29 พ.ค. เวลา 03:16 • ข่าวรอบโลก

เวียดนามในสปอตไลต์ จุดยุทธศาสตร์ใหม่ที่มหาอำนาจต้องต่อคิว

  • เวียดนามกลายเป็นเวทีกลางที่มหาอำนาจต้องแย่งชิงพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ ทั้งจีน สหรัฐฯ ฝรั่งเศส ต่างทยอยส่งผู้นำเยือนเวียดนาม
  • รักษาสมดุลระหว่างการเปิดเศรษฐกิจ กับการควบคุมอำนาจภายในประเทศ นักลงทุนมองเวียดนามเป็นตลาดศักยภาพสูง
  • ออกแบบภาพลักษณ์ใหม่ บนเส้นทางเทคโนโลยี นวัตกรรม และความร่วมมือพหุภาคี
การทูตระหว่างประเทศไม่ใช่แค่เรื่องของความสัมพันธ์ แต่กลายเป็นเกมเชิงยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนและเข้มข้น มีบางอย่างเปลี่ยนไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่แค่เพราะความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แต่เพราะประเทศเล็ก ๆ อย่าง เวียดนาม กำลังกลายเป็น “ศูนย์กลางความสนใจ” จากผู้นำมหาอำนาจระดับโลกทั้ง ฝรั่งเศส สหรัฐ และจีน เดินทางเยือนเวียดนามในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
วาระของแต่ละประเทศแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดสะท้อนความจริงร่วมข้อหนึ่งอย่างชัดเจน เวียดนามกำลังกลายเป็นเวทีสำคัญ ของการแข่งขันระหว่างขั้วอำนาจโลก
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ผู้นำจากจีน สหรัฐฯ และฝรั่งเศส ต่างก็เดินทางไปเยือนประเทศเดียวกันนั่นคือ "เวียดนาม" พร้อมข้อเสนอที่ไม่ธรรมดา ต่อไปนี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสำหรับการเปิดเกมใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเหตุผลว่า อะไรทำให้เวียดนามดึงดูดความสนใจจากต่างประเทศในปี 2025
ทำไมฝรั่งเศส เลือกเวียดนามเป็นจุดหมายแรก
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เลือกเวียดนามเป็นจุดหมายแรกในการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ วาระของเขาชัดเจน นั่นคือ การเสริมสร้างตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของสหภาพยุโรปในภูมิภาคที่ถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐฯ
ในการพบปะกับโต ลัม ผู้นำคนใหม่ของเวียดนาม มาครงหยิบยกประเด็นความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ และท่าทีแข็งกร้าวของจีนในทะเลจีนใต้มาใช้เป็นจุดเชื่อม เพื่อย้ำถึงบทบาทของยุโรปในฐานะขั้วพหุภาคีที่เสนอทางเลือกใหม่ให้กับประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โต ลัม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (ขวา) จับมือกับประธานาธิบดีฝรั่งเศสเอ็ม มานู เอล มาครง (ซ้าย) ที่สำนักงานคณะกรรมการกลางพรรคในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2025
โต ลัม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (ขวา) จับมือกับประธานาธิบดีฝรั่งเศสเอ็ม มานู เอล มาครง (ซ้าย) ที่สำนักงานคณะกรรมการกลางพรรคในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2025
ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าสนใจก็คือ การเดินทางของผู้นำจีน ไม่ได้มีเพียงความหมายทางการทูต แต่ยังเต็มไปด้วยมิติทางเศรษฐกิจ
สี จิ้นผิง และแผนเชื่อมโลกผ่านเวียดนาม
การเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในวันที่ 14–15 เมษายน 2025 เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเวียดนาม 46% ท่ามกลางการเผชิญหน้าทางเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้น เวียดนามซึ่งอยู่ตรงกลางความขัดแย้ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากทั้งสองฝ่าย
จีนไม่ต้องการให้เวียดนามเอียงไปทางสหรัฐฯ และสี จิ้นผิงเลือกใช้ท่าทีทั้งเตือนและเสนอ ด้วยข้อเสนอความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมถึงการขนส่ง พลังงาน โลจิสติกส์ และการจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือทางรถไฟ พร้อมเงื่อนไขเงินกู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
ภายใต้ยุทธศาสตร์นี้ที่ถูกย้ำในการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนก่อนการเยือนเวียดนาม มีการวิพากวิจารณว่า สี จิ้นผิง กำลังใช้เวียดนามเป็นส่วนหนึ่งของกันชนทางภูมิรัฐศาสตร์ เพื่อลดแรงกดดันจากสหรัฐฯ และตะวันตก
