28 พ.ค. เวลา 07:30 • ความคิดเห็น
จริงอยู่ ที่ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แต่ความไม่มีครอบครัวเป็นโลกที่ไม่ทำให้เราเป็นโรคประสาทนั้น มันยิ่งกว่าลาภอันประเสริฐ ฉันใดก็ฉันเลือกเอง ไม่งงเนาะ?
คุณพ่อเราเสียชีวิตตอนเรา 9 ขวบ แฟนคนที่เราให้หมดใจไม่เหลือเลย ได้ตายไปจากใจเรา ตอนเราเกือบ 40 ขวบ แฟนคนที่ซนเข้ามาค้นในลิ้นชักที่ปิดตายเพราะรักร้าว เสียชีวิตในอุบัติเหตุ ตอเนเรา 40 กว่าขวบ ล่าสุดคุณแม่เราเพิ่งเสียขณะที่เราอยู่ในวัยเพียง 40 กว่าขวบ
แม้เราจะเป็นฉาวโฉด แต่เรายังเหลือพี่ๆ หลานๆ ญาติๆ เพื่อนๆ ลูกน้อง เป็นเสมือนคนใกล้ตัวที่เราพอจะพูดคุย สนทนาสารทุกข์ สุกบ้างดิบบ้าง ด่ากัน ถกเถียงกัน งอนกัน นินทากัน โกรธเคืองกัน งอนง้อกัน ให้ชีวิตเราพอมีสีสันได้บ้าง
สีสันที่เราว่ามานั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องเดินต่อไป แถมวิ่งอีกต่างหาก เพราะหากไม่เดินไปด่า หรือวิ่งไปด่า หรือเดินไปง้อ หรือวิ่งไปง้อ เราก็คงจะเฉาตาย ไม่มีเพื่อน ก็หาเพื่อน ไม่มีความรู้ ก็หาความรู้ ไม่มีแควน ก็แค่หาแควน ไม่มีเงิน ก็หาเงิน ใช้ชีวิตให้มันเรียบง่ายแบบนี้เลยค่ะ
แม้ไม่เหลือใคร
จงเดินต่อไปเพื่อตัวเอง
อยากเที่ยว เที่ยว อยากกิน กิน
อยากเรียน เรียน อยากเล่น เล่น
อยากจีบ จีบ อยากทิ้ง ทิ้ง
มันดีออกจะตายไปค่ะ
โฆษณา