Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
แฟนบอลเลเวล 1
•
ติดตาม
28 พ.ค. เวลา 11:23 • กีฬา
Steven Gerrard กัปตันความทรงจำ
“Steve Gerrard, Gerrard, He'll pass the ball 40 yards,
He's big and he's f***ing hard, Steve Gerrard, Gerrard...”
เสียงแฟนบอลร้องเพลงนี้ในสนามในนัดปิดฤดูกาล 2024/25 กล้องที่จำจ้องไปที่สตีวี่จี ทำให้ผมย้อนนึกถึงวันวาน...
ผมต้องสารภาพตามตรง ผมเริ่มมาเชียร์ลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2014/15 อย่างที่ทราบกันดีว่าเป็นฤดูกาลสุดท้ายของกัปตัน
ลูกผลิกแซง ควีนปารค์ ในแอนฟิลด์ เป็นลูกแรกที่ผมเห็นจากกัปตัน หรือโมเม้นท์ 38 วินาที กับ ยูไนเต็ด ผมในวัย 8 9 ขวบ คงไม่ปลื้มกับโมเมนต์นี้มากนัก ทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามกับกัปตันคนนี้
“เจอร์ราร์ด เก่งขนาดนั้นเลยหรอ ?”
หลังจบฤดูกาลนั้น กัปตันย้ายไปเล่นให้ แอลเอ กาแล็กซี ใน เมเจอร์ลีกซอกเกอร์ และแขวนสตั๊ดในที่สุด
แต่ทำไมผมถึงเขียนบทความนี้ขึ้นมากันละ ?
หลังจากที่เจอร์ราร์ดโดนใบแดงไล่ออกกับยูไนเต็ด ผมได้ย้อนไปดูว่าทำไมกันสตีเวนเจอร์ราดถึงได้เป็นกัปตันทำไมเขาเก่งขนาดนั้นเลยหรอ คำถามของเด็กน้อยไร้เดียงสา ทำให้เขาพบกับคลิปๆ หนึ่งในยูทูป
YNWA - Liverpool vs Milan (2005)
และคลิปนั้นเปลี่ยนทัศนคติของเด็กน้อยคนนั้นไปตลอดกาล
ปี 2005 ณ สนามอตาเติร์ก อิสตันบูล ประเทศตรูกี ในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ลิเวอร์พูลนำทัพด้วย สตีเวน เจอร์ราร์ด บัญชาร่วมกับ ชาบี อลองโซ่ ในขณะที่ ปีศาจแดงดำนำทัพด้วยขุนพลที่เรียกได้ว่าเป็นตัวเทพในโลกฟุตบอล ณ ขณะนั้น กาก้า,อันเดร ปีร์โล และหัวหอกอย่าง อันเดร เชฟเชนโก ซึ่งเป็นนักเตะที่คว้าบัลลงดอร์ปีล่าสุด ถ้าพูดถึงไลน์อัพของทั้งสองทีมก็คงเป็นเอซี มิลานที่ดูดีกว่าหลายขุม
ซึ่งก็เป็นไปตามคาดในครึ่งแรก เอซีมิลาน ถล่ม ลิเวอร์พูลไป 3-0 เรียกได้ว่าหงส์แดงไม่สามารถทำอะไรได้เลยในครึ่งแรกเป็นวัตถุดิบชั้นดีให้เอซีมิลานซ้อมเกมรุกเลยก็ว่าได้
ในห้องแต่งตัวของลิเวอร์พูลมีแต่ความเงียบสงัด ความผิดหวังเกาะกินหัวใจของนักเตะแต่ละคน
ในช่วงเวลานั้น ราฟา เบนิเตซ ซึ่งเป็นโค้ช ของลิเวอร์พูล ได้แค่เปลี่ยนตัวตาม แท็กติกเท่านั้น แต่ทว่า เจอร์ราร์ดได้ขอ เบนิเตซ และสตาฟคนอื่นๆ ให้ออกจากห้องแต่งตัวเขาอยากคุยกับผู้เล่นเพียงเท่านั้น
สโมสรนี้คือชีวิตของฉัน มันคือทั้งหมดที่ฉันเคยรู้จัก