การที่จีนเน้นย้ำพื้นที่รอบนอกอีกครั้งเพื่อเป็นกันชนในการต่อต้านการเผชิญหน้าและการแยกตัวของชาติตะวันตกถือเป็นกลยุทธ์ที่พิสูจน์มาแล้ว หลังจากการปราบปรามที่เทียนอันเหมินในปี 1989 และการล่มสลายของกลุ่มคอมมิวนิสต์
จีนหันมาพึ่งอาเซียนเพื่อรักษาเสถียรภาพของสภาพแวดล้อมภายนอก ขณะที่เวียดนามใช้โอกาสนี้ในการสร้างความสัมพันธ์กับจีนให้เป็นปกติและแก้ไข ปัญหา กัมพูชาส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางการทูตที่ยุติความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างสองประเทศที่กินเวลาร่วมทศวรรษ
เอริก ทรัมป์ เงินทุน และสนามกอล์ฟที่มากกว่าธุรกิจ
นอกจากนี้ การปรากฏตัวของ เอริก ทรัมป์ Eric Frederick Trump ที่เวียดนามก็ถูกจับตา เนื่องจากถูกมองว่า ไม่ใช่แค่การทำธุรกิจครอบครัว แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงความเชื่อมั่นบางอย่าง
เวียดนามในนามของภาคเอกชนสหรัฐฯ โครงการพัฒนารีสอร์ตและสนามกอล์ฟมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ ใกล้กรุงฮานอย เป็นการร่วมมือระหว่าง Trump Organization และ Kinhbac City บนพื้นที่กว่า 990 เฮกตาร์ ซึ่งได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเวียดนามเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า
เอริก ทรัมป์เรียกโครงการนี้ว่าเป็นต้นแบบที่เอเชียและทั่วโลกต้องจับตา พร้อมมีแผนหารือกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อพัฒนาโครงการตึกระฟ้าในศูนย์กลางธุรกิจตอนใต้ของประเทศ
แม้จะไม่มีการแถลงการณ์จากรัฐบาลสหรัฐโดยตรง แต่การที่ลูกชายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท Trump Org เดินทางมาลงหมุด ทางเศรษฐกิจในเวียดนาม ท่ามกลางความขัดแย้งทางภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับเวียดนามเอง ย่อมมีนัยทางยุทธศาสตร์มากกว่าที่เห็น
เวียดนามในสปอตไลต์โลก ทำไมปี 2025 จึงเป็นปีที่โลกจับตา
มหาอำนาจการผลิตแห่งใหม่ดึงดูดนักลงทุน
เวียดนามกำลังถูกกล่าวถึงในฐานะ “เวิร์กช็อปแห่งใหม่ของโลก” หลังจากห่วงโซ่อุปทานโลกเริ่มเบนทิศทางออกจากจีน บริษัทต่างชาติจึงหันมาจับตามองเวียดนามที่มีทั้งแรงงานฝีมือ ค่าจ้างแข่งขันได้ และทำเลเชิงยุทธศาสตร์
ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Samsung และ Intel ได้ลงทุนในเวียดนามมานาน ขณะที่รายใหม่อย่าง Nvidia มีรายงานว่ากำลังจับมือกับรัฐบาลเวียดนามเพื่อจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) รัฐบาลเองก็เร่งปั้นบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI หลายหมื่นคน สะท้อนจุดยืนชัดเจนว่า เวียดนามต้องการเป็นมากกว่าโรงงานของโลก แต่เป็น ศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งอนาคต
เดินหมากภูมิรัฐศาสตร์ในยุคสงครามการค้า
แม้เศรษฐกิจจะเติบโต แต่เวียดนามก็ต้องรับมือกับแรงเสียดทาน โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ที่เริ่มกลับมาใช้มาตรการกีดกันทางการค้า เวียดนามมีดุลการค้าส่วนเกินกับสหรัฐฯ ราว 1 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2023 จึงอาจตกเป็นเป้าของภาษีนำเข้า เช่น เหล็กที่ถูกเก็บภาษี 25%
เวียดนามจึงเร่งเจรจากับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงมาตรการเพิ่ม ขณะเดียวกันก็สานสัมพันธ์กับบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง Boeing ผ่านดีลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ถือเป็นเกมที่ต้องอาศัยความสมดุลทางการเมืองและการค้าอย่างมาก
วัฒนธรรม–การท่องเที่ยว ขยายซอฟต์พาวเวอร์
นอกจากอุตสาหกรรมและการเมือง เวียดนามยังดึงดูดชาวต่างชาติด้วยความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่นและธรรมชาติอันหลากหลาย การค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยวเวียดนามใน Google จากต่างประเทศพุ่งสูงขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
สถานที่อย่าง ฮอยอัน ฮานอย และกิจกรรมระดับนานาชาติเช่น มาราธอน Apollo New Delhi 2025 ที่มีเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นร่วมวิ่ง ต่างตอกย้ำว่า “ซอฟต์พาวเวอร์” ของเวียดนามกำลังเติบโต และกลายเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่ต้องการประสบการณ์แท้จริง
โฆษณา