่วงโคจรในอนาคต
SpaceX เคยตั้งใจจะทดสอบระบบนี้มาแล้ว 2 ครั้งในเดือนมกราคมและมีนาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่สำเร็จ เนื่องจาก Starship ระเบิดกลางอากาศในช่วงไม่กี่นาทีหลังจากปล่อยตัว
แม้จะปล่อยดาวเทียมจำลองไม่ได้ในเที่ยวบินนี้
แต่ภารกิจหลักของ Starship ยังคงดำเนินต่อไป
นั่นคือการเดินทางกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก ถือเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของการทดสอบครั้งนี้
ขณะนี้ยานกำลังเคลื่อนที่ในอวกาศด้วยความเร็วประมาณ 26,300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะ
เข้าสู่ขั้นตอนการกลับสู่โลกในเวลาไม่นาน
0️⃣7️⃣▪️1️⃣5️⃣
Starship สูญเสียการควบคุมทิศทาง
SpaceX รายงานว่า ยาน Starship สูญเสียความสามารถในการควบคุมทิศทางของตัวยานขณะอยู่ในอวกาศหมายความว่ายานจะไม่สามารถปรับ
มุมหรือท่าทางให้เหมาะสมสำหรับการกลับเข้า
สู่ชั้นบรรยากาศโลกได้ตามแผน
สาเหตุเกิดจากระบบถังเชื้อเพลิงภายใน Starship เกิดรอยรั่ว ทำให้แรงดันและสมดุลของระบบควบคุมทิศทางลดลง ส่งผลให้ไม่สามารถบังคับท่าทางของตัวยานได้ตามต้องการ
แม้ว่ายานจะสูญเสียการควบคุม แต่ตามแผนการบิน ยานยังคงจะตกกลับลงสู่มหาสมุทรในเวลาไม่นาน เพราะเส้นทางการบินไม่ได้ออกแบบให้ลอยตัว
ในอวกาศเป็นเวลานาน
0️⃣7️⃣▪️3️⃣0️⃣
สูญเสียสัญญาณติดต่อกับ Starship
ยาน Starshipเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญช่วงท้ายของภารกิจ เมื่อยานได้สูญเสียการควบคุมทิศทางในอวกาศ ไม่สามารถปรับมุมหรือท่าทางสำหรับการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้ตามแผน SpaceX จึงตัดสินใจเริ่มกระบวนการ “passivation” หรือการปล่อยเชื้อเพลิงที่เหลือทั้งหมดออกจากยาน
เพื่อลดความเสี่ยงในการระเบิดระหว่างการตกกลับ
การกลับสู่โลกครั้งนี้จะเป็นแบบไร้การควบคุม
ยานจะพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วประมาณ 20 เท่าของความเร็วเสียง หรือราว 26,300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงเสียดทานและความกดอากาศที่หนาแน่นจะทำให้อุณหภูมิที่ผิวของยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนแตะระดับ 1,400 องศาเซลเซียส ส่งผลให้โครงสร้างของตัวยานมีโอกาสแตกสลายจากแรงดันและความร้อนสูง
เพื่อความปลอดภัย หน่วยงานควบคุมการบินจึงต้องปิดพื้นที่อากาศเป็นบริเวณกว้างเหนือน่านฟ้าในมหาสมุทรอินเดีย เป็นจุดที่คาดว่าส่วนประกอบ
ของ Starship จะตกกระทบผิวน้ำ
Starship ยังคงหมุนคว้างอยู่ในอวกาศ
และ SpaceX ได้ยืนยันว่าจะไม่พยายามจุดเครื่องยนต์อีกต่อไป
ท้ายที่สุด SpaceX ได้สูญเสียสัญญาณติดต่อกับ Starship ก่อนเวลา 07.30 น. 🕕 ตามเวลในไทย เป็นช่วงที่ยานกำลังมุ่งหน้าสู่ชั้นบรรยากาศชั้นล่าง และคาดว่ายานจะสลายตัวกลางอากาศก่อนที่
เศษซากทั้งหมดจะตกลงสู่มหาสมุทรอินเดีย
สรุปภาพรวมการทดสอบ
ครั้งที่​ 9️⃣▪️▪️▪️◾◼️💢
แม้ Starship จะสูญเสียการควบคุมและสลายตัวก่อนถึงพื้นโลกในช่วงท้ายของภารกิจ แต่เที่ยวบินครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่ยืนยันถึงศักยภาพของเทคโนโลยีใหม่หลายอย่างที่ SpaceX นำมาทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Hot Staging สำหรับการแยกขั้น, ความสามารถในการควบคุมเส้นทางการบินความทนทานของโครงสร้างในช่วง Max Q ที่เป็นช่วง
แรงกดดันสูงสุด ไปจนถึงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ชุดใหม่ทั้งหมด 6 ตัวบน Starship
ที่ทำงานได้ตามแผนอย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ การทดสอบยังเปิดโอกาสให้ SpaceX
ได้เก็บข้อมูลสำคัญจากสถานการณ์ผิดปกติจริงในอวกาศ ทั้งการสูญเสียการควบคุมทิศทางในช่วงท้าย และการจัดการระบบถังเชื้อเพลิงเมื่อเกิดรอยรั่ว เป็นบทเรียนล้ำค่าสำหรับการออกแบบ Starship รุ่นถัดไป เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและสมรรถนะ
ให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับ Super Heavy แม้ยังไม่ถือเป็นการ "นำกลับมาใช้ซ้ำ" อย่างเป็นทางการ เนื่องจากยังไม่สามารถลงจอดแบบควบคุมได้ตามแผน แต่เที่ยวบินนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า Super Heavy คือจรวดระดับ
💢Orbital Class Reusable Booster
ตัวแรกของโลก และเป็นระบบขับดัน
หลักสำหรับยาน Starship​ ▪️▪️◾💢
เป็นก้าวต่อจาก Falcon 9 และ Falcon Heavy
ในการพัฒนาระบบขนส่งอวกาศแบบนำกลับ
มาใช้ซ้ำได​ และเที่ยวบินนี้คือการทดสอบขีดความสามารถและพฤติกรรมของระบบในสภาพการณ์จริงก่อนจะนำไปปรับปรุงและใช้งานซ้ำในอนาคต
โดยรวมถือได้ว่า SpaceX กำลังขยับเข้าใกล้
เป้าหมายการสร้างระบบขนส่งอวกาศขนาดใหญ่แบบใช้งานซ้ำได้เต็มรูปแบบเข้าไปอีกขั้น ด้วยข้อมูลและบทเรียนที่ได้จากเที่ยวบินนี้​ จะเป็นรากฐานสำคัญสู่ภารกิจขนส่งดาวเทียม, นักบินอวกาศ และภารกิจไปดวงจันทร์หรือดาวอังคารต่อไปในอนาคต
จบการรายงานสวัสดี​ 🙏🙏🙏
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
การทดสอบและเรื่องราว​ Starship
ครั้งที่ผ่านๆ​ มา​ ▪️▪️◾ IFT 0️⃣➖8️⃣
👇👇👇
โฆษณา