28 พ.ค. เวลา 07:30 • ความคิดเห็น
นี่คือเคล็ดลับในการเขียนเรซูเม่ให้มีประสิทธิภาพเมื่อคุณต้องการเปลี่ยนสายงานที่ไม่ตรงกับสาขาที่เรียนมา เพื่อให้ HR เรียกสัมภาษณ์:
1. เน้นทักษะที่สามารถถ่ายทอดได้ (Transferable Skills):
แทนที่จะเน้นสาขาวิชาที่เรียนมาหรืองานในอดีตที่ไม่เกี่ยวข้องกับสายงานใหม่ ให้เน้นทักษะที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ได้แก่:
● Soft Skills: ทักษะการสื่อสาร, การแก้ปัญหา, การคิดเชิงวิพากษ์, การทำงานร่วมกับผู้อื่น, การปรับตัว, ความเป็นผู้นำ, การบริหารเวลา, ทักษะการจัดระเบียบ
● Hard Skills (ถ้ามี): การวิเคราะห์ข้อมูล, การบริหารโครงการ, การวิจัย, การเขียน, ความเชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ (แม้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ ได้)
● ระบุความสำเร็จเป็นตัวเลข: ถ้าเป็นไปได้ ให้ใช้ตัวเลขเพื่อแสดงผลกระทบของทักษะของคุณ (เช่น "ปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการ 15%")
2. ปรับเรซูเม่ให้ตรงกับรายละเอียดงานที่ต้องการ:
อย่าส่งเรซูเม่แบบทั่วไป สำหรับการสมัครงานแต่ละครั้ง:
● อ่านรายละเอียดงานอย่างละเอียด: ระบุคำสำคัญ, ทักษะที่จำเป็น และความรับผิดชอบ
● ใช้คำสำคัญเหล่านั้น: สอดแทรกคำสำคัญเหล่านี้ลงในเรซูเม่ของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในส่วนของสรุป/วัตถุประสงค์, ส่วนทักษะ และคำอธิบายประสบการณ์การทำงาน
● ปรับเปลี่ยนวิธีอธิบายประสบการณ์: อธิบายบทบาทในอดีตของคุณในลักษณะที่เน้นว่าประสบการณ์ของคุณสอดคล้องกับข้อกำหนดของบทบาทใหม่ได้อย่างไร แม้ว่าบริบทจะแตกต่างกันก็ตาม
3. เขียนส่วน "สรุป" (Summary) หรือ "วัตถุประสงค์" (Objective) ให้โดดเด่น:
● สรุป (ถ้าคุณมีประสบการณ์): ควรเป็นย่อหน้า 2-4 ประโยคที่อยู่ด้านบนสุดของเรซูเม่ ซึ่งสรุปทักษะ ประสบการณ์ และเป้าหมายในอาชีพที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว โดยระบุความสนใจในสายงานใหม่และคุณค่าที่คุณสามารถนำมามอบได้อย่างชัดเจน
● วัตถุประสงค์ (ถ้าเป็นนักศึกษาจบใหม่หรือมีประสบการณ์จำกัด): ระบุเป้าหมายในอาชีพในสายงานใหม่ให้ชัดเจน และชี้ให้เห็นว่าทักษะและความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ของคุณทำให้คุณเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมได้อย่างไร
4. เน้นโครงการที่เกี่ยวข้อง, งานอาสาสมัคร หรือหลักสูตรที่เรียน:
● หากคุณเคยเรียนคอร์สออนไลน์ ทำโปรเจกต์ส่วนตัว หรือทำงานอาสาสมัครในสายงานใหม่ (แม้จะไม่ได้รับค่าตอบแทน) ให้เน้นสิ่งเหล่านี้อย่างชัดเจน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสนใจและความคิดริเริ่มที่แท้จริงของคุณ
● สำหรับนักศึกษาจบใหม่ ให้เน้นหลักสูตรที่เกี่ยวข้องหรือโปรเจกต์ทางวิชาการที่สอดคล้องกับสายงานใหม่ แม้ว่าสาขาวิชาของคุณจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงก็ตาม
5. อธิบายการเปลี่ยนสายงานโดยตรง (ถ้าเหมาะสม) ในจดหมายปะหน้า (Cover Letter):
● จดหมายปะหน้าที่น่าสนใจมีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อเปลี่ยนสายงาน ช่วยให้คุณสามารถอธิบายแรงจูงใจในการเปลี่ยนสายงาน ประสบการณ์ในอดีตของคุณได้เตรียมความพร้อมอย่างไร และเหตุใดคุณจึงมีความหลงใหลในบทบาท/อุตสาหกรรมใหม่
● ใช้จดหมายปะหน้าเพื่อเชื่อมโยงช่องว่างระหว่างประสบการณ์ในอดีตของคุณกับข้อกำหนดของบทบาทใหม่
6. สร้างเครือข่ายและหาประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง:
● แม้ว่าการเขียนเรซูเม่ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ แต่ลองพิจารณาการสร้างเครือข่ายกับผู้คนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของคุณ การสัมภาษณ์แบบให้ข้อมูล (informational interviews) สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกและบางครั้งนำไปสู่โอกาส
● มองหาตำแหน่งงานเริ่มต้น (entry-level) หรืองานฝึกงานที่สามารถให้ประสบการณ์ตรงในสายงานใหม่ได้ สิ่งนี้สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับเรซูเม่ของคุณได้อย่างมาก
7. พิจารณารูปแบบเรซูเม่แบบ Functional หรือ Combination:
● แม้ว่าเรซูเม่แบบเรียงตามลำดับเวลา (chronological) จะเป็นมาตรฐาน แต่หากประวัติการทำงานของคุณไม่เกี่ยวข้องโดยตรง เรซูเม่แบบเน้นทักษะ (functional) (ซึ่งเน้นทักษะมากกว่าประวัติการทำงานตามลำดับเวลา) หรือเรซูเม่แบบผสมผสาน (combination) (ซึ่งเน้นทักษะและรวมประวัติการทำงานตามลำดับเวลาด้วย) อาจมีประสิทธิภาพมากกว่า อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าระบบ HR หรือผู้สรรหาบางรายอาจชอบแบบเรียงตามลำดับเวลามากกว่า
ด้วยการเน้นจุดเหล่านี้ คุณสามารถนำเสนอเรซูเม่ที่แสดงศักยภาพและทักษะที่ถ่ายทอดได้ของคุณต่อ HR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการถูกเรียกสัมภาษณ์แม้จะเปลี่ยนไปทำงานในสายงานที่ไม่เกี่ยวข้องก็ตาม
โฆษณา