WHO เพิ่งได้ "สนธิสัญญาระบาดใหญ่" ฉบับใหม่ทันเวลาพอดี
ก่อนเกิดโรคระบาดร้ายแรงที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
ในห้องปฏิบัติการลับทั่วโลก นักวิจัยกำลังทดลองกับโรคร้ายแรงที่สุดเท่าที่มนุษยชาติเคยรู้จัก ในบางกรณี เป้าหมายคือการทำให้โรคร้ายเหล่านั้นรุนแรงยิ่งขึ้นและแพร่กระจายได้ง่ายยิ่งขึ้น หากองค์กรก่อการร้ายหรือศัตรูของเราต้องการสร้างความโกลาหลอย่างสมบูรณ์ในสังคมของเรา การปล่อยโรคที่ถูกพัฒนาเป็นอาวุธในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการทำเช่นนั้น (จุดจบของความฝันแบบอเมริกัน)
ระเบิดอาจคร่าชีวิตผู้คนได้หลายร้อยหรือหลายพันคน แต่โรคระบาดร้ายแรงที่ติดต่อได้ง่ายสามารถแพร่กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว และอาจคร่าชีวิตชาวอเมริกันได้หลายล้านคน หากคุณเชื่อว่าอิหร่าน เกาหลีเหนือ รัสเซีย จีน และกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงทั่วโลก จะไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้น เพราะพวกเขาเป็นคนดีมาก คุณก็คงมองโลกในแง่ดีกว่าผมเยอะ
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็นความก้าวหน้าอย่างมากในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพ การทดลองที่ครั้งหนึ่งต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลในการดำเนินการ ตอนนี้สามารถดำเนินการได้โดยกลุ่มนักศึกษาวิทยาลัยที่ทำงานในห้องใต้ดิน
เรามีความเสี่ยงมากกว่าที่คนส่วนใหญ่ตระหนัก และเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่การระบาดใหญ่ครั้งต่อไปจะปะทุขึ้น
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกได้นำ "ข้อตกลงการระบาดใหญ่" มาใช้ ซึ่งควรจะช่วยในการต่อสู้กับการระบาดใหญ่ในอนาคต...
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ลงมติรับรองข้อตกลงฉบับแรกของโลก ว่าด้วยความร่วมมือและการรับมือกับการระบาดใหญ่ในอนาคต เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากการเจรจาอย่างเข้มข้นเป็นเวลาสามปี โดยปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา
ข้อตกลงดังกล่าวได้รับการอนุมัติอย่างท่วมท้นในการลงมติของการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีของผู้แทนประเทศสมาชิกขององค์การอนามัยโลก โดยมีคะแนนเสียงเห็นชอบ 124 เสียง งดออกเสียง 11 เสียง และไม่มีผู้คัดค้าน ผู้นำของประเทศสมาชิกต่างชื่นชมข้อตกลงดังกล่าว รวมถึงนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ซึ่งกล่าวว่าเป็นพันธสัญญาที่ร่วมกันเพื่อให้มั่นใจว่า "จะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง"
เราได้รับแจ้งว่าข้อตกลงการรับมือโรคระบาดใหม่นี้ จะนำไปสู่ "การประสานงานและการเฝ้าระวังระหว่างประเทศที่มากขึ้น"...
จากรายงานของเอเอฟพี ข้อตกลงนี้ "มีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจจับและต่อสู้กับการระบาดใหญ่ได้ดียิ่งขึ้น โดยเน้นที่การประสานงานและการเฝ้าระวังระหว่างประเทศที่มากขึ้น รวมถึงการเข้าถึงวัคซีนและการรักษาที่เท่าเทียมกันมากขึ้น"
เยี่ยมไปเลย
ทีนี้เราก็จะได้เห็น "การประสานงานระหว่างประเทศ" และ "การเฝ้าระวัง" ที่มากขึ้นกว่าเดิมสินะ
ใครกันแน่ที่จะเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินมาตรการเฉพาะเพื่อให้มั่นใจว่าจะมี "การประสานงานและการเฝ้าระวังระหว่างประเทศที่มากขึ้น" ในอนาคต?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นองค์การอนามัยโลก
นี่คือการฉวยอำนาจของ WHO และผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ดร. เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส เพิ่งออกแถลงการณ์แสดงความยินดีอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้...
โลกปลอดภัยมากขึ้นในวันนี้ ด้วยความเป็นผู้นำ ความร่วมมือ และความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกของเราในการรับรองข้อตกลงการระบาดใหญ่ของ WHO ที่เป็นประวัติศาสตร์
ข้อตกลงนี้เป็นชัยชนะของสาธารณสุข วิทยาศาสตร์ และการดำเนินการร่วมกันหลายฝ่าย จะทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเราโดยรวมจะสามารถปกป้องโลกจากภัยคุกคามจากการระบาดใหญ่ในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น
นี่เป็นการยอมรับจากนานาชาติว่าพลเมือง สังคม และเศรษฐกิจของเราต้องไม่ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับความสูญเสียเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 อีก
โชคดีที่ยังมีผู้นำโลกบางคนที่ออกมาคัดค้านข้อตกลงว่าด้วยโรคระบาด
หนึ่งในนั้นคือ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์…
ในการกล่าวปราศรัยที่บันทึกไว้ล่วงหน้าและออกอากาศในการประชุมสมัชชา WHO นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง และเรียกร้องให้ "ปรับปรุงระบบทั้งหมด" ใหม่
"WHO ยังไม่ได้ยอมรับความล้มเหลวของตนเองในช่วงโควิด และยังไม่ได้ทำการปฏิรูปที่สำคัญใดๆ" เคนเนดีกล่าว "แต่กลับเดินหน้าต่อด้วยข้อตกลงด้านการระบาดใหญ่ ซึ่งจะล็อคปัญหาทั้งหมดของการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของ WHO ไว้"
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