สตีเวน เจอร์ราร์ด
ฉันจะไม่ปล่อยให้เรากลายเป็นตัวตลกในประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ลีก
สตีเวน เจอร์ราร์ด
ถ้าเราเคารพเขาและรักเขาในฐานะกัปตันทีม เราต้องดึงตัวเองมารวมกันและต่อสู้เพื่อกลับเข้าสู่เกม
สตีเวน เจอร์ราร์ด
ซึ่งคำพูดของเขาแปรเปลี่ยนผลลัพธ์ในครึ่งหลัง นักเตะลิเวอร์พูลแต่ละคนเล่นดีอย่างน่าเหลือเชื่อ
ในนาที 54 สตีเวน เจอร์ราร์ด โหม่งตีไข่แตกได้สำเร็จ จากการโยนบอลของ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ทำให้คำคืนนี้ไม่สามารถคาดเดาได้อีกต่อไป
เพียงแค่ 15 นาที ในครึ่งหลังเหล่าพลพรรคหงส์แดงก็ได้สร้างฉากคัมแบคที่ดีตลอดกาลในโลกลูกหนัง---
ลิเวอร์พูลสามารถพลิกนรก ตีเสมอ 3-3 ได้สำเร็จ จากการยิงซ้ำจากจุดโทษของ ชาบี อลองโซ่ และเป็น เจอร์ราร์ด เรียกจุดโทษนั้น--- แมตช์นี้ยือกันไปจนดวลจุดโทษ และเป็น ลิเวอร์พูลที่สามารถ หักปากกาเซียนคว้าถ้วยยุโรปสถาปนาเป็นจ้าวยุโรป สมัยที่ 5 ให้กับ สโมสรได้สำเร็จ
“ผมจะไม่มีวันลืมคำพูดของทีมในช่วงพักครึ่งของสตีเวน เจอร์ราดในนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก ปี 2005"
จีบรีล ซีเซ
ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในเวลาที่อุปสรรคมันเข้ามาทุกอย่าง เพียงแค่อย่ายอมแพ้ อย่าละทิ้งศรัทธา
กัปตันไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่เป็นเหมือนแรงใจในลูกทีมที่กำลังแตกสลาย
สุดท้ายนี้ถึงแม้สตีเวน เจอร์ราร์ด จะมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ อย่างการลื่นช็อกโลกจนนำไปเป็นตัวตลกในโลกออนไลน์หรือแม้กระทั่งแฟนบอลนำไปแต่งเป็นเพลงล้อก็ตาม
ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดว่า ถ้ามันไม่เกิดขึ้น ผลลัพธ์จะเปลี่ยนไปไหม? อาจจะใช่ ผมไม่รู้
สตีเวน เจอร์ราร์ด
แม้จะต้องเผชิญกับคำวิจารณ์และความเจ็บปวดจากเหตุการณ์นั้น เจอร์ราร์ดยืนยันว่าเขาไม่กลัวคำวิจารณ์หรือความโหดร้ายใดๆ และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน
สตีเวน เจอร์ราร์ดได้สอนให้ผมรู้ว่า “ไม่ควรละทิ้งศรัทธาตราบที่เรายังมีโอกาส”
สตีเวน เจอร์ราร์ดได้สอนให้ผมรู้ว่า “ควรก้าวผ่านความผิดพลาดและเผชิญหน้ากับมันถึงแม้มันจะเจ็บปวดก็ตาม”
และพวกคุณมีกัปตันในความทรงจำกันไหมครับ?
#waynemood
พรีเมียร์ลีก
ลิเวอร์พูล
ฟุตบอล
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย