29 พ.ค. เวลา 01:48 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
เมื่อก่อนเคยสงสัยตัวเองเหมือนกันนะที่ไม่ชอบดูหนังไทย พวกละครหลังข่าว ละครหัวค่ำที่เค้าติดกันงอมแงมทั้งบ้านทั้งเมือง แต่เราดูไม่รู้เรื่อง ไม่อิน ไม่เก็ท รำคาญด้วยซ้ำ จนสงสัยว่านี่ฉันเป็นโรคต่อต้านสังคมรึป่าว!! 5555
แต่พวกหนังฝรั่ง หนังจีนกำลังภายใน สมัยก่อนเป็นหนังฮ่องกง ฯลฯ พวกนี้ดูได้หมดนะ ก็เลยยิ่งสงสัยว่า หรือเราดัดจริตไปเอง
แล้วต่อมาก็ได้ความกระจ่างตอนที่ลงเรียนคอร์ส Consumer Psychology มีเวิร์คช็อปนึงในหัวข้อ Commercial Film สาระใจความโดยสรุปคือ..
ไม่ว่าจะเป็นหนังโฆษณาที่ความยาวไม่กี่วิฯ ภาพยนตร์ความยาวชม.กว่า หรือซีรีย์ที่มีหลายอีพี หลายซีซั่น **การดึงดูดให้ผู้ชมอยู่กับหนังจนจบ ใช้หลักการเดียวกันคือ Mission Based** กล่าวคือ..เป็นการทำให้คนดู รู้สึกเอาใจช่วยตัวแสดงในเรื่อง ให้ทำภารกิจจนสำเร็จลุล่วง
มีบางเรื่องใช้หลัก Curiosity ความอยากรู้อยากเห็น ดึงให้คนดูติดตามจนจบ แต่พอตอนจบเฉลยแล้วกลับไม่ว๊าว ดาวตกฮวบ นักวิจารณ์ด่ายับ ถ้าคนเขียนบทไม่ใช่ชั้นเซียนจริงๆส่วนใหญ่มักจะหลีกเลี่ยง หรือไม่ก็ใช้ Curiosity เป็นรอง แต่ Mission Based เป็นหลัก
ยกตย.เช่น หนังแนวแอ็คชั่น ต่อสู้ หลบหนี เฉียดฉิว / แนวสืบสวนสอบสวน ไขคดี / แนวดราม่า โรแมนติค เอาใจช่วยให้ฟันฝ่าอุปสรรค ความรักสมหวัง / ฯลฯ ล้วนมีเส้นเรื่องที่เป็น Mission Based
ส่วนสีสันความสนุก ความมันส์ เคมีของนักแสดง easter egg ต่างๆที่ซ่อนอยู่ในหนัง หรือฉากขับรถไล่ล่า ฉากระเบิดสวยๆหรือขับรถพุ่งชนรถเข็นขายผลไม้แตกกระเจิง หรือเพลงประกอบเพราะๆหรือที่ให้ข้อคิดดีๆในตอนท้าย ฯลฯ พวกนี้เป็นส่วนที่เสริมเสน่ห์ให้หนังค่ะ
เมื่อรวมองค์ประกอบทุกอย่างเข้าด้วยกันอย่างลงตัว คนดูจึงรู้สึกว่าสนุก และติดตามชมจนจบ
ต่างจากละครหรือหนังไทยในสมัยก่อน ที่มักหยิบจับนวนิยายมาสร้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแนวชีวิตคน เล่าความเป็นมา-เป็นไป เล่าเรื่องก็เล่าไปเรื่อย ดูไปหลับไป ตื่นมายังวนอยู่ที่เดิม!!
โฆษณา